จะมี ความจำเป็น ต้องจ้างบริษัทบัญชี หรือไม่

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ค่าจ้างทำบัญชี

ค่าจ้างทำบัญชีขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงานและปริมาณของงานที่ต้องทำ รวมถึงประสบการณ์และคุณสมบัติของผู้รับงานด้วย โดยปกติแล้วค่าจ้างทำบัญชีจะต้องระบุไว้ในข้อตกลงการจ้างงาน หรือสามารถติดต่อสอบถามกับผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำบัญชีงานเล็กๆ หรือธุรกิจรายย่อย ค่าจ้างส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 5,000-15,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น บัญชีกิจการขนาดใหญ่ หรือบัญชีสำหรับธุรกิจที่มีการซื้อขายต่างประเทศ อาจมีค่าจ้างสูงขึ้นได้ตามความยากลำบากของงานดังกล่าว ดังนั้นการติดต่อสอบถามกับผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องกว่า

 

อัตราค่าจ้าง นักบัญชี

อัตราค่าจ้างของนักบัญชีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประสบการณ์การทำงาน ความสามารถและคุณสมบัติทางวิชาการ ภูมิลำเนา และพื้นที่ที่ตั้งของบริษัท เป็นต้น

โดยทั่วไปแล้ว อัตราค่าจ้างของนักบัญชีจะอยู่ในช่วง 15,000-40,000 บาทต่อเดือน โดยขึ้นอยู่กับระดับตำแหน่งของงาน ระดับงานสูงกว่าอาจมีอัตราค่าจ้างสูงกว่านี้อีก โดยทั่วไปแล้วระดับตำแหน่งนักบัญชีที่มีค่าจ้างสูงสุดคือ CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งสามารถมีอัตราค่าจ้างได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างของนักบัญชียังขึ้นอยู่กับลักษณะงานและปริมาณของงานด้วย การประกอบธุรกิจหรือบริษัทที่มีฐานะสูงและซับซ้อนต้องการนักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้ความสามารถที่สูงขึ้น ดังนั้นอัตราค่าจ้างของนักบัญชีจะสูงขึ้นได้ตามความต้องการและความยากลำบากของงานดังกล่าว

 

บัญชีบริษัท มีอะไรบ้าง

บัญชีบริษัทเป็นการจัดการธุรกรรมการเงินและบัญชีของบริษัท โดยทำการบันทึกและตรวจสอบรายได้และรายจ่ายของบริษัท การจัดทำบัญชีบริษัทเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ผู้บริหารของบริษัทสามารถตัดสินใจในการวางแผนธุรกิจได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น บัญชีบริษัทประกอบด้วยหลายประเภท เช่น

  1. งบการเงิน (Financial statements) ประกอบด้วยงบทุนสินทรัพย์และหนี้สิน งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด (Cash flow statement) เป็นต้น

  2. บัญชีเจ้าหนี้และเจ้าของหนี้ (Accounts payable and receivable) ซึ่งเป็นการบันทึกรายการเกี่ยวกับเงินที่บริษัทต้องจ่ายให้กับบุคคลภายนอก หรือเงินที่บุคคลภายนอกต้องจ่ายให้กับบริษัท

  3. การบันทึกการซื้อขาย (Purchase and sales) เป็นการบันทึกข้อมูลการซื้อสินค้าและการขายสินค้าของบริษัท

  4. การบันทึกค่าใช้จ่าย (Expenses) เป็นการบันทึกค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัท เช่น ค่าเช่าอาคาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าตอบแทนพนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

  5. การบันทึกเงินเดือน (Payroll) เป็นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่นๆ ให้กับพนักงาน

  1. การบันทึกการลงทุน (Investments) เป็นการบันทึกข้อมูลการลงทุนของบริษัท เช่น การซื้อหุ้น การซื้อพันธบัตรหรือการลงทุนอื่นๆ

  2. การบันทึกภาษี (Taxes) เป็นการบันทึกข้อมูลการชำระภาษีต่างๆ ของบริษัท รวมถึงการจัดทำเอกสารเพื่อยื่นเอกสารเบิกจ่ายภาษีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  3. การตรวจสอบบัญชี (Audit) เป็นการตรวจสอบการบัญชีของบริษัท เพื่อยืนยันว่าการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการเงินและบัญชีของบริษัทเป็นที่ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย

  4. การวางแผนการเงิน (Financial planning) เป็นการวางแผนทางการเงินของบริษัท โดยการจัดทำงบประมาณรายได้-รายจ่าย เพื่อวางแผนการใช้เงินให้เหมาะสมและประสิทธิภาพ

  5. การจัดการเงินสด (Cash management) เป็นการวางแผนการใช้เงินสดของบริษัทให้เหมาะสม โดยทำการควบคุมรายได้และรายจ่ายให้มีการใช้เงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม

  6. การบริหารความเสี่ยง (Risk management) เป็นการวางแผนการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของบริษัท เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ

ทั้งนี้ การจัดทำบัญชีบริษัทมีความสำคัญมากในการจัดทำบัญชีบริษัทยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การบันทึกสมุดรายวัน (General ledger) เพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินที่เกิดขึ้นในบริษัท การจัดทำระบบคิดเงินดอกเบี้ย (Interest calculation) เพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการใช้เงินกู้ของบริษัท การจัดทำระบบจัดการสินทรัพย์ (Asset management) เพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ของบริษัท เช่น รถยนต์ อาคาร และอุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น

 

จ้างนักบัญชี

การจ้างนักบัญชีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจหรือบริษัททุกแห่ง เพราะบัญชีเป็นหลักการที่จำเป็นในการบริหารจัดการการเงินของธุรกิจ ดังนั้นการจ้างนักบัญชีที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ

เมื่อต้องการจ้างนักบัญชี สิ่งที่ต้องทำคือกำหนดรายละเอียดงานและคุณสมบัติที่ต้องการ โดยอาจจะต้องการนักบัญชีที่มีประสบการณ์หรือมีความเชี่ยวชาญในด้านที่บริษัทต้องการ เช่น การจัดทำงบการเงิน การจัดการเงินสด การบริหารความเสี่ยง และการจัดทำระบบบัญชี

นอกจากนี้ ต้องพิจารณาว่าบริษัทจะใช้บริการนักบัญชีแบบไหน เช่น จ้างนักบัญชีเป็นพนักงานประจำหรือจ้างนักบัญชีแบบ Outsourcing หรือจ้างบริการบัญชีจากบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านบัญชี เพราะมีผลต่อต้นทุนการจ้าง และความสะดวกสบายในการจัดการเอกสารและข้อมูลของบริษัท

สุดท้าย ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติของนักบัญชีที่จะจ้าง โดยเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการทำงานเป็นเวลานาน และมีการฝึกอบรม

 

เปิดบริษัท ทําบัญชีเองได้ไหม

การเปิดบริษัทและทำบัญชีเองได้ อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจในการจัดทำงานบัญชี และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในการบันทึกและจัดการข้อมูล

หากมีความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชีมากพอ และมีเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม เช่น ซอฟต์แวร์บัญชี และโปรแกรม Excel หรือ Google Sheets เป็นต้น ก็สามารถทำบัญชีเองได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องจ้างนักบัญชี

แต่ในกรณีที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชี การทำบัญชีเองอาจมีความผิดพลาดและไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการและการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ดังนั้น อาจจะต้องพิจารณาการใช้บริการนักบัญชีหรือบริการบัญชีจากบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดไว้

 

จ้างบัญชีฟรีแลนซ์

การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์ (Freelance accountant) มีข้อดีและข้อเสียตามลำดับดังนี้

ข้อดี

  1. ค่าจ้างที่ถูกกว่า บัญชีฟรีแลนซ์มักจะมีค่าจ้างที่ถูกกว่านักบัญชีที่เป็นพนักงานประจำหรือบริการบัญชีจากบริษัทที่ใหญ่ขึ้น เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้กับพนักงาน

  2. ความยืดหยุ่น การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์มีความยืดหยุ่นมากกว่าการจ้างนักบัญชีเป็นพนักงานประจำหรือบริการบัญชีจากบริษัทที่ใหญ่ขึ้น เพราะบัญชีฟรีแลนซ์มักทำงานเป็นช่วงเวลาหรือโครงการที่มีระยะเวลาจำกัด ซึ่งผู้ว่าจ้างสามารถจัดการเวลางานของพวกเขาได้ตามต้องการ

  3. ความเชี่ยวชาญ บัญชีฟรีแลนซ์มักมีความเชี่ยวชาญในด้านบัญชีและการเงินที่เฉพาะเจาะจง เพราะมักจะมีประสบการณ์ในการทำงานกับลูกค้าจำนวนมาก ทำให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการจัดทำงานบัญชีและการเงินของธุรกิจต่างๆ

ข้อเสีย

  1. ความเสี่ยง การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์อาจมีความเสี่ยงในการเลือกบัญชีฟรีแลนซ์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือที่จริงการเลือกบัญชีฟรีแลนซ์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านบัญชีและการเงินมาก่อนเป็นสิ่งสำคัญ และหากพบบัญชีฟรีแลนซ์ที่มีคุณสมบัติและความสามารถที่ตรงตามความต้องการของธุรกิจ การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์อาจจะมีข้อดีที่สำคัญต่อธุรกิจ ดังนี้
  1. ความยืดหยุ่น บัญชีฟรีแลนซ์มีความยืดหยุ่นมากกว่าบัญชีที่เป็นพนักงานประจำหรือบริการบัญชีจากบริษัทที่ใหญ่ขึ้น เพราะบัญชีฟรีแลนซ์มักทำงานเป็นช่วงเวลาหรือโครงการที่มีระยะเวลาจำกัด ผู้ว่าจ้างสามารถจัดการเวลางานของพวกเขาได้ตามต้องการ ทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและขอบเขตงานได้ตามความต้องการของธุรกิจ

  2. ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า บัญชีฟรีแลนซ์มักจะมีค่าจ้างที่ถูกกว่านักบัญชีที่เป็นพนักงานประจำหรือบริการบัญชีจากบริษัทที่ใหญ่ขึ้น เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้กับพนักงาน

  3. ความเชี่ยวชาญ บัญชีฟรีแลนซ์มักมีความเชี่ยวชาญในด้านบัญชี

การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์ยังมีข้อเสียบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นด้วย ดังนี้

  1. ความเสี่ยง การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์อาจมีความเสี่ยงในการเลือกบัญชีฟรีแลนซ์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานที่ทำ และอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการและการพัฒนาธุรกิจในอนาคต

  2. การจัดการเวลา การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์อาจทำให้ผู้ว่าจ้างต้องใช้เวลาในการค้นหาและเลือกบัญชีฟรีแลนซ์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับงาน นอกจากนี้ ผู้ว่าจ้างยังต้องใช้เวลาในการสื่อสารและจัดการงานร่วมกับบัญชีฟรีแลนซ์ที่ได้จ้าง

  3. ความเชี่ยวชาญ บัญชีฟรีแลนซ์มักมีความเชี่ยวชาญในด้านบัญชีและการเงินที่เฉพาะเจาะจง แต่บางครั้งอาจไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถให้คำแนะนำหรือแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม

  4. ความไว้วางใจ การจ้างบัญชีฟรีแลนซ์อาจทำให้ผู้ว่าจ้างต้องไว้วางใจในการบันทึกบัญชี

ค่าจ้างทําบัญชี บริษัท

ค่าจ้างทำบัญชีของบริษัทสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับตามขนาดและซับซ้อนของงาน โดยทั่วไปแล้ว ค่าจ้างทําบัญชีของบริษัทจะพิจารณาตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. ขนาดและซับซ้อนของธุรกิจ ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมักจะมีการบันทึกข้อมูลทางการเงินและการจัดการบัญชีที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องใช้บัญชีที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการจัดการกับการเงินและภาษีที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าจ้างที่สูงขึ้น

  2. ระยะเวลาของการจ้าง การจ้างบัญชีในรูปแบบของพนักงานประจำมักจะมีค่าจ้างที่สูงกว่าการจ้างบัญชีฟรีแลนซ์ เนื่องจากจะต้องรับผิดชอบในการบันทึกและจัดการข้อมูลทางการเงินของบริษัทในระยะยาว ส่วนการจ้างบัญชีฟรีแลนซ์มักจะเป็นช่วงเวลาหรือโครงการที่มีระยะเวลาจำกัด ซึ่งอาจจะมีค่าจ้างที่ต่ำกว่า

  3. ปริมาณงาน ปริมาณงานที่ต้องทำจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดค่าจ้าง โดยบัญชีที่ต้องบันทึกข้อมูลทางการเงินและจัดการกับภาษีให้กับบริษัทมีปริมาณงานที่มาก

  1. ระดับความเชี่ยวชาญ บัญชีที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการจัดการกับงานบัญชีและการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้นจะมีค่าจ้างที่สูงกว่า ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญในสาขาของการบัญชีเช่นการเงินธุรกิจ การบัญชีรายได้ การจัดการกับภาษี เป็นต้น

  2. ประสบการณ์ บัญชีที่มีประสบการณ์ในการจัดการกับงานบัญชีและการเงินในธุรกิจที่คล้ายคลึงกันมากขึ้นจะมีค่าจ้างที่สูงกว่า ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในงานบัญชีเช่นการเตรียมงบการเงิน การบันทึกข้อมูลทางการเงิน การจัดทำรายงานการเงิน เป็นต้น

  3. สถานที่ทำงาน สถานที่ทำงานของบริษัทอาจมีผลต่อค่าจ้างที่ต้องจ่ายให้กับบัญชี ยิ่งถ้าบริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการสูง เช่น เมืองใหญ่ หรือศูนย์กลางเมือง อาจมีค่าจ้างที่สูงกว่าบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกเมือง

โดยทั่วไปแล้ว ค่าจ้างทําบัญชีของบริษัทมีค่าตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว

 

ตัวอย่าง การทำบัญชีบริษัท

ตัวอย่างขั้นตอนการทำบัญชีบริษัทสามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. การบันทึกข้อมูลทางการเงิน การทำบัญชีเริ่มต้นด้วยการบันทึกข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ โดยปกติแล้วจะมีการเปิดบัญชีแยกต่างๆ เพื่อบันทึกการเงินตามประเภทของรายได้และรายจ่าย เช่น บัญชีเงินสด บัญชีเจ้าหนี้ บัญชีลูกหนี้ บัญชีค่าใช้จ่าย ฯลฯ

  2. การจัดทำรายการบัญชี หลังจากที่มีการบันทึกข้อมูลทางการเงินแล้ว จะต้องมีการจัดทำรายการบัญชีโดยรวม ซึ่งจะแบ่งเป็นรายได้และรายจ่าย และนำไปสู่การเตรียมงบการเงิน

  3. การเตรียมงบการเงิน การเตรียมงบการเงินเป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำบัญชีของธุรกิจ เพื่อตรวจสอบผลกำไรขาดทุน และเตรียมรายงานการเงินต่างๆ เช่น งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด รายงานการเงินสรุป เป็นต้น

  4. การจัดทำรายงานภาษี การทำบัญชียังรวมถึงการจัดทำรายงานภาษีสำหรับธุรกิจ เพื่อส่งเป็นการบัญชีให้กับหน่วยงานภาษี เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ

  5. การตรวจสอบ การทำบัญชีเป็นการรวบรวมข้อมูลทางการเงินและการจัดทำรายงานต่างๆ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความเป็นไปได้ของข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เกิดความมั่นใจในการบริหารจัดการธุรกิจและช่วยป้องกันการทำผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล

  6. การรายงานผลการดำเนินงาน หลังจากที่มีการจัดทำรายงานต่างๆ แล้ว การทำบัญชีจะต้องมีการรายงานผลการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหาร ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบสถานะการเงินของธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและดูได้ชัดเจน

ดังนั้น การทำบัญชีของบริษัทเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ความรู้ความสามารถในการจัดการกับข้อมูลทางการเงินและภาษี ซึ่งจะต้องใช้บัญชีที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำบัญชีและการเงินในธุรกิจอย่างมาก

อ่านบทความทั้งหมด >>> รับทำบัญชี.com

การหักค่าลดหย่อนเบี้ยประกัน

หักค่าลดหย่อน เบี้ยประกัน

เบี้ย ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้เท่า ไหร่ ลดหย่อนประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี 2564 ได้เท่าไหร่ เบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี 2565 เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี 2564 ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี 10 ปี ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้ เท่า ไหร่ pantip ตรวจสอบเบี้ยประกันสุขภาพ สรรพากร

8 องค์ประกอบ การตลาดออนไลน์ มีอะไรบ้าง ?

ตัวอย่างตลาดออนไลน์ ตลาดออนไลน์ หมายถึง การตลาดออนไลน์ มีอะไรบ้าง การตลาดออนไลน์ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง การตลาดออนไลน์ หมายถึง ทําการตลาดออนไลน์ ให้ได้ผล ประโยชน์ของการตลาดออนไลน์ การตลาดออนไลน์

วิธีการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่ม ยอดขาย

25 กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย แผนการเพิ่มยอดขาย วิธีเพิ่มยอดขายให้ร้าน วิธี กระตุ้น ยอดขาย เซลล์ วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ 15 เทคนิคการเพิ่มยอดขาย ตัวอย่างโครงการเพิ่มยอดขาย วิธีการเพิ่มยอดขาย 7 11

โรงเรียนอนุบาล กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !

ธุรกิจโรงเรียนเอกชน ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ กฎหมาย สร้าง โรงเรียน อยากเปิดโรงเรียนอนุบาล สร้างโรงเรียน ใช้เงินเท่าไหร่ เปิด โรงเรียน อนุบาล ใช้เงิน เท่า ไหร่ อยากเป็นเจ้าของโรงเรียน แผนธุรกิจเนอสเซอรี่

ธุรกิจ Application รายรับ รายจ่าย โอกาส !

แผนธุรกิจแอพพลิเคชั่น โมเดลธุรกิจ แอ พ พลิ เค ชั่ น mobile application มีอะไรบ้าง mobile application มีกี่ประเภท ตัวอย่างแผนธุรกิจ แอพพลิเคชั่น ประโยชน์ของ mobile application วิเคราะห์ swot แอพพลิเคชั่น mobile application ภาษาไทย

Leave a Comment

Scroll to Top