รับทำบัญชี.COM | เปิดบริษัทใหม่ ทำบัญชีเอง เริ่มต้นอย่างไร?

Click to rate this post!
[Total: 52 Average: 5]

บัญชีที่จะต้องทํามีอะไรบ้าง

การทำบัญชีเป็นกระบวนการที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการธุรกิจหรือองค์กรใดๆ เพื่อตรวจสอบสถานะการเงิน การเติบโตของธุรกิจ และความสามารถในการทำกําไร โดยบัญชีจะมีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้

  1. งบดุล เป็นการบันทึกข้อมูลทางการเงินเพื่อทําความเข้าใจเกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย และสภาพคล่องของธุรกิจ

  2. งบกําไรขาดทุน เป็นการบันทึกการสรุปผลของการดําเนินกิจการในระยะเวลาหนึ่งๆ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถปรับปรุงธุรกิจต่อไปได้อย่างเหมาะสม

  3. งบกระแสเงินสด เป็นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการรับเงิน จ่ายเงิน และการเคลื่อนไหวของเงินสดในธุรกิจ

  4. งบเดินสะพัด เป็นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เงินของธุรกิจ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับดําเนินกิจการ

  5. งบทดลอง เป็นการบันทึกข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐานและคำนวณค่าต่าง ๆ สำหรับการวางแผนธุรกิจ

  6. งบกองทุน เป็นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการรวบรวมเงินจากเจ้าของธุรกิจและการลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ

  7. รายงานการเงิน เป็นการสรุปผลการเงินของธุรกิจในระยะเวลาที่กําหนด

  1. ใบแจ้งหนี้ เป็นเอกสารที่แสดงรายการสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจขายให้กับลูกค้า พร้อมกับราคาและเงื่อนไขการชําระเงิน

  2. ใบสำคัญรับ เป็นเอกสารที่บันทึกรายการการรับเงินจากลูกค้า โดยระบุจำนวนเงิน วันที่ และชื่อลูกค้า

  3. ใบสำคัญจ่าย เป็นเอกสารที่บันทึกรายการการจ่ายเงินให้กับผู้ขายหรือลูกค้า โดยระบุจำนวนเงิน วันที่ และรายละเอียดการจ่ายเงิน

  4. ใบเสร็จรับเงิน เป็นเอกสารที่แสดงการรับเงินจากลูกค้าเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจ ระบุจำนวนเงิน วันที่ และรายละเอียดการซื้อ

  5. ใบเสร็จรับเงินภาษี เป็นเอกสารที่ต้องออกให้กับลูกค้าเมื่อธุรกิจเสร็จสิ้นการขายสินค้าหรือบริการ และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าในที่นี้

ยังมีเอกสารและรายงานอื่นๆ ที่จะต้องบันทึกและจัดทําเช่น รายงานภาษี เอกสารการบริหารจัดการคลังสินค้าและวัตถุดิบ รายงานการจัดซื้อ รายงานการขาย และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจและกฎหมายของแต่ละประเทศด้วย

บัญชีบริษัท มีอะไรบ้าง

บัญชีบริษัทเป็นระบบบัญชีที่ใช้ในการบันทึกการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของธุรกิจหรือบริษัท ซึ่งสามารถแยกออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งาน แต่สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. บัญชีบัญชีแยกประเภท (Chart of Accounts) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกธุรกรรมต่าง ๆ ของบริษัท โดยมีหมวดหมู่หลักอยู่ 4 กลุ่ม คือ ทรัพย์สิน หนี้สิน ทุนสำรองและทุนจดทะเบียน

  2. บัญชีรายวัน (General Ledger) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกรายการธุรกรรมของบริษัทในแต่ละวัน ซึ่งจะถูกนำมาสรุปเป็นงบทดลอง และงบการเงินรายปี

  3. บัญชีลูกหนี้ (Accounts Receivable) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกยอดเงินที่ลูกค้ายังไม่ได้จ่ายให้กับบริษัท ซึ่งจะถูกใช้ในการสรุปค้างชำระของลูกค้าและสามารถเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์การขายของบริษัท

  4. บัญชีเจ้าหนี้ (Accounts Payable) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกยอดเงินที่บริษัทยังไม่ได้ชำระให้กับลูกค้า ซึ่งจะถูกใช้ในการสรุปหนี้สินของบริษัทและเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์การจัดการเงินใน

  1. บัญชีค่าใช้จ่าย (Expenses) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิต ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสินค้า ค่าใช้จ่ายในการตลาด และอื่น ๆ

  2. บัญชีรายได้ (Revenue) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกรายได้ของบริษัท ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการให้บริการ รายได้จากการลงทุน และอื่น ๆ

  3. บัญชีกำไรขาดทุน (Profit and Loss) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกกำไรหรือขาดทุนของบริษัท ซึ่งจะใช้ในการวิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุนของธุรกิจ

  4. บัญชีค่าเสื่อมราคา (Depreciation) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่ใช้ในธุรกิจ ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณเพื่อกำหนดรายจ่ายในงบการเงินรายปี

  5. บัญชีภาษี (Taxation) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกภาษีที่บริษัทต้องชำระให้กับหน่วยงานภาษี เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอื่น ๆ

  1. บัญชีสินค้าคงเหลือ (Inventory) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกสินค้าคงเหลือของบริษัท ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณเพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายในการผลิตและจัดซื้อสินค้าในปีต่อไป

  2. บัญชีบุคคล (Payroll) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกเงินเดือนและค่าตอบแทนของพนักงานในบริษัท

  3. บัญชีเงินสด (Cash) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกเงินสดหรือเงินฝากของบริษัท

  4. บัญชีส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกทุนจดทะเบียนและทุนสำรองของบริษัท

  5. บัญชีค่าเบี้ยประกัน (Insurance) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกค่าเบี้ยประกันซึ่งบริษัทต้องชำระ

  6. บัญชีสินทรัพย์ (Assets) เป็นรายการบัญชีที่ใช้ในการบันทึกทรัพย์สินของบริษัท เช่น เครื่องมือจัดการ เครื่องจักร รถยนต์ และอื่น ๆ

บัญชีบริษัทมีหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและการบันทึกข้อมูลของธุรกิจ การเลือกใช้บัญชีที่เหมาะสมสามารถช่วยให้บริษัทมีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและสามารถวิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีบัญชีอื่น ๆ อีกหลายรายการ

ตัวอย่าง การทำบัญชีบริษัท

ตัวอย่างของการทำบัญชีบริษัทเบื้องต้น สามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. บันทึกรายการธุรกรรมในบัญชีแยกประเภท ในบัญชีแต่ละประเภทจะต้องมีการบันทึกรายการธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น ๆ เช่น ในบัญชีเจ้าหนี้ จะต้องมีการบันทึกยอดหนี้สินของบริษัท ในบัญชีลูกหนี้ จะต้องมีการบันทึกรายการที่บริษัทยังไม่ได้รับเงินจากลูกค้า

  2. สรุปรายการธุรกรรมในงบทดลองและงบการเงินรายปี ในทุก ๆ เดือนบริษัทจะต้องทำการสรุปรายการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบัญชีแต่ละประเภท แล้วนำมาสรุปในงบทดลอง โดยงบทดลองจะสรุปรายการธุรกรรมของบริษัทในแต่ละประเภท เช่น ทุนจดทะเบียน ทุนสำรอง ทุนที่เรียกเก็บแล้ว และส่วนต่าง ๆ

  3. วิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุน ในปีที่ผ่านมา บริษัทจะต้องทำการสรุปรายได้และรายจ่าย จากนั้นนำมาคำนวณกำไรหรือขาดทุนของบริษัท โดยเปรียบเทียบกับผลกำไรและขาดทุนในปีก่อนหน้า เพื่อวิเคราะห์ว่าธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตหรือไม่

  4. การจัดการเงินในธุรกิจ การจัดการเงินในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยทีมงานบัญชีสามารถใช้ข้อมูลทางการเงินในการวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินธุรกิจ ได้แก่

  5. การวางแผนงบประมาณ การวางแผนงบประมาณจะช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนการใช้เงินและเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้ โดยทีมงานบัญชีจะใช้ข้อมูลจากงบการเงินรายปีและงบทดลองในการวางแผนงบประมาณ

  6. การวิเคราะห์สภาพการเงิน การวิเคราะห์สภาพการเงินจะช่วยให้ทีมงานบัญชีสามารถตรวจสอบว่าบริษัทมีสภาพการเงินที่ดีหรือไม่ โดยการวิเคราะห์สภาพการเงินจะคำนวณค่าส่วนต่างระหว่างรายได้กับรายจ่าย และหากมีค่าส่วนต่างเชิงบวกจะแสดงว่าบริษัทมีกำไร ในขณะที่หากมีค่าส่วนต่างเชิงลบจะแสดงว่าบริษัทมีขาดทุน

  7. การวางแผนการเงิน การวางแผนการเงินจะช่วยให้ทีมงานบัญชีสามารถวางแผนการใช้เงินในระยะยาวได้ โดยการวางแผนการเงินจะรวมถึงการวางแผนการลงทุน การผ่อนชำระหนี้สิน และการวางแผนการเพิ่มทุน

  8. การบริหารความเสี่ยงในการเงิน การบริหารความเสี่ยงในการเงินจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจของบริษัท โดยทีมงานบัญชีจะตรวจสอบความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินของบริษัท เช่น ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ การลงทุนที่ไม่เหมาะสม หรือการสูญเสียเงินในการทำธุรกิจ

  9. การจัดการเงินสด การจัดการเงินสดจะช่วยให้บริษัทสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ตรงเวลา โดยทีมงานบัญชีจะตรวจสอบการจ่ายเงินอย่างรอบคอบและติดตามยอดเงินสดในบริษัท

  10. การจัดการหนี้สิน การจัดการหนี้สินจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจได้ โดยทีมงานบัญชีจะตรวจสอบยอดหนี้สินของบริษัทและติดตามการชำระหนี้ของลูกค้า

  11. การบริหารการเงินโดยรวม การบริหารการเงินโดยรวมจะช่วยให้บริษัทมีการเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยทีมงานบัญชีจะตรวจสอบการใช้เงินในบริษัท และวางแผนการเงินให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ

การทำบัญชีบริษัทไม่เพียงแค่เพื่อบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ยังเป็นการวิเคราะห์และวางแผนการจัดการเงินในธุรกิจเพื่อช่วยบริษัทเติบโตได้

เปิดบริษัทใหม่ ต้องทําอะไรบ้าง

การเปิดบริษัทใหม่มีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ต้องทำ เพื่อให้การเปิดบริษัทเป็นไปได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ โดยขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่

  1. วางแผนธุรกิจ ก่อตั้งบริษัทไม่ได้แค่เพียงมีเงินเป็นพื้นฐานเท่านั้น ยังต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และมีความเป็นไปได้ในการทำกำไรในอนาคต

  2. ตรวจสอบชื่อบริษัท ตรวจสอบชื่อบริษัทที่ต้องการใช้ว่าซ้ำกับบริษัทอื่นหรือไม่ โดยคุณสามารถตรวจสอบได้ที่กรมการค้าภายใน หรือที่เว็บไซต์ของกองทุนการลงทุนร่วมชุมชน

  3. จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจ กระบวนการการจดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นทางการนั้นต้องผ่านการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจ โดยจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนพร้อมแนบเอกสารต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม

  4. ขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี บริษัทที่เปิดใหม่จะต้องขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากกรมสรรพากร เพื่อใช้ในการเสียภาษีต่อไป

  5. ขอใบอนุญาตธุรกิจ บางธุรกิจอาจต้องขอใบอนุญาตก่อนทำการค้า

  6. เปิดบัญชีธนาคาร เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินรายได้และทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน การจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และการรับเงินจากลูกค้า

  7. จ้างทีมงาน จ้างทีมงานเพื่อดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยรวมถึงทีมงานบัญชีที่จะดูแลการบันทึกข้อมูลการเงิน และดูแลการรายงานสถานะการเงินของบริษัท

  8. สร้างเว็บไซต์ การสร้างเว็บไซต์บริษัทจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรู้จักและเข้าใช้บริการได้ง่ายขึ้น โดยทีมงานด้าน IT สามารถช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้

  9. สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้ารู้จักและจดจำชื่อบริษัท โดยใช้โลโก้และสีที่เหมาะสมกับธุรกิจของบริษัท

  10. ทำการตลาด การทำการตลาดเพื่อโปรโมตธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความรู้จักและความน่าเชื่อถือในตลาด โดยทีมงานการตลาดสามารถใช้สื่อต่าง ๆ เช่นโซเชียลมีเดีย อีเมล์ หรือการตั้งโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขาย

  11. จัดการทรัพยากรบุคคล การจัดการทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทมีการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการจ้างงาน สร้างบันทึกการทำงาน และจัดการสวัสดิการพนักงาน

  12. สร้างความเชื่อมั่นในตลาด การสร้างความเชื่อมั่นในตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างฐานลูกค้า โดยการให้บริการที่ดี การแก้ไขปัญหาลูกค้าอย่างรวดเร็ว และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม

  13. ประเมินผล การประเมินผลเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทได้ตรวจสอบว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผนหรือไม่ และเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจ เพื่อปรับปรุงแผนธุรกิจในอนาคต

การเปิดบริษัทใหม่นั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ควรต้องวางแผนการเปิดบริษัทอย่างรอบคอบและมีการทำงานเป็นทีมเพื่อทำให้การเปิดบริษัทเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ทําบัญชี บริษัทเอง

การทำบัญชีบริษัทเองนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อน ดังนั้น ควรมีความรู้และความเข้าใจในการทำบัญชี เพื่อให้การบันทึกข้อมูลการเงินของบริษัทเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยขั้นตอนที่ต้องทำมีดังนี้

  1. ติดตั้งโปรแกรมบัญชี คุณสามารถใช้โปรแกรมบัญชีที่มีอยู่ในตลาดหรือโหลดโปรแกรมบัญชีฟรีจากอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรมบัญชีจะช่วยให้การบันทึกข้อมูลการเงินของบริษัทเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและตรงตามแบบฟอร์มที่เป็นทางการ

  2. ติดตั้งโปรแกรมบัญชีบนคอมพิวเตอร์ เมื่อเลือกโปรแกรมบัญชีที่เหมาะสมแล้ว คุณต้องติดตั้งโปรแกรมบัญชีบนคอมพิวเตอร์ และตั้งค่าให้เหมาะสมตามธุรกิจของคุณ

  3. เตรียมและบันทึกเอกสารการเงิน เตรียมเอกสารการเงินของบริษัท เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน และสลิปเงินเดือนพนักงาน เพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลในโปรแกรมบัญชี

  4. บันทึกข้อมูลการเงิน ใส่ข้อมูลการเงินของบริษัทเข้าสู่โปรแกรมบัญชี โดยคุณต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย

  1. ตรวจสอบการบันทึกข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลการเงินที่บันทึกในโปรแกรมบัญชีว่าถูกต้องและเชื่อถือได้ โดยต้องตรวจสอบรายละเอียดของการเงินที่บันทึกไว้ เช่น วันที่ จำนวนเงิน และเลขที่เอกสาร

  2. สร้างรายงานการเงิน สร้างรายงานการเงินเพื่อดูสถานะการเงินของบริษัท เช่น รายงานผลกำไรขาดทุน รายงานรายได้ และรายงานค่าใช้จ่าย

  3. ตรวจสอบความถูกต้องของงบการเงิน ตรวจสอบความถูกต้องของงบการเงิน โดยต้องเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้ในโปรแกรมบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่างบการเงินถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด

  4. ส่งออกงบการเงิน ส่งออกงบการเงินเพื่อใช้ในการยื่นภาษีและการขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยต้องเตรียมเอกสารและสร้างรายงานการเงินในรูปแบบที่ต้องการ

การทำบัญชีบริษัทเองนั้นต้องใช้เวลาและความสามารถในการทำบัญชี อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองในการทำบัญชี คุณอาจจะต้องพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญในการทำบัญชีเพื่อให้แน่ใจว่างบการเงินของบริษัทถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด

การทําบัญชีบริษัท เบื้องต้น

การทำบัญชีบริษัทเบื้องต้น ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ตั้งแผนงบประมาณ กำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละปีการเงินของบริษัท โดยคำนึงถึงรายได้และค่าใช้จ่ายที่คาดหวัง

  2. สร้างสมุดรายวัน สร้างสมุดรายวันเพื่อบันทึกการเงินของบริษัททุกวัน โดยใช้เอกสารเช่นใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และใบสำคัญจ่ายเงิน

  3. สร้างสมุดบัญชี สร้างสมุดบัญชีเพื่อบันทึกการเงินของบริษัทในแต่ละปี โดยแยกเป็นสมุดบัญชีแยกประเภท เช่น สมุดบัญชีเงินสด สมุดบัญชีลูกหนี้ สมุดบัญชีเจ้าหนี้ และสมุดบัญชีสินค้าคงเหลือ

  4. สร้างงบการเงิน สร้างงบการเงินเพื่อบันทึกการเงินของบริษัทในแต่ละปี โดยแบ่งเป็นงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด

  5. รายงานการเงิน สร้างรายงานการเงินเพื่อนำเสนอกับผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้แสดงถึงสถานะการเงินของบริษัท

  6. ประกาศผลกำไรขาดทุน ประกาศผลกำไรขาดทุนและส่งให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อประกาศในราชกิจจา

  1. ส่งภาษี ส่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากร ตามกำหนดเวลาและวิธีการที่กำหนดไว้

  2. ตรวจสอบสถานะการเงิน ตรวจสอบสถานะการเงินของบริษัทเพื่อความถูกต้องและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน

  3. ตรวจสอบและประเมินผลการทำงาน ตรวจสอบการทำงานและประเมินผลการทำงานของบริษัท เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการทำงานในอนาคต

การทำบัญชีบริษัทเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถและความรอบคอบ หากคุณไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง คุณอาจต้องพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญในการทำบัญชีเพื่อให้แน่ใจว่างบการเงินของบริษัทถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด

กระบวนการจัดทําบัญชี มีอะไรบ้าง

กระบวนการจัดทำบัญชีประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้

  1. รับเอกสารการเงิน รับเอกสารการเงินเช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และใบสำคัญจ่ายเงิน เพื่อนำมาบันทึกในสมุดรายวัน

  2. บันทึกเอกสารการเงินในสมุดรายวัน บันทึกข้อมูลการเงินของบริษัทในสมุดรายวัน โดยใช้เอกสารเช่นใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และใบสำคัญจ่ายเงิน

  3. สร้างสมุดบัญชี สร้างสมุดบัญชีเพื่อบันทึกการเงินของบริษัท โดยแยกเป็นสมุดบัญชีแยกประเภท เช่น สมุดบัญชีเงินสด สมุดบัญชีลูกหนี้ สมุดบัญชีเจ้าหนี้ และสมุดบัญชีสินค้าคงเหลือ

  4. สร้างงบการเงิน สร้างงบการเงินเพื่อบันทึกการเงินของบริษัทในแต่ละปี โดยแบ่งเป็นงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด

  5. รายงานการเงิน สร้างรายงานการเงินเพื่อนำเสนอกับผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้แสดงถึงสถานะการเงินของบริษัท

  6. ตรวจสอบสถานะการเงิน ตรวจสอบสถานะการเงินของบริษัทเพื่อความถูกต้องและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน

  1. ส่งภาษี บริษัทต้องส่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากร ตามกำหนดเวลาและวิธีการที่กำหนดไว้ ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายและส่งให้ถูกต้องตามวิธีการที่กำหนด รวมถึงต้องจ่ายเงินภาษีให้ครบถ้วนในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดและความล่าช้าในการส่งภาษี
  1. ยืนยันข้อมูลการเงิน ยืนยันข้อมูลการเงินของบริษัทกับผู้มีอำนาจเช่น ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหาร และต้องตรวจสอบว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องและเชื่อถือได้

  2. ส่งออกงบการเงิน ส่งออกงบการเงินเพื่อใช้ในการยื่นภาษีและการขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยต้องเตรียมเอกสารและสร้างรายงานการเงินในรูปแบบที่ต้องการ

  3. ตรวจสอบและประเมินผลการทำงาน ตรวจสอบการทำงานและประเมินผลการทำงานของบริษัท เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการทำงานในอนาคต

การจัดทำบัญชีเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถและความรอบคอบ คุณอาจต้องพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญในการทำบัญชีเพื่อให้แน่ใจว่างบการเงินของบริษัทถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด

การทําบัญชีบริษัท excel

การทำบัญชีบริษัทด้วย Excel เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการจัดทำสมุดบัญชี โดยสามารถใช้ Excel เพื่อสร้างตารางบัญชีและใส่ข้อมูลการเงินของบริษัทได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. สร้างไฟล์ Excel เปิดโปรแกรม Excel และสร้างไฟล์ใหม่ โดยกำหนดชื่อไฟล์และตั้งค่าแบบฟอร์แมตตาร์ต่างๆ ตามต้องการ

  2. สร้างตารางบัญชี สร้างตารางบัญชีโดยกำหนดหัวข้อและหมวดหมู่ของบัญชี เช่น สินทรัพย์ หนี้สิน ทุน เป็นต้น และกำหนดรูปแบบการแสดงผลและสีของตารางบัญชีตามต้องการ

  3. บันทึกข้อมูลการเงิน บันทึกข้อมูลการเงินของบริษัทในตารางบัญชี โดยใส่ข้อมูลในแต่ละเซลล์ของตาราง

  4. สร้างสูตรคำนวณ สร้างสูตรคำนวณเพื่อคำนวณผลรวมในแต่ละหมวดหมู่ของบัญชี และการคำนวณผลรวมรวมของบัญชีทั้งหมด โดยใช้ฟังก์ชั่น SUM และ IF ใน Excel

  5. สร้างรายงานการเงิน สร้างรายงานการเงินเพื่อแสดงผลข้อมูลการเงินของบริษัท โดยสามารถสร้างกราฟและแผนภูมิต่างๆ เพื่อแสดงผลข้อมูลการเงินในรูปแบบที่ต้องการ

การทำบัญชีบน Excel มีข้อดีคือสามารถปรับแต่งรูป

เอกสารบัญชีเบื้องต้น

เอกสารบัญชีเบื้องต้น ประกอบด้วยเอกสารต่างๆ ดังนี้

  1. สมุดรายวัน เป็นสมุดบันทึกข้อมูลการเงินของบริษัทตามวันที่ โดยแยกเป็นส่วนต่างๆ เช่น ส่วนรับเงิน ส่วนจ่ายเงิน ส่วนยอดคงเหลือ และส่วนอื่นๆ โดยเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลการเงิน

  2. สมุดบัญชีแยกประเภท เป็นสมุดบันทึกข้อมูลการเงินของบริษัท แบ่งแยกตามประเภทของบัญชี เช่น สินทรัพย์ หนี้สิน ทุน เป็นต้น โดยจะบันทึกข้อมูลการเงินที่ตรงกับประเภทบัญชีนั้นๆ

  3. ใบแจ้งหนี้ เป็นเอกสารที่ใช้ในการแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงยอดเงินที่ต้องชำระให้กับบริษัท โดยระบุรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ จำนวนเงิน และเงื่อนไขการชำระเงิน

  4. ใบสำคัญจ่าย เป็นเอกสารที่ใช้ในการรับรองการจ่ายเงินให้กับลูกค้า หรือผู้รับบริการ โดยระบุรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ จำนวนเงิน และวันที่จ่ายเงิน

  5. ใบเสร็จรับเงิน เป็นเอกสารที่ใช้ในการรับรองการรับเงินจากลูกค้า หรือผู้รับบริการ โดยระบุรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ จำนวนเงิน และวันที่รับเงิน

  1. สมุดบัญชีเงินเดือน เป็นสมุดบันทึกข้อมูลการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างให้กับพนักงานของบริษัท โดยระบุรายละเอียดของพนักงาน ตำแหน่งงาน วันที่ได้รับเงิน เป็นต้น

  2. สรุปงบการเงิน เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการสรุปผลการเงินของบริษัท โดยรวมยอดรายได้และรายจ่ายของบริษัทในช่วงเวลาที่กำหนด โดยประกอบด้วยงบกำไรขาดทุน งบดุล และรายงานการเงินอื่นๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินกิจการในอนาคต

  3. งบกระแสเงินสด เป็นเอกสารที่ใช้ในการบันทึกกระแสเงินสดของบริษัทในระยะเวลาที่กำหนด โดยระบุรายละเอียดของรายได้และรายจ่ายตามเวลาที่เกิดขึ้น จากนั้นนำมาสรุปในรูปแบบของงบกระแสเงินสดเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเงินของบริษัท

  4. สรุปยอดหนี้สินและลูกหนี้ เป็นเอกสารที่ใช้ในการสรุปยอดหนี้สินและลูกหนี้ของบริษัท โดยแบ่งแยกตามลูกค้าหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง ระบุวันที่ต้องชำระหนี้ และวันที่รับชำระหนี้ เพื่อจัดการการเงินของบริษัทให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้

  1. รายงานการเงินประจำปี เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการสรุปผลการเงินของบริษัทในระยะเวลาหนึ่ง (ปี) โดยระบุรายละเอียดของรายได้และรายจ่ายของบริษัท รวมถึงรายงานการเงินอื่นๆ เพื่อใช้ในการประเมินผลการดำเนินกิจการของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมา

  2. หนังสือบัญชี เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับยืนยันความถูกต้องของข้อมูลการเงินของบริษัท ซึ่งจะระบุรายละเอียดของการเงินต่างๆ และรายงานผลการเงินของบริษัท ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานการบัญชีที่มีอยู่

  3. รายงานภาษี เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้สำหรับการประเมินภาษีและยื่นภาษีให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะระบุรายละเอียดของภาษีที่ต้องชำระ และวันที่ต้องชำระภาษี รวมถึงการจัดทำงบภาษีของบริษัท

  4. สมุดคุมบัญชีธนาคาร เป็นสมุดบันทึกข้อมูลการเงินที่เกี่ยวกับการฝากเงินและถอนเงินของบริษัทจากธนาคาร รวมถึงข้อมูลการทำธุรกรรมเงินสดและการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต

  5. สรุปการเงินตามรอบบัญชี เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับสรุปผลการเงินของบริษัทในรอบบัญชี (ระยะเวลา 1 เดือนหรือ 3 เดือน) โดยประกอบด้วยรายการรับเงินและรายการจ่ายเงิน รวมถึงรายการเงินสดและเงินฝากธนาคาร ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัทในระยะเวลานั้นๆ รายงานนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทได้ในแต่ละรอบบัญชี

  1. รายงานการตรวจสอบบัญชี เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการเงินในสมุดบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยการตรวจสอบนี้จะช่วยให้บริษัทได้ตรวจสอบและปรับปรุงการบันทึกข้อมูลการเงินให้เป็นไปตามหลักการบัญชีและมาตรฐานการบัญชีที่มีอยู่

  2. รายงานการจัดทำงบประมาณ เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับวางแผนการใช้จ่ายและการกำหนดเป้าหมายการเงินของบริษัทในอนาคต โดยจะระบุรายละเอียดของงบประมาณแต่ละรายการ การกำหนดเป้าหมายและข้อจำกัดทางการเงินของบริษัท

  3. รายงานการเงินอื่นๆ เป็นเอกสารสำหรับรายงานการเงินของบริษัทที่ไม่เข้าข่ายในเอกสารอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น เช่น รายงานผลการวิเคราะห์การลงทุน รายงานการตรวจสอบสินทรัพย์ รายงานการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างปีกับปีที่ผ่านมา รายงานการเงินอื่นๆ เช่นนั้นจะช่วยให้บริษัทมีข้อมูลการเงินที่ครบถ้วนและสามารถนำไปปรับปรุงและวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม

เพื่อให้การจัดทำเอกสารบัญชีเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ จึงควรมีการปฏิบัติตามหลักการบัญชีและมาตรฐานการบัญชีที่มีอยู่ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการจัดทำเอกสารบัญชีของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ และการมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดทำเอกสารบัญชีด้วย

 

 

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )