ภาษีคลินิกทันตกรรม
บริษัท ปังปอน จำกัด ให้บริการ รับทำบัญชี คลินิกทันตกรรม ติดต่อ โทร. 081-931-8341 (คุณจ๋า) ครอบคลุมทุกจังหวัด เมื่อคุณมีปัญหา ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบัญชี ให้นึกถึงเรา เพราะเราเชี่ยวชาญและทำงานอย่างมืออาชีพ การันตีจากสรรพากร (ตัวแทนสรรพากร) และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สำนักงานบัญชีคุณภาพ) ปัจจุบันเปิดมาแล้วมากกว่า 20 ปี
- ที่อยู่ : 47/103 หมู่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
- Email : 9622104@gmail.com
- Line Official Account : @e200
- ราคา : เอกสารไม่เกิน 30 ชุด เริ่มต้น 4,000 บาท/เดือน
คลินิกทำฟันเสียภาษีอย่างไร
ทันตแพทย์ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจคลินิกทันตกรรมของตนเอง บางครั้งก็ร่วมมือกับเพื่อนทันตแพทย์คนอื่นๆ แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใด หากคุณเป็นทันตแพทย์และต้องการเปิดคลินิกหรือกำลังคิดที่จะขยายธุรกิจ แผนธุรกิจคลินิกทันตกรรมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ธุรกิจทันตกรรมยังคงสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนทันตแพทย์ที่ทำงานให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ก็หันมาเปิดคลินิกทันตกรรม หรือคลินิกทำฟันเป็นของตนเอง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ และตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่สุด
แต่เมื่อใดที่มีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย หากรายได้นั้นมาจากกิจกรรมที่ไม่ได้รับยกเว้น VAT สูงเกิน 1.8 ล้านบาท ทันตแพทย์เจ้าของคลินิกจำเป็นต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ด้วย และดำเนินธุรกิจทันตกรรมให้ถูกต้องภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือภาษีที่เก็บจากมูลค่าการซื้อขายและการให้บริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้านำเข้า โดยมีสรรพากรเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% โดยกฎหมายได้มีการบังคับให้ผู้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และยื่นจดไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท พร้อมกับนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทุกๆ เดือน นับตั้งแต่วันที่ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นต้นไป แต่ถ้าหากมีรายได้ตลอดทั้งปีเท่ากับ 1.8 ล้านบาทพอดี ยังไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะถือว่ายังไม่ถึงเกณฑ์กำหนด
ทั้งนี้ ในหลายๆ รายได้อย่างเช่นทันตแพทย์ที่ทำทั้งงานประจำ ได้รับเป็นเงินเดือนจากโรงพยาบาลที่ทำอยู่และมีรายได้จากการทำธุรกิจเปิดคลินิกทันตกรรมเป็นของตนเอง ให้นำแค่รายได้จากการประกอบธุรกิจนอกเหนือจากเงินเดือนมาคิดเท่านั้น
โดยมีรายได้จากบางธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมานับรวมเป็นรายได้ที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น
- การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลทั้งราชการและเอกชน
- การให้บริการสถานศึกษา ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์
- ธุรกิจจำหน่ายสัตว์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตภายในประเทศ
- ธุรกิจจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ
- ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง
นอกจากนี้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความ “จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตอนไหน และใครที่ควรจดบ้าง”
ทำไมต้องจดvat
คลินิกทันตกกรม ถือเป็นสถานพยาบาล…ทำไมต้องจด VAT
โดยหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาว่าเป็นสถานพยาบาล ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฌ)แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ได้บัญญัตินิยามศัพท์คำว่า “สถานพยาบาล” ไว้ดังนี้
สถานพยาบาล หมายความว่า สถานที่รวมถึงยานพาหนะซึ่งจัดไว้เพื่อการประกอบโรคศิลปะ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ การประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือการประกอบวิชาชีพทันตกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม
ทั้งนี้ โดยกระทำเป็นปกติธุระ ไม่ว่าจะได้รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่รวมถึงสถานที่ขายยาตามกฎหมายว่าด้วยยา ซึ่งประกอบธุรกิจการขายยาโดยเฉพาะ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยรายได้จากธุรกิจทันตกรรม ผู้เปิดคลินิกทันตกรรม จะมี 2 เงื่อนไข ในการจดภาษีมูลค่าเพิ่มคือ
- รายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น รายได้จากการทำฟัน จัดฟัน รักษารากฟัน เป็นรายได้ที่ไม่ต้องนำมานับรวมเป็นรายได้ที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม
- รายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือรายได้จากการขาย เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน อุปกรณ์ดูแลรักษาฟัน ค่าเช่าสถานที่กรณีที่ทันตแพทย์มีรายได้จากการให้เช่าสถานที่ของตนเองเป็นคลินิก ซึ่งถ้าหากรายได้ในกลุ่มนี้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
ส่วนกรณีที่ผู้เข้ารับบริการรักษาฟัน ต้องการให้คลินิกออกใบกำกับภาษีให้ ในทางกฎหมายแล้วหากคลินิกทันตกรรมที่ได้ยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีได้ ซึ่งจะถือว่าเป็นใบกำกับภาษีปลอม แต่สามารถออกเป็นใบเสร็จรับเงินได้
หลังเข้าภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
ในกรณีที่คลินิกทันตกรรมมีรายได้จากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาฟัน รวมถึงรายได้จากการได้ค่าเช่าสถานที่ประกอบการ หรือรายได้ส่วนอื่นๆ จะไม่เข้าข่ายได้รับยกเว้น VAT ดังนั้น รายได้เหล่านี้หากรวมแล้วเกิน 1.8 ล้านบาทช่วงใดช่วงหนึ่ง จำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งหลังจากจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สิ่งที่เจ้าของคลินิกต้องทำคือ
- ออกใบกำกับภาษีทุกครั้งเมื่อมีการขายสินค้า
- รวบรวมเอกสารใบกำกับภาษีฝั่งซื้อ เพื่อนำมาใช้เครดิตภาษีขาย หรือขอคืนภาษีซื้อ
- ทำรายงานสรุปรายการภาษีซื้อ ภาษีขาย สินค้าคงเหลือ และวัตถุดิบ
- ส่งยื่นแบบ ภ.พ.30 แก่สรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แม้ว่าเดือนนั้นๆ จะมีหรือไม่มีการซื้อขายก็ตาม หากยื่นออนไลน์ เพิ่มระยะเวลาในการยื่นอีก 8 วัน
นอกจากนี้หลังจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นั่นแสดงว่าเจ้าของคลินิกมีรายได้จากธุรกิจคลินิก
ทันตกรรมสูงมาก ซึ่งหากเจ้าของคลินิกเสียภาษีรูปแบบบุคคลธรรมดา อาจจะต้องคำนวณภาษีและวางแผนภาษีอย่างรอบคอบ เนื่องจากตัวเลขค่อนข้างเยอะ หากคำนวณผิดพลาดและวางแผนภาษีไม่ดี มีโอกาสเสียภาษีสูงสุดถึง 35% เลยทีเดียว
ดังนั้น การจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เจ้าของคลินิกเสียภาษีน้อยลงเหลือสูงสุดแค่ 20% ได้
บัญชีปริญญาตรี สาขาบัญชี มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักบัญชี ที่ชอบทำบทความ รักการทำบทความมากว่า 10 ปี