แผนธุรกิจการพิมพ์
การเริ่มต้นธุรกิจการพิมพ์เป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนหลายขั้นตอน ต่อไปนี้คือขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณควรทราบในการเริ่มต้นธุรกิจการพิมพ์
-
วางแผนธุรกิจ
- กำหนดวัตถุประสงค์และวิสัยทัศน์ของธุรกิจ.
- วิเคราะห์ตลาดและกำหนดกลุ่มเป้าหมาย.
- กำหนดรูปแบบการพิมพ์ที่คุณต้องการทำ, เช่น พิมพ์นิตยสาร, สมุด, บรรจุภัณฑ์, หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ.
-
สร้างแผนธุรกิจ
- รวมรายละเอียดเกี่ยวกับการเงิน, การลงทุนที่จำเป็น, และการทำงบประมาณ.
- กำหนดโครงสร้างราคาและยอดขายเป้าหมาย.
- กำหนดวิธีการเพิ่มผู้ร่วมทุนหรือกู้ยืมเงินสำหรับธุรกิจของคุณ.
-
เลือกสถานที่
- หาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจการพิมพ์ของคุณ เช่น ออฟฟิศหรือโรงงานผลิต.
- พิจารณาความเหมาะสมของสถานที่ต่อความต้องการของเครื่องจักรและการจัดส่งสินค้า.
-
รับรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์
- เลือกและซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการพิมพ์ที่คุณต้องการทำ.
- พิจารณาการเช่าเครื่องจักรเพื่อลดค่าใช้จ่ายเริ่มต้น.
-
เลือกการจัดหาวัตถุดิบ
- สรรหาแหล่งจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมสำหรับการพิมพ์ของคุณ.
- พิจารณาความยืดหยุ่นในการจัดหาวัตถุดิบตลอดเวลา.
-
รับรู้เกี่ยวกับการออกแบบและการสร้างสินค้า
- สร้างการออกแบบสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจและเข้ากับตลาดเป้าหมายของคุณ.
- ทำการสร้างต้นแบบและสั่งพิมพ์ตัวอย่างสินค้า.
-
เริ่มต้นการผลิต
- ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน.
- ฝึกฝนพนักงานในกระบวนการการพิมพ์และการควบคุมคุณภาพ.
-
ตลาดและการขาย
- สร้างแผนการตลาดและโปรโมชันสำหรับสินค้าของคุณ.
- คิดถึงวิธีการจัดส่งและการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า.
-
การบริหารงานทางการเงินและบัญชี
- สร้างระบบบัญชีและการเงินเพื่อติดตามรายรับและรายจ่ายของธุรกิจ.
- จัดการการสอบบัญชีและรายงานภาษีตามกฎหมาย.
-
การติดตามและปรับปรุง
- ติดตามผลการขายและความพึงพอใจของลูกค้า.
- ปรับปรุงแผนธุรกิจและกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำไร.
-
เริ่มต้นการตลาดและโปรโมท
- สร้างการตลาดและการโปรโมทเพื่อเพิ่มการรับรู้และขายสินค้าของคุณ.
-
ประสานงานและสร้างความร่วมมือ
- สร้างความร่วมมือกับซัพพลายเออร์และลูกค้าเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ.
-
การประกันคุณภาพ
- ติดตามและควบคุมคุณภาพของสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุด.
-
สรุปและประเมิน
- สรุปผลของธุรกิจของคุณเป็นระยะเวลาและประเมินความสำเร็จ และทำการปรับแผนต่อไปตามผลการประเมิน.
ควรรีบค้นความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจการพิมพ์และศึกษาตลาดให้ลึกซึ้งก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จของธุรกิจการพิมพ์ของคุณในอนาคต.
ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจการพิมพ์
นี่คือตัวอย่างของ comparison table ที่แสดงรายรับและรายจ่ายของธุรกิจการพิมพ์
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
รายรับที่ให้บริการพิมพ์ | 1,200,000 | |
รายรับจากการขายพิมพ์หนังสือ | 800,000 | |
รายรับจากการพิมพ์แผ่นพับ | 500,000 | |
รายรับจากการพิมพ์โบรชัวร์ | 300,000 | |
รายรับจากบริการออกแบบกราฟิก | 150,000 | |
รายรับจากบริการตกแต่งรูปแบบ | 100,000 | |
รายรับจากบริการสกรีนพิมพ์ | 50,000 | |
รายรับรวม | 3,100,000 |
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
ค่าเช่าสถานที่ | 250,000 | |
ค่าน้ำ/ไฟ/โทรศัพท์ | 20,000 | |
ค่าจ้างพนักงานและค่าจ้างช่าง | 800,000 | |
ค่าวัสดุและอุปกรณ์การพิมพ์ | 500,000 | |
ค่าเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ | 300,000 | |
ค่าโฆษณาและการตลาด | 100,000 | |
ค่าบริการบัญชีและการเงิน | 50,000 | |
ค่าบริการทางกฎหมาย | 20,000 | |
ค่าซื้อวัตถุดิบและวัสดุ | 600,000 | |
รายจ่ายรวม | 2,590,000 |
| กำไรสุทธิ (รายรับ – รายจ่าย) | 510,000 บาท |
นี้เป็นตัวอย่างเท่านั้นและยอดรายรับและรายจ่ายของธุรกิจการพิมพ์ของคุณอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของธุรกิจของคุณ แนะนำให้คำนวณรายรับและรายจ่ายของคุณอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถวางแผนการจัดการและการเงินของธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าซึ่งความลงทุนของคุณในธุรกิจการพิมพ์.
อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการพิมพ์
ธุรกิจการพิมพ์เป็นธุรกิจที่มีความหลากหลายและมีหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับมัน นี่คือบางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการพิมพ์
-
นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer) นักออกแบบกราฟิกเป็นผู้ที่สร้างสื่อและดีไซน์สำหรับพิมพ์ เขาหรือเธอออกแบบโลโก้, ปกหนังสือ, โปสเตอร์, แผ่นพับ, และวัสดุโฆษณาอื่นๆ ที่ใช้ในธุรกิจการพิมพ์.
-
นักเขียน (Copywriter) นักเขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเขียนข้อความโฆษณาและข้อความสื่อสารที่ใช้ในสื่อพิมพ์ เช่น บทความบนนิตยสาร, ประกาศโฆษณา, และสคริปต์โฆษณา.
-
นักเล่าเสียง (Voiceover Artist) นักเล่าเสียงใช้เสียงของพวกเขาในการบันทึกคำพูดสำหรับวิดีโอโฆษณา, โฆษณาทางวิทยุ, และการนำเสียงเข้ากับสื่อพิมพ์อื่นๆ.
-
นักถ่ายภาพ (Photographer) นักถ่ายภาพเป็นคนถ่ายรูปสำหรับนิตยสาร, โปสเตอร์, และสื่อพิมพ์อื่นๆ เขาหรือเธอจะใช้ฝีมือในการถ่ายภาพสวยงามและน่าสนใจ.
-
นักเครื่องหมายร้าน (Sign Maker) นักเครื่องหมายร้านผลิตป้ายโฆษณาที่ใช้ในการโฆษณาสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจรวมถึงป้ายทางเข้าร้าน, ป้ายแบรนด์, และป้ายโรงแรม.
-
นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer Programmer) การพิมพ์และสื่อมักมีแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำงานกับธุรกิจการพิมพ์เพื่อพัฒนาและบำรุงรักษาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน.
-
ผู้จัดการโครงการ (Project Manager) ผู้จัดการโครงการในธุรกิจการพิมพ์รับผิดชอบในการวางแผนและควบคุมโครงการพิมพ์ เพื่อให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ตรงตามเวลาและงบประมาณ.
-
นักจัดการธุรกิจ (Business Manager) นักจัดการธุรกิจในธุรกิจการพิมพ์มีหน้าที่จัดการกับด้านการบริหารและการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงการวางแผนยุทธยานธุรกิจ.
-
พนักงานสนับสนุน (Support Staff) พนักงานในธุรกิจการพิมพ์สามารถเป็นพนักงานสำรอง, พนักงานบริการลูกค้า, หรือพนักงานในงานส่งสินค้า เพื่อช่วยในการดำเนินงานประจำวันของธุรกิจ.
-
นักการตลาด (Marketing Specialist) นักการตลาดในธุรกิจการพิมพ์รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินกิจกรรมการตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้และยอดขายสินค้าพิมพ์.
การเลือกอาชีพที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจการพิมพ์ของคุณจะขึ้นอยู่กับนิสัย, ความสามารถ, และความสนใจของคุณในสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้.
วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจการพิมพ์
การวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) เป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่ช่วยให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจของคุณอย่างละเอียด โดยมีดังนี้
ความแข็งแกร่ง (Strengths)
-
คุณภาพการพิมพ์และการบรรจุงาน คุณสามารถพิมพ์และบรรจุงานอย่างมีคุณภาพสูงและตรงตามความต้องการของลูกค้าได้.
-
ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ คุณมีทีมงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการพิมพ์และออกแบบที่มีคุณภาพ.
-
เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย คุณใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพและคุณภาพ.
-
สัมพันธภาพกับลูกค้า คุณมีลูกค้าที่มีความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในคุณ.
ความอ่อนแอ (Weaknesses)
-
ความยุ่งยากในการบริหารจัดการ การบริหารจัดการธุรกิจการพิมพ์อาจมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากเนื่องจากต้องจัดการกับงานพิมพ์และสถานการณ์ทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว.
-
ความขึ้นอยู่กับลูกค้าหลัก หากคุณขึ้นอยู่กับลูกค้าหลักไม่มากพอ คุณอาจมีความเสี่ยงในกรณีที่ลูกค้าหลักมีปัญหาหรือย้ายไปยังคู่แข่ง.
-
ค่าใช้จ่ายสูง ความต้องการในการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยอาจทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น.
โอกาส (Opportunities)
-
การขยายตลาด คุณสามารถขยายตลาดโดยการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อทำสื่อพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ที่มีความนิยม.
-
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่โดยการให้บริการและสินค้าที่มีคุณภาพ.
-
การใช้งานสื่อออนไลน์ การใช้งานสื่อออนไลน์เพื่อการโฆษณาและการตลาดสามารถช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น.
ความเสี่ยง (Threats)
-
คู่แข่งในตลาด การแข่งขันในวงการการพิมพ์อาจเป็นอุปสรรคสำหรับการขยายธุรกิจ.
-
ความเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีการพิมพ์อาจทำให้คุณต้องปรับปรุงเครื่องจักรและการกระทำทางธุรกิจ.
-
ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง ความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลง ทำให้คุณต้องปรับเปลี่ยนการตลาดและการผลิตของคุณ.
การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้คุณมีภาพรวมเกี่ยวกับสิ่งที่ดีและที่ต้องปรับปรุงในธุรกิจการพิมพ์ของคุณ คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางแผนกลยุทธ์การพัฒนาและเติบโตของธุรกิจของคุณในอนาคต.
คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการพิมพ์ ที่ควรรู้
-
Offset Printing (การพิมพ์แบบออฟเซ็ต)
- การพิมพ์แบบที่ใช้แม่พิมพ์เป็นตัวกลาง โดยสิ่งที่จะพิมพ์ถูกถ่ายโอนจากแม่พิมพ์ไปยังสื่อพิมพ์เช่นกระดาษ ผ่านแผ่นรีบอฟเซ็ต.
-
CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, Key/Black)
- สีพื้นฐานที่ใช้ในการพิมพ์สี่สีหลัก ซึ่งประกอบด้วยซีอัน (Cyan), แม็กเจนต้า (Magenta), เหลือง (Yellow), และสีดำ (Key/Black) เพื่อผลิตสีต่าง ๆ ในการพิมพ์.
-
Resolution (ความละเอียด)
- จำนวนจุดต่อนิ้ว (Dots Per Inch – DPI) หรือพิกเซลต่อนิ้ว (Pixels Per Inch – PPI) ในรูปภาพ ซึ่งมีผลต่อคุณภาพของภาพที่พิมพ์.
-
Bleed (เสียบ)
- พื้นที่ที่เกินกว่าขอบของสื่อพิมพ์ที่ใช้ในการให้สีหรือรูปภาพขยายออกนอกขอบของสื่อ เพื่อป้องกันการตัดขอบสีหรือรูปภาพออกจากการพิมพ์.
-
Proof (การพิสูจน์)
- สำเนาตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของงานพิมพ์ก่อนการพิมพ์จริง เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงตามต้องการ.
-
Binding (การผูกเล่ม)
- กระบวนการผูกหนังสือหรือเอกสารที่พิมพ์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ผูกเล่มด้วยกระดาษหนังสือ, เครื่องมือผูกเล่ม, หรือสาย.
-
Layout (เค้าโครงหน้า)
- การจัดวางข้อมูลและสื่อในหน้าเอกสารหรือสื่อพิมพ์ เพื่อให้มีการจัดตำแหน่งและการแสดงผลที่เหมาะสม.
-
Proofreading (การตรวจอ่าน)
- กระบวนการตรวจสอบข้อความและสะกดถูกต้องในสื่อพิมพ์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดการพิมพ์.
-
Die-Cutting (การตัดลวดลาย)
- กระบวนการใช้แม่พิมพ์พิเศษเพื่อตัดหรือสร้างรูปลวดลายที่ไม่มีขอบกลมในสื่อพิมพ์.
-
Binding (การตัด)
- กระบวนการตัดสื่อพิมพ์ให้อยู่ในขนาดและรูปร่างที่ถูกต้องหลังจากการพิมพ์.
คำศัพท์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจการพิมพ์และควรรู้ในการทำงานในวงการนี้.
ธุรกิจ การพิมพ์ ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่
การจดทะเบียนธุรกิจการพิมพ์จะขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดในพื้นที่และประเทศที่คุณตั้งธุรกิจ ต่อไปนี้คือรายการที่อาจจำเป็นต้องจดทะเบียนเมื่อเริ่มต้นธุรกิจการพิมพ์
-
การจดทะเบียนธุรกิจ คุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจเป็นนิติบุคคลหรือธุรกิจร้านค้าตามกฎหมายของประเทศที่คุณตั้งธุรกิจ นี่เป็นขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใด ๆ.
-
ลงทะเบียนชื่อธุรกิจ คุณอาจต้องลงทะเบียนชื่อธุรกิจของคุณเพื่อให้คนอื่นสามารถรู้จักและค้นหาธุรกิจของคุณได้.
-
การออกใบอนุญาตหรือการอนุมัติพิเศษ บางกรณีอาจมีกฎหมายท้องถิ่นหรือกฎหมายระดับสถานที่ที่กำหนดให้ธุรกิจการพิมพ์จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติพิเศษหรือใบอนุญาตเพิ่มเติม เช่น ในกรณีที่คุณพิมพ์หนังสือหรือวารสาร.
-
ลงทะเบียนที่อยู่ธุรกิจ คุณจะต้องลงทะเบียนที่อยู่ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น ที่ตั้งของโรงงานการพิมพ์หรือสำนักงาน.
-
การลงทะเบียนและควบคุมการเสียภาษี คุณจะต้องลงทะเบียนในระบบภาษีของประเทศหรือรัฐที่คุณตั้งธุรกิจและปฏิบัติตามกฎหมายการเสียภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการพิมพ์.
-
การรับรองคุณภาพการพิมพ์ ในบางกรณี, คุณอาจต้องได้รับการรับรองคุณภาพการพิมพ์จากองค์กรหรือสมาคมการพิมพ์เพื่อแสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานในการพิมพ์ของคุณ.
-
การจดทะเบียนเครื่องจักรและอุปกรณ์ ถ้าคุณมีเครื่องจักรและอุปกรณ์สำคัญในธุรกิจการพิมพ์, คุณอาจต้องจดทะเบียนและประเมินค่าสินทรัพย์ของคุณตามกฎหมายท้องถิ่นหรือประเทศ.
-
การควบคุมลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร หากคุณผลิตงานพิมพ์ที่มีลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรเฉพาะ, คุณควรรักษาและควบคุมสิทธิให้ถูกต้องและปกป้อง.
-
การเลือกประเภทของธุรกิจ คุณควรจะต้องเลือกประเภทของธุรกิจการพิมพ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและทรัพยากรของคุณ เช่น การพิมพ์ดิจิทัล, การพิมพ์ออฟเซ็ต, หรือการพิมพ์สกรีน.
-
การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ คุณควรทราบและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการพิมพ์ในพื้นที่และประเทศของคุณ.
โปรดทราบว่าข้อกำหนดและการจดทะเบียนอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่และประเทศ คุณควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นหรือหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการจดทะเบียนธุรกิจการพิมพ์ของคุณ.
บริษัท ธุรกิจการพิมพ์ เสียภาษีอย่างไร
ภาษีที่ธุรกิจการพิมพ์อาจต้องเสียอาจแตกต่างกันไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศและพื้นที่ที่คุณทำธุรกิจ ต่อไปนี้คือภาษีที่บางธุรกิจการพิมพ์อาจต้องเสีย
-
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีขายและบริการ ในหลายประเทศ การพิมพ์สื่อต่าง ๆ เช่นหนังสือ, วารสาร, แผ่นพับ, และโปสเตอร์ถือเป็นการบริการและอาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีขายและบริการเมื่อขายให้กับลูกค้า.
-
ภาษีธุรกิจ (Business Tax) บางประเทศอาจเรียกภาษีธุรกิจว่าภาษีอื่น ๆ และบริษัทที่ทำธุรกิจการพิมพ์จะต้องเสียภาษีธุรกิจตามกฎหมายท้องถิ่น.
-
ภาษีเงินได้ (Income Tax) หากคุณมีกำไรจากธุรกิจการพิมพ์ของคุณ คุณอาจต้องเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายเกี่ยวกับรายได้จากธุรกิจ.
-
ภาษีสถานที่ (Property Tax) หากคุณครอบครองที่ดินหรืออาคารที่ใช้ในธุรกิจการพิมพ์ คุณอาจต้องเสียภาษีสถานที่ตามกฎหมายท้องถิ่น.
-
ภาษีสิทธิบัตร (Royalty Tax) หากคุณผลิตงานพิมพ์ที่มีลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร คุณอาจต้องเสียภาษีสิทธิบัตรเมื่อได้รับรายได้จากการให้สิทธิการใช้งานนั้น.
โปรดทราบว่าการเสียภาษีอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติมและการจัดการต่าง ๆ ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นและประเทศ คุณควรปรึกษากับที่ปรึกษาภาษีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีที่เป็นที่ใช้ในธุรกิจการพิมพ์ของคุณในพื้นที่และประเทศที่คุณดำเนินการ.
อ่านบทความทั้งหมด >>> รับทำบัญชี.com

บัญชีปริญญาตรี สาขาบัญชี มหาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักบัญชี ที่ชอบทำบทความ รักการทำบทความมากว่า 10 ปี
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
ปั๊มน้ำมัน กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !
โกดังเก็บของ บันทึกเป็นทรัพย์สินกี่ปี
การจัดทำงบการเงินมีผลต่อการวางแผนธุรกิจในอนาคตไหม
7 ขั้นตอน ปิดงบเปล่าด้วยตัวเอง ตัวอย่าง ฟรี
อู่ซ่อมเครื่องยนต์ กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !
รายได้ประชาชาติ มีกี่ประเภท สุทธิ
โรงงาน กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !
ลูกค้า ไม่ยอมรับ ใบกำกับภาษีขาย