รับทำบัญชี.COM | การศึกษาสิ่งพิพม์การปรับตัวธุรกิจในอดีต?

Click to rate this post!
[Total: 35 Average: 5]

แผนธุรกิจการศึกษา

การเริ่มต้นธุรกิจการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนและการเตรียมความพร้อมที่สำคัญเพื่อให้ธุรกิจของคุณเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ ต่อไปนี้คือขั้นตอนเบื้องต้นในการเริ่มต้นธุรกิจการศึกษา

  1. วางแผนธุรกิจ
    • กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจการศึกษาของคุณ.
    • ทำการวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย.
    • สร้างแผนธุรกิจที่รวมถึงโครงสร้างหน่วยงาน, การจัดการ, การตลาด, และการเงิน.
  2. การสร้างหน่วยงาน
    • จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจการศึกษาของคุณ เช่น สำนักงานหรือสถานที่เรียน.
    • สร้างทีมงานที่มีความรู้และทักษะในงานการศึกษา.
    • จัดเตรียมเอกสารและกระบวนการที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ.
  3. การตลาดและการโฆษณา
    • สร้างแผนการตลาดเพื่อเตรียมการตลาดธุรกิจของคุณ.
    • ใช้สื่อสังคมและโฆษณาออนไลน์เพื่อเพิ่มการรับรู้และโปรโมตคอร์สการศึกษาของคุณ.
    • ติดต่อกับโรงเรียน, สถาบันการศึกษา, และผู้ปกครองเพื่อสร้างความสัมพันธ์และรับนักเรียน.
  4. การจัดการการเงิน
    • กำหนดงบประมาณและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ.
    • จัดการบัญชีและการเงินของธุรกิจอย่างเป็นระบบ.
    • พิจารณาเรื่องการกู้ยืมเงินหรือแหล่งทุนเพิ่มเติมหากจำเป็น.
  5. การปฏิบัติตามกฎหมาย
    • ตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการศึกษาในพื้นที่และประเทศของคุณ.
    • จดทะเบียนธุรกิจและได้รับอนุญาตตามที่จำเป็น.
  6. การเริ่มต้นการสอนและการเรียน
    • พัฒนาหลักสูตรการศึกษาและวัสดุการสอน.
    • จัดคอร์สการศึกษาและตั้งราคาสมเหตุสมผล.
    • เตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์การเรียนการสอน.
  7. การติดตามและประเมิน
    • สร้างระบบการติดตามความสำเร็จของการเรียนการสอนและการศึกษา.
    • ฟังข้อเสนอแนะจากนักเรียนและผู้ปกครองและปรับปรุงคอร์สการศึกษาตามความต้องการ.
  8. การขยายธุรกิจ
    • พิจารณาการขยายธุรกิจการศึกษาของคุณเพื่อเพิ่มรายได้ โดยเพิ่มคอร์สอื่น ๆ หรือเปิดสาขาใหม่.
  9. การสร้างความสัมพันธ์
    • สร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายกับครอบครัว, นักเรียน, ผู้ปกครอง, และชุมชนในสิ่งที่คุณทำ.
  10. การเรียนรู้ตลอดเวลา ธุรกิจการศึกษาคือการเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อที่จะปรับตัวและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจของคุณเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของผู้เรียน.

การเริ่มต้นธุรกิจการศึกษาอาจต้องใช้เวลาและความพยายามมาก แต่หากคุณทำความรู้จักกับตลาดและมีคอร์สที่มีคุณภาพ และบริการที่ดี ๆ คุณมีโอกาสที่จะสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนในอนาคต.

ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจการศึกษา

นี่คือตัวอย่างรายการรายรับและรายจ่ายของธุรกิจการศึกษาในรูปแบบของ comparison table

รายการ รายรับ (บาท) รายจ่าย (บาท)
รายรับหลัก
– ค่าเรียน 500,000
– ค่าลงทะเบียน 50,000
– ค่าหนังสือและสื่อการเรียน 20,000
รายรับรอง
– ค่าให้บริการเสริม 50,000
– การสอนเสริม 30,000
รายรับอื่น ๆ
– การจัดอบรมและสัมมนา 10,000
รวมรายรับ 610,000
รายจ่ายหลัก
– ค่าเช่าสถานที่ 60,000
– ค่าจ้างครูและบุคลากร 250,000
– ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ 100,000
รายจ่ายอื่น ๆ
– ค่าโฆษณาและการตลาด 20,000
– ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาคอร์ส 30,000
รวมรายจ่าย 460,000
กำไรสุทธิ 150,000

โปรดจำไว้ว่าตารางเป็นแค่ตัวอย่างและค่าในตารางขึ้นอยู่กับขนาดและขอบเขตของธุรกิจการศึกษาของคุณ คุณควรปรับแต่งรายการรายรับและรายจ่ายเพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ของธุรกิจของคุณในความเป็นจริง. การตรวจสอบและประเมินรายการรายรับและรายจ่ายเป็นประจำเพื่อให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจของคุณในแต่ละเดือนหรือไตรมาสได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างกำไรสุทธิ.

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการศึกษา

ธุรกิจการศึกษามีความเกี่ยวข้องกับหลายอาชีพและกลุ่มงานที่ร่วมกันในการให้บริการการศึกษาและการเรียนรู้แก่ผู้เรียน อาชีพและกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการศึกษาได้แก่

  1. ครูและอาจารย์ ครูและอาจารย์เป็นคนที่ให้ความรู้และการสอนในโรงเรียน, มหาวิทยาลัย, หรือสถาบันการศึกษาอื่น ๆ และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจการศึกษาเพื่อให้บริการคอร์สการศึกษาแก่นักเรียน.
  2. นักเรียนและนักศึกษา นักเรียนและนักศึกษาเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจการศึกษา ซึ่งมุ่งหวังในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการศึกษา.
  3. ผู้ปกครอง ผู้ปกครองเป็นกลุ่มผู้มีส่วนร่วมในการเลือกหาคอร์สการศึกษาสำหรับลูกน้อย และบางครั้งอาจกลายเป็นผู้เรียนด้วย.
  4. นักเรียนผู้ใหญ่ นักเรียนผู้ใหญ่ที่ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมหรือการศึกษาตลอดชีวิตอาจมีความสนใจในคอร์สการศึกษาที่เฉพาะเจาะจง.
  5. ผู้จัดงานอบรมและสัมมนา ธุรกิจการศึกษาอาจมีการจัดงานอบรมและสัมมนาสำหรับบุคคลที่ต้องการพัฒนาทักษะและความรู้ในสาขาต่าง ๆ.
  6. นักเขียนและนักออกแบบ นักเขียนและนักออกแบบสร้างเนื้อหาการเรียนการสอนและสื่อการเรียนรู้ในธุรกิจการศึกษา.
  7. นักวิจัยการศึกษา นักวิจัยการศึกษาทำงานในการวิจัยและพัฒนาวิธีการสอนและหลักสูตรการศึกษาใหม่ ๆ.
  8. นักเทคโนโลยี นักเทคโนโลยีทำหน้าที่พัฒนาและบำรุงระบบเทคโนโลยีที่ใช้ในการเรียนการสอนออนไลน์และระบบการจัดการข้อมูล.
  9. ผู้บริหารและผู้จัดการ ผู้บริหารและผู้จัดการคอordinates การดำเนินงานของธุรกิจการศึกษาทั้งหมดและรับผิดชอบในการวางแผนและการบริหารจัดการ.
  10. นักบริหารการเรียนรู้และการพัฒนา นักบริหารการเรียนรู้และการพัฒนาพัฒนาหลักสูตรการศึกษาและการเรียนการสอนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ.
  11. นักตลาดและการโฆษณา นักตลาดและการโฆษณาเป็นคนที่ช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาดและโปรโมตคอร์สการศึกษา.
  12. นักบันเทิง นักบันเทิงอาจเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และความสนุกสนานในการเรียนรู้ผ่านสื่อสารสังคมหรือโปรแกรมสื่อสารสังคม.

ธุรกิจการศึกษาเปิดโอกาสอาชีพและหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการเรียนรู้ และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพในการศึกษาในทุกช่วงวัยและระดับการศึกษา.

วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจการศึกษา

การวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) สำหรับธุรกิจการศึกษาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงแผนกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจของคุณ ดังนั้น ข้าพเจ้าจะให้ตัวอย่าง SWOT analysis สำหรับธุรกิจการศึกษาต่อไปนี้

Strengths (จุดแข็ง)

  1. ความรู้และทักษะ มีอาจารย์และบุคลากรที่มีความรู้และทักษะที่แข็งแกร่งในการสอนและการออกแบบหลักสูตรการศึกษา.
  2. คุณภาพการสอน มีคุณภาพของการสอนและการเรียนการสอนที่สูงมาก โดยมีผลสอบและผู้สำเร็จการศึกษาที่ดี.
  3. คอร์สการศึกษาหลากหลาย มีการเสนอคอร์สการศึกษาหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนที่แตกต่างกัน.
  4. สถานที่ที่เหมาะสม มีสถานที่การเรียนการสอนที่เหมาะสมและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย.
  5. ความเชื่อมโยงกับชุมชน มีความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับชุมชนและองค์กรภาคเอกชน.

Weaknesses (จุดอ่อน)

  1. ค่าใช้จ่ายสูง ค่าใช้จ่ายสำหรับคอร์สการศึกษาสูงมาก ซึ่งอาจทำให้นักเรียนบางคนไม่สามารถเข้าร่วมได้.
  2. การสร้างความรู้สึกขาดความสนใจ บางครั้งนักเรียนอาจไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียนหรือไม่มีความสนใจในหลักสูตรที่มีอยู่.
  3. การแข่งขัน มีการแข่งขันระดับสูงในวงการการศึกษา ทำให้ต้องใช้เวลาและงานเพิ่มเติมในการแข่งขัน.
  4. ข้อจำกัดในทรัพยากร ข้อจำกัดในทรัพยากรทั้งในเรื่องของบุคลากรและงบประมาณ.

Opportunities (โอกาส)

  1. ความเพิ่มขึ้นในความต้องการของการศึกษา ความเข้มงวดในการพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ธุรกิจการศึกษาขยายตลาด.
  2. การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เพิ่มขึ้น ที่สามารถเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้และการเข้าถึงตลาดกว้างขึ้น.
  3. ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงในความต้องการของตลาดสามารถสร้างโอกาสให้สร้างคอร์สการศึกษาใหม่ ๆ หรือเพิ่มข้อจำหน่าย.

Threats (ภัยคุกคาม)

  1. การเปลี่ยนแปลงในนโยบายรัฐ การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการศึกษาหรือการลดงบประมาณสามารถมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ.
  2. การแข่งขันรุนแรง การแข่งขันในวงการการศึกษาอาจสร้างความกดดันในเรื่องของราคาและคุณภาพ.
  3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและแนวโน้มในการเรียนรู้ออนไลน์อาจมีผลกระทบต่อวิธีการสอนแบบดั้งเดิม.
  4. การสูญเสียชื่อเสียง การสูญเสียชื่อเสียงหรือปัญหาทางกฎหมายสามารถเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจการศึกษา.

การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้ธุรกิจการศึกษาสามารถกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาและการจัดการในระดับกว้างและในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ. คุณสามารถใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ SWOT เพื่อกำหนดเป้าหมายการเติบโตและการดำเนินการเพื่อให้ธุรกิจการศึกษาของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต.

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการศึกษา ที่ควรรู้

  1. หลักสูตร (Curriculum) ชุดของรายวิชาและกิจกรรมการเรียนการสอนที่ถูกออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การศึกษาของนักเรียน.
  2. การเรียนรู้ออนไลน์ (E-Learning) กระบวนการการเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในการสอนและการเรียน เช่น การคอร์สออนไลน์หรือการเรียนผ่านแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์.
  3. การสอนเสริม (Tutoring) การให้ความช่วยเหลือและการสอนบุคคลเดียวหรือกลุ่มเล็กเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น.
  4. สถาบันการศึกษา (Institution of Education) องค์กรหรือสถานที่ที่ให้บริการการศึกษา เช่น โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, หรือสถาบันการศึกษาอื่น ๆ.
  5. ครู/อาจารย์ (Teacher/Instructor) บุคคลที่มีความรู้และทักษะในการสอนและให้คำแนะนำในกระบวนการการเรียนรู้.
  6. การทดสอบและประเมิน (Testing and Assessment) กระบวนการในการวัดความรู้และประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงการใช้ทฤษฎีและเครื่องมือในการประเมินผล.
  7. การอนุรักษ์ความรู้ (Knowledge Preservation) กระบวนการการบันทึกและการรักษาความรู้และข้อมูลที่สำคัญในธุรกิจการศึกษา.
  8. ค่าเทอม (Tuition Fee) จำนวนเงินที่นักเรียนหรือผู้ปกครองต้องชำระในการเข้าร่วมหรือลงทะเบียนในคอร์สการศึกษา.
  9. การสนับสนุนการเรียนรู้ (Learning Support) บริการหรือทรัพยากรที่ช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ เช่น ห้องสมุด, การให้คำปรึกษา, หรือบริการการเรียนรู้เสริม.
  10. การสนับสนุนนักเรียนพิเศษ (Special Needs Support) บริการที่ให้แก่นักเรียนที่มีความจำเป็นพิเศษ เช่น นักเรียนพิการหรือนักเรียนที่ต้องการการดูแลเพิ่มเติมในการเรียนรู้.

คำศัพท์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจการศึกษาและมีผลต่อกระบวนการการเรียนรู้และการบริหารจัดการในสถาบันการศึกษาทั้งหลาย.

ธุรกิจ การศึกษา ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่

ธุรกิจการศึกษามีความหลากหลายและขึ้นอยู่กับกฎหมายและระเบียบในแต่ละประเทศ ดังนั้นคุณควรปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบกฎหมายของประเทศของคุณเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจดทะเบียนที่จำเป็นสำหรับธุรกิจการศึกษาของคุณ.

แต่ในทางทั่วไป มีรายการหลักที่บางส่วนที่อาจจะต้องจดทะเบียนหรือรับอนุญาตสำหรับธุรกิจการศึกษา อย่างไรก็ตามความต้องการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามประเทศและรัฐที่คุณตั้งธุรกิจของคุณ รายการอาจรวมถึง

  1. การจดทะเบียนธุรกิจ (Business Registration) คุณอาจต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านธุรกิจในประเทศของคุณ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development) หรือหน่วยงานที่คล้ายคลึง.
  2. การรับอนุญาตการเปิดสถาบันการศึกษา (Educational Institution License) หากคุณต้องการเปิดสถาบันการศึกษาที่เป็นสาธารณะหรือมีความสัมพันธ์กับระบบการศึกษาของรัฐ คุณอาจต้องรับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education) หรือหน่วยงานในระดับท้องถิ่น.
  3. การจดทะเบียนทางภาษี (Tax Registration) คุณอาจต้องจดทะเบียนเพื่อชำระภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเจ้าของกิจการ.
  4. การรับอนุญาตการเปิดสถาบันการศึกษาส่วนตัว (Private Educational Institution License) หากคุณเปิดสถาบันการศึกษาส่วนตัว เช่น โรงเรียนส่วนตัว คอร์สการศึกษาเสริม หรือโรงเรียนสอนภาษา คุณอาจต้องรับอนุญาตการเปิดสถาบันการศึกษาส่วนตัวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.
  5. การปฏิบัติตามกฎหมายความเสมอภาค (Equal Opportunity Compliance) หากคุณมีสถาบันการศึกษาและให้บริการแก่กลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ผู้พิการ คุณอาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายความเสมอภาคที่เกี่ยวข้อง.
  6. การปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย (Safety Compliance) หากคุณมีสถาบันการศึกษาและให้บริการแก่เด็ก คุณอาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็ก.
  7. การสมัครสมาชิกสภาอาจารย์ (Faculty Association Membership) ในบางกรณี คุณอาจต้องสมัครเป็นสมาชิกสภาอาจารย์หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับครู/อาจารย์.
  8. การอนุมัติหลักสูตรการศึกษา (Course Approval) หากคุณเปิดคอร์สการศึกษาแบบเฉพาะบุคคล คุณอาจต้องขออนุมัติหรือการรับรองคอร์สการศึกษาจากหน่วยงานการศึกษา.
  9. การอนุญาตการให้บริการออนไลน์ (Online Education Licensing) หากคุณให้บริการการศึกษาออนไลน์ คุณอาจต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ.
  10. การสนับสนุนการศึกษาจากรัฐ (Government Grants) คุณอาจต้องสนับสนุนเรื่องการจัดการธุรกิจการศึกษาโดยรับทุนหรือการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการขอทุนหรือการสนับสนุนอื่น ๆ.

ควรระวังและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและที่รับผิดชอบในประเทศของคุณเพื่อความชัดเจนและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องในการเริ่มต้นธุรกิจการศึกษาของคุณ.

บริษัท ธุรกิจการศึกษา เสียภาษีอย่างไร

ภาษีที่ธุรกิจการศึกษาอาจต้องเสียรวมถึง

  1. ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) หากเป็นธุรกิจการศึกษาที่เป็นรูปแบบของบุคคลธรรมดา รายได้ที่คุณได้รับจากธุรกิจนั้นอาจต้องเป็นสิ่งที่ต้องนำมาประกอบการคำนวณภาษีรายได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายภาษีของประเทศที่คุณดำเนินธุรกิจ.
  2. ภาษีเจ้าของกิจการ (Business Owner’s Tax) ในบางที่ คุณอาจต้องเสียภาษีเจ้าของกิจการตามรายได้หรือรูปแบบการกำไรของธุรกิจ.
  3. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) หากธุรกิจการศึกษาเป็นนิติบุคคล คุณอาจต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายภาษีของประเทศที่คุณดำเนินธุรกิจ.
  4. ภาษีเพิ่มมูลค่า (Value Added Tax, VAT) การให้บริการการศึกษาอาจต้องเสียภาษีเพิ่มมูลค่าถ้ารัฐบาลของประเทศของคุณกำหนดให้บริการดังกล่าวต้องเสียภาษี.
  5. ภาษีสถานที่ (Property Tax) หากคุณเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับการศึกษา เช่น โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา คุณอาจต้องเสียภาษีสถานที่ตามกฎหมายท้องถิ่น.
  6. ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) ภาษีสรรพสามิตอาจถูกเรียกเก็บตามสินค้าหรือบริการเฉพาะที่รัฐบาลกำหนด หากเธอิดไปสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต คุณจะต้องเสียในกรณีที่แนะนำ.

โปรดทราบว่ารายละเอียดเกี่ยวกับภาษีอาจมีความแตกต่างตามกฎหมายและระเบียบในแต่ละประเทศ และอย่างไรก็ตาม ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางภาษีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศของคุณเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาษีที่ต้องเสียสำหรับธุรกิจการศึกษาของคุณ.

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )