แผนธุรกิจการผลิตสินค้า
การเริ่มต้นธุรกิจการผลิตสินค้ามีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่คุณควรทราบเพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ. นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นในการเริ่มต้นธุรกิจการผลิตสินค้า
-
การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Idea) ให้คุณเริ่มต้นด้วยการสร้างแนวคิดธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการกำหนดว่าคุณจะผลิตสินค้าอะไร, สำหรับใคร, และเหมาะสมกับตลาดใด.
-
การศึกษาตลาด (Market Research) ทำการศึกษาตลาดเพื่อทราบว่ามีความต้องการในสินค้าของคุณหรือไม่ และใครเป็นคู่แข่งในตลาดนั้น.
-
การวางแผนธุรกิจ (Business Planning) สร้างแผนธุรกิจที่รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิต, การเงิน, การตลาด, และการบริหารธุรกิจ.
-
การเลือกสถานที่ (Selecting a Location) เลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตสินค้าของคุณ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ.
-
การสร้างโรงงานและอุปกรณ์ (Building Facilities and Equipment) สร้างหรือเช่าโรงงานที่จะใช้ในการผลิตสินค้า และระบบอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการผลิต.
-
การสร้างระบบการผลิต (Setting up Production Processes) สร้างกระบวนการการผลิตสินค้า รวมถึงการสร้างหรือซื้อเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จำเป็น.
-
การจัดหาวัตถุดิบ (Sourcing Raw Materials) จัดหาวัตถุดิบที่จำเป็นในการผลิตสินค้า และสร้างบรรจุภัณฑ์ในกรณีที่จำเป็น.
-
การจัดการการเงิน (Financial Management) วางแผนงบประมาณและจัดการการเงินของธุรกิจ รวมถึงการระบายรายได้และค่าใช้จ่าย.
-
การตลาดและการขาย (Marketing and Sales) สร้างแผนการตลาดและการขายเพื่อสร้างความรู้และความตื่นตะเวนให้กับสินค้าของคุณ.
-
การบริหารธุรกิจ (Business Management) ให้คุณสร้างระบบการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดทีมงานและการบริหารสิ่งที่เกี่ยวกับความเสี่ยง.
-
การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ (Compliance with Laws and Regulations) ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดในการผลิตและการทำธุรกิจอย่างถูกต้องและสอดคล้อง.
-
การสร้างฐานลูกค้า (Building Customer Base) สร้างและรักษาฐานลูกค้าที่คุณสามารถขายสินค้าของคุณต่อไป.
-
การตรวจสอบและปรับปรุง (Evaluation and Improvement) ตรวจสอบแผนธุรกิจและกระบวนการผลิตของคุณเป็นระยะๆ และปรับปรุงตามความต้องการ.
-
การเริ่มต้นการผลิตและการตลาด (Start Production and Marketing) เมื่อทุกสิ่งพร้อมแล้ว คุณสามารถเริ่มการผลิตและการตลาดสินค้าของคุณได้.
-
การติดตามและการวัดผล (Monitoring and Measuring) ติดตามผลการดำเนินงานของธุรกิจและวัดผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้.
การเริ่มต้นธุรกิจการผลิตสินค้าอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่การวางแผนและการทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต.
ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจการผลิตสินค้า
นี่คือตัวอย่างรูปแบบของตารางเปรียบเทียบรายรับและรายจ่ายในธุรกิจการผลิตสินค้า
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
รายรับจากขายสินค้า | XXX,XXX | |
รายรับจากการบริการ | XXX,XXX | |
รายรับจากลูกค้ารายใหม่ | XXX,XXX | |
รายรับจากการลงทุน | XXX,XXX | |
รายรับจากแหล่งรายได้อื่นๆ | XXX,XXX | |
รวมรายรับ | XXX,XXX |
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
ค่าจ้างแรงงาน | XXX,XXX | |
วัตถุดิบและวัสดุ | XXX,XXX | |
ค่าเช่าสถานที่ | XXX,XXX | |
ค่าน้ำ, ไฟ, โทรศัพท์, อินเทอร์เน็ต | XXX,XXX | |
ค่าเช่าและการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ | XXX,XXX | |
ค่าโฆษณาและการตลาด | XXX,XXX | |
ค่าใช้จ่ายในการจัดการทางการเงิน | XXX,XXX | |
ค่าใช้จ่ายในการบริหารทั่วไปของธุรกิจ | XXX,XXX | |
ค่าเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ | XXX,XXX | |
รวมรายจ่าย | XXX,XXX |
| กำไร (ขาดทุน) | XXX,XXX | XXX,XXX |
โดยในตารางนี้
-
รายรับ (บาท) ระบุยอดรวมของรายรับทั้งหมดที่ธุรกิจได้รับในรอบเวลาที่ระบุ (เช่น เดือนหรือปี).
-
รายจ่าย (บาท) ระบุยอดรวมของรายจ่ายทั้งหมดในรอบเวลาที่ระบุ.
-
ค่าจ้างแรงงาน (ค่าจ้างคนงาน), วัตถุดิบและวัสดุ (ค่าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า), ค่าเช่าสถานที่ (ค่าเช่าโรงงานหรือสำนักงาน), ค่าน้ำ, ไฟ, โทรศัพท์, อินเทอร์เน็ต (ค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวก), ค่าเช่าและการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ (ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต), ค่าโฆษณาและการตลาด (ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาสินค้า), ค่าใช้จ่ายในการจัดการทางการเงิน (ค่าจ้างทนายความ, ค่าบัญชี, ค่าตรวจสอบ), ค่าใช้จ่ายในการบริหารทั่วไปของธุรกิจ (ค่าใช้จ่ายในการบริหารทั่วไปของธุรกิจเช่น ค่าสำนักงาน, ค่าโทรศัพท์, ค่ารถไปรษณีย์), และค่าเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ (ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ).
-
กำไร (หรือขาดทุน) คำนวณโดยหักรายจ่ายจากรายรับ ถ้ามีรายรับมากกว่ารายจ่ายจะเป็นกำไร แต่ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายรับจะเป็นขาดทุน.
อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการผลิตสินค้า
การผลิตสินค้าเป็นสาขาธุรกิจที่มีหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องกัน นี่คือบางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการผลิตสินค้า
-
นักวาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Designers and Drafters) ออกแบบและวาดรูปแบบสินค้าใหม่ ให้ความสนใจในรายละเอียดเทคนิคและการกำหนดรูปร่างของผลิตภัณฑ์.
-
วิศวกรผลิต (Manufacturing Engineers) วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้า.
-
ช่างโรงงาน (Factory Workers) ปฏิบัติงานในโรงงานเพื่อผลิตสินค้า รวมถึงการประมาณความสามารถของการทำงาน.
-
คนทำสินค้าแบบหัตถการ (Artisans) ช่างที่มีความชำนาญในการสร้างสินค้าแบบหัตถการหรือทำด้วยมือ.
-
นักบริหารโรงงาน (Factory Managers) ควบคุมและจัดการกิจกรรมในโรงงานเพื่อให้ผลิตสินค้าตามมาตรฐานและเป้าหมายทางธุรกิจ.
-
พนักงานควบคุมคุณภาพ (Quality Control Inspectors) ตรวจสอบและตรวจวัดสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่ามีคุณภาพตามมาตรฐาน.
-
พนักงานท่องเที่ยวโรงงาน (Factory Tour Guides) นำนักท่องเที่ยวเข้าชมโรงงานและอธิบายกระบวนการผลิตสินค้า.
-
พนักงานบริหารสายงาน (Production Line Supervisors) ควบคุมและจัดการสายงานในกระบวนการผลิต.
-
พนักงานบริการลูกค้า (Customer Service Representatives) ให้บริการและตอบคำถามของลูกค้าเกี่ยวกับสินค้า.
-
พนักงานบริหารความรู้ (Knowledge Management Specialists) จัดการข้อมูลและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า.
-
พนักงานฝ่ายบัญชีและการเงิน (Accountants and Financial Analysts) ดูแลงานบัญชีและการเงินของธุรกิจ.
-
พนักงานฝ่ายขนส่งและโลจิสติกส์ (Logistics and Transportation Professionals) จัดการการขนส่งสินค้าไปยังตลาดและคลังสินค้า.
-
พนักงานฝ่ายการตลาดและการขาย (Marketing and Sales Professionals) สร้างและดูแลการตลาดและการขายสินค้า.
-
พนักงานฝ่ายวิจัยและพัฒนา (Research and Development Specialists) ทำการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่.
-
พนักงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Professionals) พัฒนาและบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการผลิต.
-
นักบริหารทั่วไป (General Managers) ดูแลการบริหารธุรกิจในระดับสูงสุด.
-
พนักงานฝ่ายสื่อสาร (Communications Specialists) จัดการการสื่อสารภายในและภายนอกบริษัท.
-
พนักงานด้านความปลอดภัยและสุขภาพ (Health and Safety Officers) ดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานในโรงงาน.
-
นักบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Managers) รักษาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า.
-
นักบริหารโครงการ (Project Managers) ควบคุมโครงการและงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า.
วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจการผลิตสินค้า
การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจรู้จักความแข็งแกร่งและความอ่อนแอภายใน และสรุปโอกาสและอุปสรรคที่อาจเจอในสภาวะปัจจุบัน นี่คือวิเคราะห์ SWOT สำหรับธุรกิจการผลิตสินค้า
Strengths (จุดแข็ง)
-
คุณภาพสินค้า สินค้าที่มีคุณภาพสูงและมาตรฐานมากจะช่วยให้ธุรกิจครอบคลุมตลาดได้ดี.
-
กระบวนการผลิต มีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามความต้องการของลูกค้า.
-
ความเชี่ยวชาญ ความรู้และความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าที่เฉพาะเจาะจง.
-
การสร้างยี่ห้อ มีการสร้างยี่ห้อที่แข็งแกร่งและมีความเชื่อถือจากลูกค้า.
-
ทรัพยากรมนุษย์ มีทีมงานที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในการผลิตสินค้า.
Weaknesses (จุดอ่อน)
-
ค่าใช้จ่ายสูง ค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตและทำธุรกิจมีโอกาสที่จะสูงมาก.
-
ความเสี่ยงในการสูญเสียสินค้า การสูญเสียสินค้าในกระบวนการผลิตหรือขนส่งอาจเป็นปัญหา.
-
ข้อจำกัดในการขนส่ง มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าถึงตลาดที่ต้องการ.
-
การแข่งขัน ต้องแข่งขันกับธุรกิจอื่นในตลาดที่มีคู่แข่งมาก.
-
สภาพการเงิน สภาพการเงินที่มีข้อจำกัดอาจจะทำให้ยากในการลงทุนในการขยายกิจการ.
Opportunities (โอกาส)
-
ตลาดเพิ่มขึ้น การขยายตลาดหรือการเปิดตลาดใหม่อาจเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขาย.
-
นวัตกรรมใหม่ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกระบวนการผลิตสินค้า.
-
การสร้างยี่ห้อใหม่ การสร้างสินค้าหรือยี่ห้อใหม่เพื่อเข้าถึงตลาดใหม่.
-
การสร้างพาร์ทเนอร์ชิป (Partnerships) การร่วมงานกับบริษัทหรือองค์กรอื่นๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าและทรัพยากรใหม่ๆ.
-
การสร้างระบบการจัดส่งที่ดีขึ้น การปรับปรุงระบบการจัดส่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า.
Threats (อุปสรรค)
-
คู่แข่งค้าแข่งใหญ่ การแข่งขันกับบริษัทใหญ่อาจเป็นภาระทางการค้า.
-
เปลี่ยนแปลงในกฎหมายและข้อบังคับ การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายและข้อบังคับสามารถมีผลกระทบต่อการผลิตและการขาย.
-
ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูง ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าวัตถุดิบและแรงงาน.
-
ข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบ ข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าอาจเป็นปัญหา.
-
สภาวะเศรษฐกิจ สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจ.
การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้ธุรกิจมีภาพรวมของสถานการณ์และวางแผนแก้ไขยอดขายและการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการผลิตสินค้า ที่ควรรู้
-
Production (การผลิต)
- คำอธิบาย กระบวนการสร้างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
-
Manufacturing (การผลิตและการผลิต)
- คำอธิบาย กระบวนการการผลิตสินค้าจากวัตถุดิบหรือวัสดุ
-
Inventory (สินค้าคงคลัง)
- คำอธิบาย สินค้าหรือวัตถุดิบที่เก็บไว้เพื่อการผลิตหรือขายในอนาคต
-
Quality Control (การควบคุมคุณภาพ)
- คำอธิบาย กระบวนการตรวจสอบและรับรองว่าสินค้ามีคุณภาพตามมาตรฐาน
-
Supply Chain (โซ่อุปทาน)
- คำอธิบาย ระบบของงานจัดหาวัตถุดิบและวัสดุที่ใช้ในการผลิต
-
Raw Materials (วัตถุดิบ)
- คำอธิบาย วัสดุที่ใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อสร้างสินค้า
-
Production Line (สายงานผลิต)
- คำอธิบาย ลำดับของเครื่องจักรและกระบวนการที่ใช้ในการผลิตสินค้า
-
Efficiency (ประสิทธิภาพ)
- คำอธิบาย การใช้ทรัพยากรและเวลาในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
-
Logistics (โลจิสติกส์)
- คำอธิบาย การจัดการและควบคุมการขนส่งสินค้า
-
Assembly (การประกอบ)
- คำอธิบาย กระบวนการประกอบส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสินค้าสมบูรณ์
ธุรกิจ ธุรกิจการผลิตสินค้า ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่
การจดทะเบียนธุรกิจการผลิตสินค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในประเทศที่ธุรกิจกำลังดำเนินการ โดยปกติแล้ว การจดทะเบียนธุรกิจการผลิตสินค้าจะเริ่มต้นด้วยการจดทะเบียนธุรกิจตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ และอาจต้องทำการจดทะเบียนเพิ่มเติมตามความเหมาะสม นี่คือบางรายการที่บริษัทธุรกิจการผลิตสินค้าอาจจะต้องจดทะเบียน
-
การจดทะเบียนบริษัท คุณจะต้องจดบริษัทที่สร้างขึ้นในประเทศที่คุณต้องการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณมีติดต่อกับกฎหมายและข้อบังคับท้องถิ่น.
-
การจดทะเบียนธุรกิจ บางประเทศอาจกำหนดให้ธุรกิจทุกแห่งจดทะเบียนกับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ถูกต้องและถูกกฎหมาย.
-
การรับอนุญาตหรือใบอนุญาต การผลิตบางประเภทของสินค้าอาจต้องขออนุญาตหรือใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐบาล ตัวอย่างเช่น อาหารและยา.
-
การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา หากธุรกิจของคุณมีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตรเครื่องจักรหรือการออกแบบ คุณอาจต้องจดทะเบียนสิทธินี้เพื่อปกป้องสิทธิของคุณ.
-
การจดทะเบียนฉลากสินค้า หากคุณผลิตสินค้าที่ต้องมีฉลากการระบุ คุณจะต้องจดทะเบียนฉลากสินค้าให้ตรงตามกฎหมายท้องถิ่น.
-
การจดทะเบียนพาณิชย์ บางที่อาจจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณในสำนักงานพาณิชย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อรับการสนับสนุนทางธุรกิจ.
-
การรับรองคุณภาพ สำหรับธุรกิจการผลิตสินค้าที่มีการตรวจสอบคุณภาพ คุณอาจต้องทำการรับรองคุณภาพสำหรับสินค้าของคุณ.
-
การจดทะเบียนภาษี คุณจะต้องทำการจดทะเบียนเพื่อประมวลภาษีเพื่อให้รัฐได้รับรายได้จากธุรกิจของคุณ.
-
การรับรองความปลอดภัย สำหรับบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าที่เป็นอันตราย คุณอาจต้องรับรองความปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ.
-
การจดทะเบียนการค้า (Trademark Registration) หากคุณมีชื่อแบรนด์หรือโลโก้ที่คุณต้องการปกป้อง คุณอาจจะต้องจดทะเบียนการค้าเพื่อปกป้องสิทธิในการใช้ชื่อแบรนด์หรือโลโก้นั้น.
ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในประเทศของคุณเพื่อให้คุณทราบถึงการจดทะเบียนที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจการผลิตสินค้าของคุณ.
บริษัท ธุรกิจการผลิตสินค้า เสียภาษีอย่างไร
ธุรกิจการผลิตสินค้าอาจต้องเสียภาษีต่างๆ ตามกฎหมายและข้อบังคับในประเทศที่ธุรกิจดำเนินการ ภาษีที่ต้องเสียอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและมีหลายประเภท นี่คือบางประเภทของภาษีที่ธุรกิจการผลิตสินค้าอาจต้องเสีย
-
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการ บางประเทศอาจมีระบบ VAT ที่บังคับใช้ในการผลิตและการจำหน่ายสินค้า.
-
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บริษัทที่มีกำไรจากการผลิตสินค้าอาจต้องเสียภาษีเงินได้ตามอัตราที่กำหนดโดยกฎหมายท้องถิ่น.
-
ภาษีเงินได้บริษัท บริษัทที่มีกำไรจากการผลิตสินค้าจะต้องเสียภาษีเงินได้บริษัทตามกฎหมายท้องถิ่น.
-
ภาษีสิทธิ์ในทรัพย์สิน (Property Tax) บางที่อาจมีการเสียภาษีสิทธิ์ในทรัพย์สินสำหรับสิ่งที่คุณครอบครอง เช่น โรงงานหรือที่ดินที่ใช้ในการผลิต.
-
ภาษีนายหน้า (Excise Tax) บางประเทศมีการเสียภาษีนายหน้าสำหรับสินค้าที่เป็นไปในรูปแบบเฉพาะ เช่น น้ำหอมหรือบุหรี่.
-
ภาษีน้ำมันและพลังงาน ถ้าธุรกิจการผลิตสินค้าใช้น้ำมันหรือพลังงานสำหรับการผลิต อาจต้องเสียภาษีน้ำมันหรือพลังงานตามกฎหมายท้องถิ่น.
-
ภาษีซื้อหรือภาษีสินค้าและบริการ (Sales Tax) ในบางประเทศ ธุรกิจการผลิตสินค้าอาจต้องเสียภาษีที่เรียกว่าภาษีสินค้าและบริการเมื่อซื้อวัตถุดิบหรืออุปกรณ์.
-
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถ้าธุรกิจมีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง อาจต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่า.
-
ภาษีขายต่างประเทศ (Export Tax) บางประเทศมีภาษีขายต่างประเทศสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ.
-
ภาษีนำเข้า (Import Tax) บางธุรกิจการผลิตสินค้าอาจต้องเสียภาษีนำเข้าสำหรับวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ที่นำเข้ามาใช้ในการผลิต.
ควรรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือผู้รับรองบัญชีเพื่อให้ความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการผลิตสินค้าของคุณอย่างถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่นในประเทศของคุณ.
อ่านบทความทั้งหมด >>> รับทำบัญชี.com

บัญชีปริญญาตรี สาขาบัญชี มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักบัญชี ที่ชอบทำบทความ รักการทำบทความมากว่า 10 ปี
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
เทคนิค การแต่งบ้าน ให้ดู กว้างมากขึ้น
วิธีทำบัญชี รายรับรายจ่าย 6 ส่งธนาคาร ทำเอง !
ประโยชน์ ที่ได้รับจาก การทำบัญชี ด้วยคอมพิวเตอร์
ขอสอบถามการดำเนินการต่อบริษัท/ห้างหุ้นส่วน ที่จัดตั้งแล้ว
ภาษีขายพร้อมติดตั้ง ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก
ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ รายรับ รายจ่าย โอกาส !
ผลขาดทุนจากการด้อยค่า บันทึกบัญชี