หลักการบัญชีคู่ เพื่อหาผลกำไรขาดทุน

หลักการบัญชีคู่หากำไรขาดทุนบัญชีร่วมค้าเพื่อ 9 ผลกำไรขาดทุน?

หลักการบัญชีคู่ เพื่อหาผลกำไรขาดทุน

หลักการบัญชีคู่ (Double-Entry Accounting) เป็นหลักการที่ใช้ในการบันทึกธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกในบัญชีสองฝั่ง ได้แก่ ฝั่งเดบิต (Debits) และฝั่งเครดิต (Credits) โดยรวมทั้งสองฝั่งจะต้องมีค่าเท่ากันเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีมีความสมดุล (Balanced). หลักการนี้สามารถใช้ในการหาผลกำไรขาดทุนได้ดังนี้

การหาผลกำไรขาดทุนตามหลักการบัญชีคู่

  1. การบันทึกรายได้และรายจ่าย

    • รายได้ บันทึกเป็นเครดิตในบัญชีรายได้
    • รายจ่าย บันทึกเป็นเดบิตในบัญชีรายจ่าย
  2. การบันทึกทรัพย์สินและหนี้สิน

    • ทรัพย์สิน บันทึกเป็นเดบิตในบัญชีทรัพย์สิน
    • หนี้สิน บันทึกเป็นเครดิตในบัญชีหนี้สิน
  3. การบันทึกส่วนของผู้ถือหุ้น

    • เงินลงทุนของผู้ถือหุ้น บันทึกเป็นเครดิตในบัญชีทุน
    • การเบิกถอนเงินจากผู้ถือหุ้น บันทึกเป็นเดบิตในบัญชีทุน
  4. การสรุปผลประกอบการ

    • เมื่อสิ้นงวดบัญชี (เช่น สิ้นเดือน สิ้นไตรมาส หรือสิ้นปี) ทำการปิดบัญชีรายได้และรายจ่ายเพื่อนำไปหาผลกำไรหรือขาดทุนสุทธิ
    • กำไรสุทธิ เมื่อรายได้มากกว่ารายจ่าย บันทึกเป็นเดบิตในบัญชีรายจ่าย และเครดิตในบัญชีกำไรขาดทุนสะสม
    • ขาดทุนสุทธิ เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายได้ บันทึกเป็นเครดิตในบัญชีรายได้ และเดบิตในบัญชีกำไรขาดทุนสะสม

ตัวอย่างการบันทึกบัญชี

สมมติว่าในงวดบัญชีหนึ่งบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 100,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 70,000 บาท

  1. บันทึกรายได้

    • เดบิต เงินสด/ธนาคาร 100,000 บาท
    • เครดิต รายได้จากการขาย 100,000 บาท
  2. บันทึกค่าใช้จ่าย

    • เดบิต ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 70,000 บาท
    • เครดิต เงินสด/ธนาคาร 70,000 บาท
  3. สรุปผลประกอบการ

    • กำไรสุทธิ = 100,000 – 70,000 = 30,000 บาท
    • บันทึกการปิดบัญชี
      • เดบิต รายได้จากการขาย 100,000 บาท
      • เครดิต ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 70,000 บาท
      • เครดิต กำไรขาดทุนสะสม 30,000 บาท

การใช้หลักการบัญชีคู่นี้ทำให้การบันทึกบัญชีมีความชัดเจนและโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ง่าย และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดูผลกำไรขาดทุนของกิจการได้อย่างแม่นยำ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นักบัญชี บัญชีแยกประเภทโดยทั่วไป มีลักษณะแบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งสำหรับจดบันทึกรายการค้าที่เพิ่มขึ้นและอีกด้านหนึ่งสำหรับจดบันทึกรายการค้าที่ลดลง ทางด้านซ้ายมือของบัญชีแยกประเภท เรียกว่า ด้านเดบิต ตัวย่อ Dr ทางด้านขวามือของบัญชีแยกประเภท เรียกว่า ด้านเครดิต ตัวย่อ Cr เดบิต จะใช้อักษรย่อ “Dr” หมายถึง จำนวนเงินที่แสดงทางด้านซ้ายของบัญชี การลงรายการทางด้านซ้ายของบัญชี หรือการผ่านบัญชีอันกระทำให้สินทรัพย์ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การลงรายการทางด้านซ้ายของบัญชี หรือการผ่านบัญชีอันกระทำให้หนี้สิน รายการเงินทุน หรือรายได้ลดลง เครดิต จะใช้อักษรย่อ “Cr” หมายถึง จำนวนเงินที่แสดงทางด้านขวาของบัญชี การลงรายการทางด้านขวาของบัญชี หรือการผ่านบัญชีอันกระทำให้สินทรัพย์ หรือค่าใช้จ่ายลดลง การลงรายการทางด้านขวาของบัญชี หรือการผ่านบัญชีอันกระทำให้หนี้สิน รายการเงินทุน หรือรายได้เพิ่มขึ้น จากความหมายในตอนต้นจะเห็นได้ว่า เดบิตจะใช้บันทึกรายการพร้อมกับจำนวนเงินทางด้านซ้ายของบัญชี ในการบันทึกรายการจะมีผลทำให้บัญชีสินทรัพย์หรือบัญชีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนบัญชีหนี้สิน ทุน หรือบัญชีรายได้จะลดลง สำหรับเครดิตจะใช้บันทึกรายการพร้อมกับจำนวนเงินทางด้านขวาของบัญชี ในการบันทึกรายการจะมีผลทำให้บัญชีหนี้สิน ทุน หรือบัญชีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนบัญชีสินทรัพย์ หรือบัญชีค่าใช้จ่ายจะลดลง การบันทึกรายการค้าในสมุดบัญชี คือ การจดเรื่องราวเกี่ยวกับรายจ่าย หรือสิ่งของที่ตีมูลค่าเป็นจำนวนเงินลงในรูปแบบบัญชีที่กำหนด จะได้ผลจากการดำเนินงานไปสรุปผลในวันสิ้นงวดบัญชี เพื่อหาผลกำไรขาดทุน ดังนั้น การวิเคราะห์รายการค้ารายการหนึ่งๆ จะต้องทำการบันทึกบัญชีทางด้านเดบิตบัญชีหนึ่งและทางด้านเครดิตอีกบัญชีหนึ่งในจำนวนเป็นที่เท่ากัน ซึ่งหลักการบันทึกในลักษณะนี้เราเรียกว่า “หลักการบัญชีคู่” พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
หลักการบัญชีคู่ เพื่อหาผลกำไรขาดทุน

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาวเพื่อให้คะแนน!

เฉลี่ยได้กี่คะแนน 5 / 5. จำนวนโหวต: 1

ยังไม่มีคะแนนโหวต! เป็นคนแรกที่ให้คะแนนโพสต์นี้

จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 323: 102