สำหรับการรับรองบัญชีและการตรวจสอบบัญชีตามมาตรา 3 สัตต นั้นจะมีผู้ที่สามารถทำการตรวจสอบได้เพียง 2 บุคคลคือ
ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตและ
ผู้ตรวจสอบบัญชีภาษีอากร ส่วนความแตกต่างของบุคคลทั้งสองฝ่ายมีดังต่อไปนี้
1.ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตก็คือ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตและได้รับการขึ้นทะเบียนสภาวิชาชีพตามพระราชบัญญัติ การขึ้นทะเบียนนั้น จะต้องได้รับอนุญาตแล้วจากสภาวิชาชีพบัญชีเท่านั้น และสามารถทำการตรวจสอบพร้อมรับรองบัญชีของบริษัทต่างๆได้ รวมไปถึงห้างหุ้นส่วนแบบนิติบุคคล สามารถทำการปฏิบัติงานตามสภาวิชาชีของห้างหุ้นส่วนแบบนิติบุคคลขนาดใหญ่และรับรองบริษัทได้ ซึ่งยังสามารถปฏิบัติงานที่อธิบดีกำหนดได้ พร้อมจัดทำรายงานสำหรับการตรวจสอบ และรับรองบัญชีได้ทั้งห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดใหญ่, ขนาดเล็ก, บริษัท
2.ผู้สอบบัญชีภาษีอากรคือ ผู้ที่ได้รับอนุญาตและขึ้นทะเบียนจากอธิบดีกรมสรรพากร การขึ้นทะเบียนนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตตามคำสั่งที่ ท.ป.98/2544ฯ มีสิทธิในการปฏิบัติงานแค่รับรองบัญชีและตรวจสอบ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็กที่มีทุนไม่เกิน 5 ล้านบาทเท่านั้นตามคำสั่งที่ ท.ป.98/2544ฯ โดยมีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติงานนั้นจะมีเงื่อนไขตามที่อธิบดีได้กำหนดมาตามคำสั่งที่ ท.ป.122/2545ฯ ด้านรายงานการตรวจสอบ และการรับรองก็จะต้องทำตามที่กำหนดจากอธิบดี ตามคำสั่งที่ ท.ป.122/2545ฯ และนี่ก็คือความแตกต่างของ 2 บุคคล ที่มีหน้าที่ในการรับรองบัญชีตามมาตรา 3 สัตต และทำการตรวจสอบบัญชีอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งหากว่าไม่ใช่ 2 บุคคลนี้แล้ว ไปรับรองหรือว่าไปตรวจสอบ อาจจะผิดกฎหมายและมีผลเสียสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ฉะนั้นผู้ที่ต้องการจ้างคนมาตรวจสอบบัญชี หรือต้องการทำบัญชีให้มีความถูกต้องตามกฎหมายต้องให้ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตหรือผู้สอบบัญชีภาษีอากร เข้ามาตรวจสอบเท่านั้น ผู้ที่ลงทุนธุรกิจเป็นห้างหุ้นส่วนไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถติดต่อทางผู้ตรวจสอบบัญชีภาษีอากรได้ทันที ไม่ต้องถึงผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต เพราะว่า
ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตจะเน้นในเรื่องของการตรวจห้างหุ้นส่วนที่มีทุนมากกว่า 5 ล้านขึ้นไป นั่นเอง