รับทำบัญชี.COM | รายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีขั้นต่ำเท่าไร?

แหล่งที่มาของเงินได้ ซึ่งแบ่งเป็นเงินได้จากแหล่งในประเทศและนอกประเทศ

          เงินได้อันเป็นเหตุให้ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีมาจากแหล่งใดบ้าง แหล่งที่มาของเงินได้ ซึ่งแบ่งเป็นเงินได้จากแหล่งในประเทศและนอกประเทศ เงินได้จากแหล่งต่างๆ นี้จะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ ให้พิจารณา ดังนี้

1. เงินได้เกิดจากแหล่งในประเทศ หมายถึง เงินได้ที่เกิดขึ้น หรือเป็นผลสืบเนื่องจากมี
1.1 หน้าที่งานที่ทำในประเทศไทย หรือ
1.2 กิจการที่ทำในประเทศไทย หรือ
1.3 กิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือ
1.4 ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย (ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ฯลฯ *เงื่อนไข ผู้มีเงินได้เกิดจากแหล่งในประเทศนี้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามที่ประมวลรัษฏากร กำหนดไว้เสมอเว้นแต่จะมีข้อยกเว้นตามกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่ว่าเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วนั้น จะจ่ายในหรือนอกประเทศ และไม่ว่าผู้มีเงินได้นั้นจะเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม)
2. เงินได้เกิดจากแหล่งนอกประเทศไทย หมายถึง เงินได้ที่เกิดขึ้นหรือเป็นผลสืบเนื่องจากมี
2.1 หน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ หรือ
2.2 กิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือ
2.3 ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ *เงื่อนไข ผู้มีเงินได้เกิดจากแหล่งนอกประเทศในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วจะต้องเสียภาษีเงินได้ ในประเทศไทยก็ต่อเมื่อเข้าองค์ประกอบทั้ง 2 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ผู้มีเงินได้เป็น ผู้อยู่ในประเทศไทย ในปีภาษีนั้นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมทั้งหมดถึง 180 วัน และ (2) ผู้มีเงินได้ นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้นด้วย ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบางกรณี ถ้าเกี่ยวข้องกับบุคคลของบางประเทศที่มี อนุสัญญาภาษีซ้อน* หรือความตกลงเพื่อป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาถึงความ ตกลงหรืออนุสัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยได้ทำความตกลงไว้ด้วย

รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี

การกำหนดรายได้ที่ต้องเสียภาษีขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ โดยรายได้ที่ต้องเสียภาษีจะขึ้นอยู่กับระดับรายได้ที่กำหนดและอัตราภาษีที่ใช้ในแต่ละระดับ

ตัวอย่าง: ในประเทศ B, มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเมื่อรายได้สุทธิเกิน 300,000 บาทต่อปี และอัตราภาษีที่ใช้คือ 15% สำหรับรายได้ที่เกิน 300,000 บาท

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: รายได้สุทธิ = 400,000 บาท

  1. ต้องหักยอดรายได้ที่ยกเว้นภาษีก่อน ในกรณีนี้ไม่มีรายได้ที่ยกเว้นภาษี

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ต้องเสีย = (รายได้สุทธิที่เกินรายได้ที่ยกเว้นภาษี) x (อัตราภาษี)

    ภาษีที่ต้องเสีย = (400,000 – 300,000) x 0.15 = 15,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 15,000 บาท

เงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้าน เสียภาษีเท่าไหร่

การคำนวณภาษีที่เสียเมื่อเงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้านขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ โดยอาจมีการใช้อัตราภาษีพิเศษสำหรับจำนวนเงินที่เกิน 2 ล้านบาท

ตัวอย่าง: ในประเทศ C, มีกฎหมายว่าเมื่อเงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีพิเศษที่อัตรา 5%

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: เงินเข้าบัญชี = 2,500,000 บาท

  1. ตรวจสอบว่าเงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้านหรือไม่ เงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้านบาท

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ต้องเสีย = (เงินเข้าบัญชีที่เกิน 2 ล้านบาท) x (อัตราภาษีพิเศษ)

    ภาษีที่ต้องเสีย = (2,500,000 – 2,000,000) x 0.05 = 25,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 25,000 บาท

รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี

การกำหนดรายได้ที่ต้องเสียภาษีขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ โดยมักจะแบ่งเป็นช่วงรายได้ที่มีอัตราภาษีต่างกัน ยิ่งรายได้มากขึ้น อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น

ตัวอย่าง: ในประเทศ D, มีกฎหมายที่กำหนดว่ารายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษีเมื่อเกิน 400,000 บาทต่อปี โดยมีอัตราขออธิบายต่อว่ารายได้ต้องเสียภาษีจะเป็นอย่างไร:

เงื่อนไขในประเทศ D:

  • รายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษีเมื่อเกิน 400,000 บาทต่อปี
  • อัตราภาษีที่ใช้จะแบ่งเป็นช่วงรายได้ดังนี้:
    • 0 – 400,000 บาท: ไม่ต้องเสียภาษี
    • 400,001 – 700,000 บาท: 10% ของรายได้ที่เกิน 400,000 บาท
    • 700,001 บาทขึ้นไป: 20% ของรายได้ที่เกิน 700,000 บาท

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: รายได้สุทธิ = 800,000 บาท

  1. ตรวจสอบว่ารายได้สุทธิเกิน 400,000 บาทหรือไม่ รายได้สุทธิเกิน 400,000 บาท

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย

    • ในช่วงรายได้ 0 – 400,000 บาท: ไม่ต้องเสียภาษี
    • ในช่วงรายได้ 400,001 – 700,000 บาท: ภาษีที่ต้องเสีย = (รายได้สุทธิที่เกิน 400,000 บาท) x (อัตราภาษี 10%) ภาษีที่ต้องเสีย = (800,000 – 400,000) x 0.10 = 40,000 บาท
    • ในช่วงรายได้ 700,001 บาทขึ้นไป: ภาษีที่ต้องเสีย = (รายได้สุทธิที่เกิน 700,000 บาท) x (อัตราภาษี 20%) ภาษีที่ต้องเสีย = (800,000 – 700,000) x 0.20 = 20,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 60,000 บาท

มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ถึงเสียภาษี

การกำหนดจำนวนเงินในบัญชีที่ต้องเสียภาษีขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ จะมีเงินสะสมในบัญชีที่ต้องเสียภาษีเมื่อเกินจำนวนที่กำหนด

ตัวอย่าง: ในประเทศ E, กฎหมายบอกว่าจะต้องเสียภาษีเมื่อมีเงินในบัญชีเกิน 500,000 บาท โดยอาจมีการกำหนดอัตราภาษีเพิ่มเติมสำหรับจำนวนเงินที่เกิน

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: เงินในบัญชี = 800,000 บาท

  1. ตรวจสอบว่าเงินในบัญชีเกิน 500,000 บาทหรือไม่ เงินในบัญชีเกิน 500,000 บาท

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ต้องเสีย = (เงินในบัญชีที่เกิน 500,000 บาท) x (อัตราภาษีพิเศษ)

    ภาษีที่ต้องเสีย = (800,000 – 500,000) x อัตราภาษีพิเศษ

    เมื่อกำหนดว่าอัตราภาษีพิเศษเป็น 5%:

    ภาษีที่ต้องเสีย = (300,000) x 0.05 = 15,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 15,000 บาท

รายได้ 1 ล้าน เสียภาษีเทรายได้ที่ต้องเสียภาษีจะขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ และอัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณ

ตัวอย่าง: ในประเทศ F, มีกฎหมายว่ารายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษีเมื่อเกิน 800,000 บาทต่อปี โดยมีอัตราภาษีที่ใช้คือ 25% สำหรับรายได้ที่เกิน 800,000 บาท

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: รายได้สุทธิ = 1,000,000 บาท

  1. ตรวจสอบว่ารายได้สุทธิเกิน 800,000 บาทหรือไม่ รายได้สุทธิเกิน 800,000 บาท

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ต้องเสีย = (รายได้สุทธิที่เกิน 800,000 บาท) x (อัตราภาษี)

    ภาษีที่ต้องเสีย = (1,000,000 – 800,000) x 0.25 = 50,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 50,000 บาท

โปรแกรมคำนวณภาษี

โปรแกรมคำนวณภาษีเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียโดยอัตโนมัติ โดยคุณสามารถใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรายได้และกฎหมายภาษีที่ใช้ แล้วโปรแกรมจะทำการคำนวณภาษีให้คุณ

ตัวอย่าง: โปรแกรมคำนวณภาษีสามารถให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็วเมื่อต้องการคำนวณจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย โดยให้ป้อนข้อมูลเช่น รายได้สุทธิและอัตราภาษีที่ใช้ แล้วโปรแกรมจะทำการคำนวณและแสดงผลลัพธ์ภาษีที่ต้องเสียให้คุณ

โปรแกรมคำนวณภาษีสามารถช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดในการคำนวณภาษีของคุณได้

รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี

รายได้ที่ต้องเสียภาษีจะขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ โดยรายได้ที่ต้องเสียภาษีจะถูกกำหนดโดยอัตราภาษีและช่วงรายได้ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

ตัวอย่าง: ในประเทศ G, มีกฎหมายว่ารายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษีเมื่อเกิน 500,000 บาทต่อปี โดยมีอัตราภาษีที่ใช้คือ 20% สำหรับรายได้ที่เกิน 500,000 บาท

เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ขอให้พิจารณาตัวอย่างดังนี้: รายได้สุทธิ = 600,000 บาท

  1. ตรวจสอบว่ารายได้สุทธิเกิน 500,000 บาทหรือไม่ รายได้สุทธิเกิน 500,000 บาท

  2. คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ต้องเสีย = (รายได้สุทธิที่เกิน 500,000 บาท) x (อัตราภาษี)

    ภาษีที่ต้องเสีย = (600,000 – 500,000) x 0.20 = 20,000 บาท

ดังนั้น ในกรณีนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด 20,000 บาท

รายได้เท่าไหร่ไม่ต้องยื่นภาษี

รายได้ที่ไม่ต้องยื่นภาษีจะขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ และจะมีการกำหนดรายได้ที่ยกเว้นภาษีซึ่งไม่ต้องรวมอยู่ในการคำนวณภาษี

ตัวอย่าง: ในประเทศ H, มีกฎหมายที่กำหนดว่ารายได้ที่ไม่ต้องยื่นภาษีคือรายได้สุทธิไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี

ดังนั้น หากมีรายได้สุทธิต่ำกว่าหรือเท่ากับ 200,000 บาท คุณไม่ต้องยื่นภาษีในประเทศ H ในกรณีที่รายได้สุทธิเกิน 200,000 บาท คุณจะต้องตรวจสอบกฎหมายภาษีของประเทศเพื่อดูว่ายังมีรายได้ที่ยกเว้นภาษีเพิ่มเติมหรือไม่

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )