3 ร้านขาย วัสดุก่อสร้าง เทคนิค จดทะเบียน

• วัสดุ หมายถึง วัตถุ หรือสิ่งที่เรานํามาจัดทําผลิตประกอบ หรือผสมขึ้นเป็นองค์ประกอบอาคาร สิ่งก่อสร้างหรือประกอบเป็นสิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องใช้เช่น ดิน ทราย หิน ไม้เหล็ก ซีเมนต์ อิฐ ท่อ สกรู กระเบื้อง ไม้อัดกระจก เป็นต้น
• อุปกรณ์ หมายถึง สิ่งประกอบหรือเครื่องมือที่สามารถนํามาใช้งานได้ หรือการนําอุปกรณ์หลายอย่างมาประกอบเป็นอุปกรณ์หรือจักรกลขึ้นใหม่ เครื่องใช้ เครื่องจักร ส่วนประกอบจักรกล เช่น กุญแจ สวิตซ์ไฟฟ้าวาล์วน้ํา ไขควง ค้อน สว่าน ปั้ม โคมไฟแสงสว่าง เลื่อย ก๊อกน้ํา มอเตอร์ เครื่องสูบน้ํา เครื่องกําเนิดไฟฟ้า เป็นต้น

ธุรกิจขายวัสดุ ก่อสร้างส่วนใหญ่เราจะเห็นเป็นร้านค้าที่ขายวัสดุ ก่อสร้างมากมาย แต่ในอดีตร้านพวกนี้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและส่วนมากจะตั้งให้เห็นอยู่ตามริมถนนซึ่งเป็นที่เพ่งเล็งของสรรพากรจึงทำให้โดนสรรพากรตรวจอยู่เป็นประจำ

ทำให้ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจร้านวัสดุก่อ สร้างส่วนใหญ่หันมาเปิดในรูปแบบที่เป็นนิติบุคคลไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด ทำให้ต้องปวดหัวกับเรื่องบัญชีและภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องเรามาดูกันว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรได้บ้าง 

เทคนิคเปิดร้านวัสดุก่อนก่อสร้าง

1. ควรตำแหน่งที่ตั้งทำเลทอง
2. กำหนดงบประมาณให้ดีไม่ควรเกินของทุนที่มีอยู่ 
3. เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ตั้ง
4. ออกแบบและจัดวางร้านให้สะดวกต่อการหาของ
5. ตั้งราคาขายให้ดึงดูดจัดโปรโมชั่นสินค้าแต่ละชนิดให้เหมาะสม
6. ทำการตลาดออนไลน์อัพรูปลงเว็บไซร์ทุกช่องทางที่เป็นสื่อโซเชียล
7. ให้คำปรึกษาการใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆที่อยู่ภายในร้าน
8. หาแหล่ง supplier ที่ สามารถส่งของให้ทันไม่ขาดตลาด 
9. บริหารจัดการสต๊อกสินค้าและระบบหลังบ้านบัญชีภาษีให้เรียบร้อย 
10. เทคนิคนี้เป็นเทคนิคสุดท้ายคือการเปิดสาขาขยายตลาด

ภาษีที่เกี่ยวข้อง ร้านวัสดุก่อนสร้าง

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง (ภ.ง.ด.90/ภ.ง.ด.91)
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องยื่นแบบชำระภาษีต่อ กรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือทางอินเทอร์เน็ต ปีละ 2 ครั้ง (ภ.ง.ด.50/ภ.ง.ด.51)
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 
   • เราต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก ผู้ซื้อและออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเมื่อส่ง มอบสินค้าทุกครั้ง
   • มีหน้าที่จัดทำรายงานสินค้าและ วัตถุดิบ รายงานภาษีขายและยื่นแบบภาษี มูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.30 ในแต่ละเดือน
4. ภาษีศุลกากร หากเรามีการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และ เครื่องมือในการประกอบธุรกิจ

ระบบการขาย ร้านวัสดุก่อนสร้าง

1.) ควรมีโปรแกรมสำเร็จรูป (เครื่องpos) 

เมื่อลูกค้าซื้อขายควรมีการออกใบเสร็จ หากอยู่ในระบบภาษี ควรออกใบกำกับภาษีอย่างย่อทุกครั้ง ถ้าลูกค้าต้องการใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบก็ควรออกให้ เช็คสต๊อก บาร์โค๊ด ออกบิล สรุปยอดขาย ทำใบเสนอราคา ใบPO โปรแกรม POS มีหลายโปรแกรมแล้วแต่

2.) บริหารจัดการเรื่อง Storck

การบริหารจัดการสต๊อกสอดคล้องกับการที่ใช้เครื่องโพสต์หากเรามีการขายเครื่องโพสต์จะทำการตัดสต๊อกให้ถ้าวางระบบบัญชีได้ดีการตัดสต๊อกจะตัดให้ตั้งแต่ตอนขายแต่หากไม่ได้ตัดตอนขายก็ควรมีนักบัญชีหรือจ้างสถานะบัญชีให้ทำการตัดสต๊อกให้ สินปีควรนับใหญ่สั่งครั้ง

3.) การตรวจนับสต๊อกเป็นประจำ

การตรวจนับสต๊อกเป็นเรื่องสำคัญเพราะธุรกิจวัสดุ ก่อสร้างมักจะมีปัญหาเรื่องการตัดสต๊อกไม่ตรงสต๊อกสินค้าคงเหลือเกินความเป็นจริงหรือต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้รายได้หรือกำไรที่สะท้อนในการจ่ายภาษีไม่ตรงกับที่ธุรกิจกำลังดำเนินการอยู่ 

4.) ควรนับสต๊อกสินค้าที่ขายดีมากกว่าปกติ 

บางครั้งสินค้าบางชนิดขายดีก็ควรนำสินค้าชนิดนี้ตัดสต๊อกเป็นประจำหรือมีการนับถี่ขึ้นมากกว่าสินค้าชนิดอื่นเพราะหากปล่อยไว้ก่อนอาจทำให้สับสนกับจำนวนสินค้าที่เข้าและสินค้าที่ออกเพราะสินค้าที่ขายดีมักจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา