ธุรกิจค้าปลีก

5 ประเภท ร้านค้า ขายปลีก องค์ประกอบ ภาษี

Click to rate this post!
[Total: 4 Average: 5]

ขายปลีก

บริษัท ปังปอน จำกัด ให้บริการ รับทำบัญชี ธุรกิจขายปลีก ครอบคลุมทุกจังหวัด เมื่อคุณมีปัญหา ขาดคนทำบัญชี ภาษี ปิดงบการเงิน ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับบัญชี ให้นึกถึงเรา เพราะเราเชี่ยวชาญและทำงานอย่างมืออาชีพ การันตีจากสรรพากร (ตัวแทนสรรพากร) และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สำนักงานบัญชีคุณภาพ) ปัจจุบันเปิดมาแล้วมากกว่า 20 ปี ติดต่อ โทร. 081-931-8341 (คุณจ๋า) 

  • ที่อยู่ : 47/103 หมู่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
  • Email : 9622104@gmail.com
  • Line Official Account : @e200
  • ราคา : เอกสารไม่เกิน 30 ชุด เริ่มต้น 4,000 บาท/เดือน

การค้าปลีกคืออะไร

ขายปลีก ค้าปลีก และผู้ขายปลีก คุณอาจเคยได้ยินคำศัพท์เหล่านี้มาก่อน แต่หมายความว่าอย่างไร

การค้าปลีกตามคำนิยามคือการขายสินค้าหรือบริการจากธุรกิจให้กับผู้บริโภคเพื่อใช้เอง ธุรกรรมการค้าปลีกจัดการสินค้าจำนวนน้อยในขณะที่การค้าส่งเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าในปริมาณมาก ธุรกรรมค้าปลีกไม่ควรสับสนกับธุรกรรมออนไลน์ สินค้าจะต้องขายจากจุดเดียวโดยตรงไปยังผู้บริโภคสำหรับผู้ใช้ปลายทาง

ร้านค้าปลีก

ผู้ค้าปลีกคือบุคคลหรือธุรกิจที่คุณซื้อสินค้า ผู้ค้าปลีกมักไม่ผลิตสินค้าของตนเอง พวกเขาซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้ค้าส่งและขายสินค้าเหล่านี้ให้กับผู้บริโภคในปริมาณเล็กน้อย

การค้าปลีกเป็นกระบวนการจัดจำหน่ายของผู้ค้าปลีกที่ได้รับสินค้าหรือบริการและขายให้กับลูกค้าเพื่อใช้งาน กระบวนการนี้อธิบายผ่านห่วงโซ่อุปทาน

กระบวนการค้าปลีก

ห่วงโซ่อุปทานเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทและซัพพลายเออร์เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังผู้ใช้ปลายทาง เป็นวิธีการส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค ผู้ค้าปลีกต้องเข้าใจห่วงโซ่อุปทานของตนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในราคาที่เหมาะสมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน อาจนำไปสู่การเพิ่มต้นทุนผลิตภัณฑ์หรือเวลาในการจัดส่ง

องค์ประกอบของการค้าปลีก

  1. ผู้ผลิตและผู้ค้าส่ง ผู้ผลิตผลิตสินค้าจากวัตถุดิบโดยใช้เครื่องจักรและแรงงาน เมื่อการผลิตเสร็จสิ้น ผู้ค้าส่งจะซื้อสินค้าและขายให้กับผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่งขายสินค้าจำนวนมากให้กับผู้ค้าปลีกในราคาต่ำ
  2. ผู้ค้าปลีก (หรือที่เรียกว่าผู้ค้า) ผู้ค้าปลีกซื้อสินค้าจากผู้ค้าส่งหรือโดยตรงจากผู้ผลิต จากนั้นพวกเขาจะขายสินค้าเหล่านั้นในปริมาณเล็กน้อยให้กับผู้ใช้ปลายทาง
  3. ผู้บริโภค (ผู้ใช้ปลายทาง) ซื้อสินค้าจากผู้ค้าปลีกในปริมาณเล็กน้อยเพื่อตอบสนองความต้องการ

ค้าปลีก

การขายปลีกมีหลายรูปทรงและขนาด แต่ละคนมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง รูปแบบการค้าปลีกรูปแบบหนึ่งอาจเหมาะสมกว่ารูปแบบอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ

5 ประเภทการค้าปลีก

  1. ผู้ค้าปลีกอิสระ: ผู้ค้าปลีกอิสระคือคนที่สร้างธุรกิจของตนตั้งแต่เริ่มต้น ปกติเจ้าของเป็นคนทำเองทั้งหมด แต่อาจมีคนช่วยหรือจ้างคนเพิ่ม
  2. ธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่: ธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่ตามชื่อที่แนะนำคือธุรกิจค้าปลีกที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยปกติแล้ว ใครบางคนจะสืบทอดหรือซื้อธุรกิจที่มีอยู่แล้วและรับช่วงต่อความเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบ
  3. แฟรนไชส์: แฟรนไชส์คือแผนธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงชื่อเครื่องหมายการค้า ชุดผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว และแนวคิดทางธุรกิจที่กำหนดไว้แล้ว หากผู้ค้าปลีกต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้องค์ประกอบทั้งหมดข้างต้น ข้อเสียในการซื้อสิทธิ์ในแฟรนไชส์คือโดยปกติแล้วจะมีกฎพื้นฐานและกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อรักษาสิทธิ์ในแฟรนไชส์ เช่นเดียวกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของแฟรนไชส์
  4. ตัวแทนจำหน่าย: ตัวแทนจำหน่ายเป็นลูกผสมระหว่างแฟรนไชส์และผู้ค้าปลีกอิสระ ผู้ค้าปลีกที่ทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายมีใบอนุญาตในการขายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่ง (โดยปกติจะมีหลายยี่ห้อ) ซึ่งแตกต่างจากแฟรนไชส์ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับผู้อนุญาต
  5. การตลาดแบบเครือข่าย: การตลาดแบบเครือข่ายหรือการตลาดแบบหลายระดับเป็นรูปแบบธุรกิจที่การขายผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับผู้คนในเครือข่าย ในแง่หนึ่ง คนๆ หนึ่งกำลังขายสินค้า แต่ในขณะเดียวกัน พนักงานขายคนอื่นๆ ก็ได้รับคัดเลือกให้ขายสินค้าเดียวกัน

ตัวอย่าง ร้านค้าปลีก 

จะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกในประเทศไทยมีหลายแบบมากที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งร้านค้าปลีกแต่ละประเภทก็จะให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แตกต่างกัน

  1. ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Grocery Store)

ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Grocery Store) เป็นร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ที่ดูแลทุกอย่างภายในร้านเองคนเดียว ใช้พื้นที่น้อย ๆ ในบริเวณชั้น 1 ของหน้าบ้าน หรือตึกแถว 1 คูหา มักจะขายของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้คนในชุมชนหรือคนในหมู่บ้านด้วยกันเอง คนมักจะเรียกว่า ร้านโชห่วยหรือ ร้านขายของชำ

ซึ่งร้านประเภทนี้จะไม่ค่อยมีเทคโนโลยีอะไรมากนัก การจัดการบัญชีต่าง ๆ ก็จะเป็นระบบเก่าและจัดการด้วยตนเองซะมากกว่า เพราะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนั่นเอง

ตัวอย่างร้านค้าปลีกขนาดเล็ก

  • แบบร้านขายของชำ
  • ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
  • ร้านขายของชำ
  1. ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง (Specialty Store)

Specialty Store เป็นร้านค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าเฉพาะอย่าง ที่จะเน้นสินค้าไปที่ประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น ร้านขายเครื่องสำอาง, ร้านหนังสือ, ร้านเพ็ทช็อป, ร้านขายยา ฯลฯ 

ซึ่งร้านค้าปลีกประเภทนี้สามารถพัฒนารูปแบบให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้ โดยเพิ่ม ระบบ POS เข้าไป หรือเพิ่มช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 

ตัวอย่างร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง

  • ร้านเครื่องสำอาง ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง
  • ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง by แบบร้านค้า BIGBEST

ขายปลีก

  1. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) 

ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ร้านประเภทนี้ถูกพัฒนาให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เพราะมีระบบต่าง ๆ ทุกอย่างเข้ามาซัพพอร์ต เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เน้นสนองความต้องการแบบเร่งด่วนแก่ลูกค้า มีสินค้าที่หลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร, เครื่องดื่ม, ของใช้ในชีวิตประจำวัน ร้านค้าปลีกประเภทนี้ก็อย่างเช่น ร้านมินิมาร์ททั่วไป, 7-Eleven , Family mart, 108 Shop

ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อ

  • 7 Eleven Convenience Store
  • ร้านสะดวกซื้อ Pic by 7-Eleven Australia
  1. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket)

ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) เป็นร้านที่เน้นขายสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน จะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จุดเด่นของร้านค้าปลีก ประเภทนี้คือ อาหารสด, ผักสด, เนื้อสัตว์, อาหารทะเลต่าง ๆ 

ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีกำไรต่ำ แต่เน้นขายในปริมาณที่เยอะ มักจะอยู่ใกล้เคียงกับละแวกบ้าน หรืออาจจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่ปัจจุบันก็ได้มีการแยกตัวเปิดเป็นอิสระหลายร้านอยู่เหมือนกัน เช่น Tops Markets, Villa Market, Foodland

ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต

  • Tops Market Supermarket
  • ฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
  • ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต Pic by tops.co.th, thestandard.co

  1. ห้างสรรพสินค้า (Department Store)

ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เป็นร้านค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่มาก มีรวมรวมสินค้าและบริการทุกอย่างไว้ในนี้แบบครบวงจร ซึ่งแบ่งทุกอย่างไว้เป็นโซนอย่างชัดเจน เป็นแหล่งรวมความสนุกสนานเพลิดเพลินชั้นยอดเยี่ยมในการช้อปปิ้งไว้ที่นี่ 

สิ่งที่มีในห้างสรรพสินค้าก็จะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ แบรนด์หรู, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, คลินิกเสริมความงาม, บริการเกี่ยวกับโทรศัพท์และอุปกรณ์ไอที, โรงหนัง, ฟู้ดคอร์ด, ร้านอาหารแบรนด์ดัง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน, เครื่องเล่นต่าง ๆ 

ตัวอย่างเช่น 

  • สยามพารากอน (Siam Paragon)
  • เซ็นทรัล (Central)
  • เดอะมอลล์ (The Mall)
  • โรบินสัน (Robinson)
  • เอ็มควอเทียร์ (EmQuartier)
  • ไอคอนสยาม (ICONSIAM) 
  1. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket)

ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket) หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต มักจะขายสินค้าที่หลากหลายในราคาที่ประหยัด เน้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปทีละเยอะ ๆ เพื่อให้มียอดขายสินค้าในปริมาณที่สูง เน้นสินค้าและบริการที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้หรูหราเท่าแบรนด์ต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า

ส่วนลักษณะก็จะเหมือนการรวมซูเปอร์มาร์เก็ตกับห้างสรรพสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน มีความบันเทิงสนุกสนานให้เป็นโซนไว้ นอกจากนี้ก็จะยังมีสินค้าในครัวเรือน สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปไว้ด้วยเช่นกัน เช่น Tesco Lotus, Big-C, Makro  อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ : Hypermarket คืออะไร? พร้อมรู้จัก 2 เจ้าใหญ่ที่ครองตลาด

ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต

  • Big C ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ตบิ๊กซี by bigc.co.th
  • Lotus’s ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ตโลตัส by corporate.lotuss
  1. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Category Killer)

ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Category Killer) อันนี้จะคล้าย ๆ กับข้อ 2 ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง (Specialty Store) คือจะมีความจำเพาะเจาะจงในการขายสินค้า เน้นสินค้าเป็นประเภทนั้น ๆ ไปเลย แต่ร้านประเภทนี้จะมีความใหญ่มากกว่า Specialty Store ซึ่งใหญ่ขนาดที่ว่าก็คือ Category Killer เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมสินค้าประเภทนั้น ๆ ไว้โดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าของร้านค้าปลีกประเภทนี้ก็จะเป็น ร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่

ซึ่งพอเป็นขนาดใหญ่ก็จะมีสินค้าที่หลากหลายและครบครันตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า อาจมีส่วนลดในสินค้าบางอย่าง รวมถึงมีบริการหลังการขาย ตัวอย่างเช่น พาวเวอร์บาย (Power Buy), โฮมโปร (Home Pro), Index Living Mall

ตัวอย่างร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม

  • ร้านเฟอร์นิเจอร์ Index living mall
  • Pic by indexlivingmall
  • ร้านห้าแยกกรุ๊ป ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม
  • ร้านฮาร์ดแวร์คิง ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม
  • ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ by PN Steel

ค้าปลีกโดยเฉพาะ

เราจะเห็นร้านค้าปลีกประเภท Category Killer จะเป็นร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้านซะส่วนใหญ่ แต่ยังมีร้านแบบขายสินค้าเฉพาะกลุ่มอีกหลายประเภทที่ยังไม่ได้ขยายสาขาเยอะจนเป็นที่นิยมก็อย่างเช่น ร้าน Pet Shop ถ้าร้านประเภทนี้ สามารถขยายสาขาไปทั่วประเทศจนมีชื่อเสียงได้ อาจจะทำให้รายได้มากและเป็นเจ้าที่ครองตลาดได้เลยทีเดียว 

แต่ก็เห็นอยู่บ้างนะคะ กับร้านที่นำ Pet Shop มาเปิดในห้างอย่างเช่น Pet Lovers Centre ของประเทศสิงคโปร์ ที่มาเปิดสาขาในไทย เน้นเป็นสาขาในห้างสรรพสินค้าอย่างในเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ซึ่งคนเขียนว่ามีถ้าเจ้าของที่เป็นคนไทยสามารถทำได้ น่าจะสร้างยอดขายได้มากทีเดียวนะคะ

เครดิต : erply.com/ pnstoretailer.com/

รับทำบัญชี ขายปลีก
รับทำบัญชี ขายปลีก

ข้อมูล : รับทําบัญชีอิสระ

Leave a Comment

Scroll to Top