แผนธุรกิจของตกแต่งบ้าน
การเริ่มต้นธุรกิจในอุตสาหกรรมตกแต่งบ้านมีขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณควรทำตามดังนี้
-
การวางแผนธุรกิจ (Business Planning)
- กำหนดวัตถุประสงค์และความเป้าหมายของธุรกิจของคุณ.
- ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ของคุณ.
- ทำการวิเคราะห์ SWOT เพื่อระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม.
-
การสร้างแผนธุรกิจ (Business Plan)
- รวมรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณจะขาย.
- กำหนดโครงสร้างธุรกิจ รวมถึงวิธีการจัดการและโครงสร้างองค์กร.
- กำหนดแผนการตลาด เช่น วิธีการโฆษณาและการสร้างแบรนด์.
- กำหนดแผนการเงิน รวมถึงงบประมาณและการคาดการณ์รายได้และรายจ่าย.
-
การทะเบียนธุรกิจ (Business Registration)
- ทำการลงทะเบียนธุรกิจของคุณและได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นจากหน่วยงานรัฐ.
-
การหาที่ตั้งสำหรับร้าน (Location)
- เลือกที่ตั้งที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจคือร้านเราหรือการทำงานจากบ้านก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจของคุณ.
-
เรียนรู้เกี่ยวกับการขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Product Knowledge)
- ศึกษาสินค้าตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ให้ละเอียด เพื่อให้คุณสามารถให้คำแนะนำและปรับให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า.
-
การจัดหาวัสดุและสินค้า (Sourcing)
- หาตัวแทนจากผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์สำหรับสินค้าตกแต่งบ้านของคุณ.
-
การตั้งราคาสินค้า (Pricing Strategy)
- กำหนดราคาสินค้าและบริการของคุณให้เหมาะสมและคุ้มค่า.
-
การตลาดและโฆษณา (Marketing and Advertising)
- สร้างแผนการตลาดเพื่อเสริมโปรโมชั่นและขายสินค้า.
- ใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, และอีเมล.
-
การบริการลูกค้า (Customer Service)
- ให้บริการลูกค้าอย่างดีและใส่ใจ.
- รับฟังความคิดเห็นและร้องเรียนของลูกค้าและปรับปรุงตามต้องการ.
-
การดูแลการเงินและบัญชี (Financial Management and Accounting)
- จัดการการเงินและบัญชีของธุรกิจอย่างเครื่องมือ.
- รักษาบันทึกบัญชีและประมวลผลการเงินของธุรกิจของคุณ.
-
การปรับปรุงและขยายธุรกิจ (Continuous Improvement and Expansion)
- พัฒนาแผนธุรกิจของคุณตามความเป็นไปได้.
- พิจารณาเพิ่มสาขาหรือการขยายธุรกิจในอนาคต.
-
การประกาศ (Promotion)
- ประกาศบนสื่อมวลชนหรือโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มความรู้สึกต่อแบรนด์และสินค้าของคุณ.
-
การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Compliance)
- รับคำปรึกษาจากทนายความเพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของคุณปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง.
-
การสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า (Building Customer Trust)
- สร้างความไว้วางใจกับลูกค้าของคุณโดยให้บริการที่มีคุณภาพและตรงตามคำสัญญา.
-
การวิเคราะห์ผลและปรับแผน (Analysis and Adaptation)
- วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของธุรกิจของคุณและปรับแผนตามความต้องการและสภาพแวดล้อม.
การเริ่มต้นธุรกิจในอุตสาหกรรมตกแต่งบ้านอาจเริ่มต้นด้วยความรักต่อการออกแบบและตกแต่ง รวมถึงความคาดหวังที่มีการสร้างสรรค์และเพิ่มความสวยงามในบ้านของผู้คน แต่ในเวลาเดียวกันควรจัดการธุรกิจของคุณอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนในทุกด้านเพื่อสร้างความเป็นผู้ประสานงานที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว.
ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจของตกแต่งบ้าน
นี่คือตารางเปรียบเทียบรายรับและรายจ่ายของธุรกิจตกแต่งบ้านในรูปแบบของบาท
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
ยอดขายสินค้า | xxxxxxx | xxxxxxx |
บริการตกแต่งบ้าน | xxxxxxx | xxxxxxx |
รายรับอื่น ๆ | xxxxxxx | xxxxxxx |
รวมรายรับ | xxxxxxx | xxxxxxx |
ค่าวัสดุและอุปกรณ์ | xxxxxxx | xxxxxxx |
ค่าจ้างงาน | xxxxxxx | xxxxxxx |
ค่าเช่าสถานที่ | xxxxxxx | xxxxxxx |
ค่าโฆษณาและการตลาด | xxxxxxx | xxxxxxx |
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ | xxxxxxx | xxxxxxx |
รวมรายจ่าย | xxxxxxx | xxxxxxx |
กำไร (ขาดทุน) | xxxxxxx | xxxxxxx |
โปรดแทนค่า xxxxxxx ด้วยจำนวนเงินที่เป็นไปได้ตามธุรกิจของคุณ รายรับและรายจ่ายที่แสดงในตารางนี้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจของคุณและวิธีการบัญชีของคุณในการบันทึกข้อมูลการเงินของธุรกิจของคุณ ตารางนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการเริ่มต้นการวางแผนรายรับและรายจ่ายของธุรกิจของคุณควรปรับแต่งตามสถานะของธุรกิจของคุณอย่างเป็นระบบและตลอดเวลาเพื่อให้แสดงผลการดำเนินธุรกิจของคุณอย่างถูกต้องและประทับใจ.
อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจของตกแต่งบ้าน
ธุรกิจตกแต่งบ้านเป็นอาชีพที่มีความหลากหลายและเกี่ยวข้องกับหลายสาขาอาชีพต่าง ๆ ดังนี้
-
ออกแบบภายใน (Interior Design) นักออกแบบภายในทำหน้าที่ออกแบบและจัดตกแต่งภายในบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ เพื่อให้มีลักษณะที่สวยงามและสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งาน.
-
การซื้อขายเฟอร์นิเจอร์ (Furniture Retail) การค้าเฟอร์นิเจอร์เป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสำหรับบ้านและสถานที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง.
-
การผลิตเฟอร์นิเจอร์ (Furniture Manufacturing) ธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์หรือวัสดุตกแต่งสำหรับบ้านและสถานที่อื่น ๆ.
-
การรับเหมางานตกแต่ง (Decorating Services) ธุรกิจรับเหมางานตกแต่งบ้านที่มีนักออกแบบภายในหรือช่างที่จะทำงานให้กับลูกค้า.
-
การขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor Retail) การค้าสินค้าตกแต่งบ้านเช่น ของตกแต่งภายในบ้าน, ผ้าม่าน, ของตกแต่งสวน, กระเบื้อง, โคมไฟ, และอุปกรณ์ตกแต่งอื่น ๆ.
-
การบริการซ่อมแซม (Home Improvement Services) บริการซ่อมแซมและปรับปรุงบ้าน เช่น การประสานงานกับช่างซ่อมบ้าน, การติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า, หรือการทาสีบ้าน.
-
การค้าส่งวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง (Building and Decorating Supplies Wholesale) การจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งที่ใช้ในธุรกิจตกแต่งบ้าน.
-
การสร้างและบริหารสวน (Landscaping) การออกแบบและจัดการสวนและพื้นที่ด้านนอกของบ้าน เช่น การปลูกพืช, การตกแต่งสวน, และการรักษาสวน.
-
การค้าขายวัสดุสวน (Garden Supplies Retail) การค้าขายพันธุ์ไม้, วัสดุสวน, และอุปกรณ์สวน.
-
การค้าขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านออนไลน์ (Online Home Decor Retail) การค้าขายสินค้าตกแต่งบ้านผ่านอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ออนไลน์.
-
การสอนหรืออบรมในด้านตกแต่งบ้าน (Home Decorating Workshops) การให้บริการคอร์สอบรมหรือสัมมนาเกี่ยวกับศิลปะการตกแต่งบ้าน.
อาชีพเหล่านี้มีความหลากหลายและเสริมเติมกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและบ้านที่สวยงามสำหรับผู้บริโภคและลูกค้าของธุรกิจตกแต่งบ้านในทุกๆ รูปแบบและสไตล์.
วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจของตกแต่งบ้าน
การวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) ของธุรกิจตกแต่งบ้านช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น ดังนี้
Strengths (จุดแข็ง)
-
ความเชี่ยวชาญในการออกแบบ คุณมีนักออกแบบภายในที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้.
-
สินค้าคุณภาพสูง คุณจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่มีคุณภาพสูงและดีเยี่ยม.
-
ความรู้ในตลาด คุณมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าและสามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้.
-
การตลาดและโฆษณาที่ดี คุณมีแผนการตลาดที่เหมาะสมและกิจกรรมโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ.
-
ความสามารถในการปรับตัว คุณสามารถปรับตัวตอนเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดหรือความต้องการของลูกค้า.
Weaknesses (จุดอ่อน)
-
ความขาดแคลนในทุน ธุรกิจตกแต่งบ้านอาจต้องใช้ทุนในการจัดจ้างแรงงานและการซื้อวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านคุณภาพสูง.
-
ความขาดแคลนในพื้นที่แสดงสินค้า คุณอาจจำเป็นต้องมีพื้นที่แสดงสินค้าที่มีค่าเช่าสูงเพื่อนำสินค้ามาแสดงให้กับลูกค้า.
-
ความขาดแคลนในการบริหารจัดการ การบริหารจัดการไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและการส่งมอบงานที่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด.
Opportunities (โอกาส)
-
การขยายตลาด มีโอกาสในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคหรือกลุ่มลูกค้าใหม่.
-
การตลาดออนไลน์ การขายสินค้าตกแต่งบ้านออนไลน์มีโอกาสเพิ่มรายได้และลูกค้าใหม่.
-
ความต้องการในการปรับเปลี่ยนบ้าน ผู้คนมีความสนใจในการปรับเปลี่ยนแต่งบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลาต่าง ๆ และอาจต้องการบริการของคุณ.
-
ความต้องการในการอนุรักษ์พลังงาน การตกแต่งบ้านเพื่อเพิ่มความมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานมีความต้องการเพิ่มขึ้น.
Threats (ภัยคุกคาม)
-
ความแข่งขันที่รุนแรง อุตสาหกรรมตกแต่งบ้านมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก โดยมีผู้แข่งขันมากมายที่มีความสามารถในการจัดหาสินค้าคุณภาพสูง.
-
การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจสามารถมีผลกระทบต่อการซื้อขายและความต้องการของลูกค้า.
-
ความสูงของราคาวัสดุ การเพิ่มราคาของวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านอาจส่งผลกระทบต่อความคุ้มค่าของธุรกิจของคุณ.
-
ความเป็นไปได้ของความสั่งสม ความสั่งสมอาจเปลี่ยนแปลงโดยรวดเร็วในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น สถานการณ์ฉุกเฉิน.
การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนและการตัดสินใจในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจของคุณในอนาคตให้เหมาะสมและสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ.
คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจของตกแต่งบ้าน ที่ควรรู้
-
Interior Design (ออกแบบภายใน)
- ภาษาไทย การออกแบบภายใน
- คำอธิบาย กระบวนการวางแผนและออกแบบภายในสถานที่ เพื่อให้มีความสวยงามและสอดคล้องกับความต้องการและสไตล์ของลูกค้า.
-
Furniture (เฟอร์นิเจอร์)
- ภาษาไทย เฟอร์นิเจอร์
- คำอธิบาย วัสดุหรือสิ่งของที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน เช่น เรารองเท้า, โต๊ะ, เก้าอี้, ตู้, ฯลฯ.
-
Color Palette (สีพาเลต)
- ภาษาไทย สีที่ใช้ในงานตกแต่ง
- คำอธิบาย ชุดสีที่ถูกเลือกและนำมาใช้ในการตกแต่งภายในหรือภายนอกอาคาร เพื่อให้มีความสมดุลและสวยงาม.
-
Space Planning (การวางแผนพื้นที่)
- ภาษาไทย การวางแผนพื้นที่
- คำอธิบาย กระบวนการวางแผนและการจัดระเบียบพื้นที่ภายในอาคารเพื่อให้ใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์และมีความเป็นระเบียบ.
-
Décor (ของตกแต่ง)
- ภาษาไทย ของตกแต่ง
- คำอธิบาย วัตถุหรือของที่ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งบ้านหรือสถานที่ เช่น ภาพวาด, โคมไฟ, หมอน, สติกเกอร์ ฯลฯ.
-
Renovation (การปรับปรุง)
- ภาษาไทย การปรับปรุง
- คำอธิบาย กระบวนการการปรับปรุงหรือการเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบ้านหรือสถานที่ เพื่อปรับปรุงความสวยงามและความพร้อมใช้งาน.
-
Texture (พื้นผิว)
- ภาษาไทย พื้นผิว
- คำอธิบาย ลักษณะพื้นผิวของวัสดุหรือสิ่งของ เช่น พื้นผิวเรียบ, พื้นผิวสัมผัส, หรือพื้นผิวลาย.
-
Lighting (ระบบไฟ)
- ภาษาไทย ระบบไฟ
- คำอธิบาย การวางแผนและการติดตั้งระบบการจัดแสงในบ้านหรือสถานที่ เพื่อสร้างบรรยากาศและการเน้นการตกแต่ง.
-
Wallpaper (กระดาษติดผนัง)
- ภาษาไทย กระดาษติดผนัง
- คำอธิบาย วัสดุที่ใช้ติดและปรับปรุงผนังภายในบ้าน มักมีลายและสีที่แตกต่างกัน.
-
Home Staging (การจัดตั้งบ้าน)
- ภาษาไทย การจัดตั้งบ้าน
- คำอธิบาย กระบวนการการตกแต่งบ้านที่มุ่งเน้นให้บ้านดูน่าอยู่และน่าใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าขายหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์.
ธุรกิจ ธุรกิจของตกแต่งบ้าน ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่
การจดทะเบียนธุรกิจตกแต่งบ้านจะขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดในประเทศและพื้นที่ที่คุณกำลังดำเนินธุรกิจ ดังนั้นควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอำนวยความสะดวกสำหรับธุรกิจของคุณในพื้นที่ของคุณเพื่อตรวจสอบว่าคุณต้องทำการจดทะเบียนอะไรบ้าง แต่อย่างทั่วไป ธุรกิจตกแต่งบ้านอาจต้องจดทะเบียนดังนี้
-
การจดทะเบียนธุรกิจ (Business Registration)
- คุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการลงทะเบียนธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นสำนักงานพาณิชย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในประเทศของคุณ.
-
สิทธิบัตรธุรกิจ (Business License)
- บางพื้นที่อาจกำหนดให้คุณต้องได้รับสิทธิบัตรธุรกิจเพื่อดำเนินการธุรกิจตกแต่งบ้าน ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอสิทธิบัตร.
-
หนังสือจดทะเบียนธุรกิจ (Business Registration Certificate)
- หลังจากการจดทะเบียนธุรกิจของคุณเสร็จสมบูรณ์ คุณจะได้รับหนังสือจดทะเบียนธุรกิจ (หรือรายงานสถานประกอบการ) ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงว่าธุรกิจของคุณได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง.
-
การลงทะเบียนเป็นผู้เสียภาษี (Tax Registration)
- คุณอาจต้องลงทะเบียนเป็นผู้เสียภาษีเพื่อปฏิบัติภาษีขายหรือภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ.
-
การเปิดบัญชีธนาคารธุรกิจ (Business Bank Account)
- เพื่อการบริหารจัดการเรื่องการเงินของธุรกิจของคุณ คุณควรเปิดบัญชีธนาคารธุรกิจแยกจากบัญชีส่วนบุคคล.
-
การคัดลอกใบรับรองการจดทะเบียน (Certificate of Registration Copy)
- คุณควรคัดลอกและเก็บไว้ให้เป็นประจำเพื่อแสดงให้ลูกค้าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่าธุรกิจของคุณได้รับการจดทะเบียน.
-
ประกันภัยธุรกิจ (Business Insurance)
- การรับประกันธุรกิจอาจเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ เช่น ประกันภัยอุบัติเหตุหรือประกันภัยทรัพย์สิน.
การจดทะเบียนและสิทธิบัตรธุรกิจอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและพื้นที่ คุณควรปรึกษากับทนายความหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจของคุณในพื้นที่ที่คุณต้องการดำเนินธุรกิจ.
บริษัท ธุรกิจของตกแต่งบ้าน เสียภาษีอย่างไร
ธุรกิจในกลุ่มธุรกิจตกแต่งบ้านอาจต้องเสียภาษีต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบของแต่ละประเทศ และประเภทธุรกิจของคุณ ดังนั้นควรปรึกษากับทนายความหรือที่ปรึกษาทางภาษีในพื้นที่ของคุณเพื่อทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับการเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ แต่มีภาษีที่บางธุรกิจตกแต่งบ้านอาจต้องเสียได้แก่
-
ภาษีรายได้ (Income Tax)
- หากคุณมีรายได้จากธุรกิจตกแต่งบ้านของคุณ คุณอาจต้องเสียภาษีรายได้ตามอัตรารายได้ที่ใช้ในประเทศของคุณ.
-
ภาษีขาย (Sales Tax)
- ในบางประเทศ คุณอาจต้องเสียภาษีขายหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าหรือบริการที่คุณขายในธุรกิจตกแต่งบ้าน.
-
ภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (Property Tax)
- หากคุณเป็นเจ้าของที่ดินหรือสถานที่ธุรกิจของคุณ คุณอาจต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้างตามมูลค่าที่ประเมิน.
-
ภาษีธุรกิจ (Business Tax)
- บางพื้นที่อาจกำหนดให้ธุรกิจต้องเสียภาษีธุรกิจเพิ่มเติมตามรายได้หรือกำไร.
-
ส่วนลดหย่อนภาษี (Tax Deductions)
- คุณอาจมีสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในบางรายการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตกแต่งบ้าน เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุ, เครื่องมือ, ค่าติดตั้ง, ค่าจ้างแรงงาน, ฯลฯ.
-
ภาษีสถานที่และค่าบริการสาธารณะ (Property Tax and Utility Fees)
- คุณอาจต้องเสียภาษีสถานที่และค่าบริการสาธารณะ เช่น ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, และค่าโทรศัพท์ สำหรับสถานที่ที่คุณใช้ในธุรกิจ.
-
สิทธิประโยชน์ทางสุขภาพ (Healthcare Benefits)
- หากคุณมีพนักงานในธุรกิจของคุณ คุณอาจต้องเสียสิทธิประโยชน์ทางสุขภาพตามกฎหมายในบางกรณี.
-
ภาษีอื่น ๆ (Other Taxes)
- อื่น ๆ ซึ่งอาจรวมถึงภาษีที่มีตามกฎหมายหรือระเบียบท้องถิ่นและประเภทอื่น ๆ ของภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ.
การเสียภาษีขึ้นอยู่กับประเทศและพื้นที่ที่คุณทำธุรกิจ ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางภาษีหรือหน่วยงานภาษีในพื้นที่ของคุณเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเสียภาษีและการปรับปรุงการบัญชีเพื่อประหยัดภาษีอย่างเหมาะสมในธุรกิจของคุณ.
อ่านบทความทั้งหมด >>> รับทำบัญชี.com

บัญชีปริญญาตรี สาขาบัญชี มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักบัญชี ที่ชอบทำบทความ รักการทำบทความมากว่า 10 ปี
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
ดอกเบี้ยจ่าย คือ หมวดบัญชี คิดยังไง
ซื้อขายสินค้าในต่างประเทศ ต้องผ่านทางเรือหรือเครื่อง
หาวิธีไหนดี ที่จะทำบัญชีเพื่อให้สรรพากรยอมรับ!!
ร้านอาหาร รายรับ รายจ่าย โอกาส !
แจ้งงบการเงินผิด ต้องแจ้งลงลายมือชื่อ
เช่ากิจการโรงแรม ในนามกรรมการ หรือ บริษัท
แม่ค้าออนไลน์ คู่แข่ง ความเสี่ยง โอกาส !
แปรรูปสินค้าเกษตร กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !