บันทึกบัญชีอัตราแลกเปลี่ยนตัวอย่าง 9 รายได้ส่งออกแบบลอยตัว?

การบันทึกบัญชี ใช้อัตราแลกเปลี่ยน

ปัจจุบัน, อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราสกุลต่างๆ ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (floating exchange rate) ซึ่งหมายถึงการที่อัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสมมติฐานของตลาด ระบบนี้มีลักษณะที่ไม่มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอนจากหน่วยงานรัฐบาล

ระบบอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมี 4 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่

  1. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Floating Exchange Rate System)
    • ในระบบนี้, อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับการตลาดและการซื้อขายของนักลงทุน รัฐบาลไม่มีการกำหนดหรือควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนตราสกุล ประเทศที่ใช้ระบบนี้จะมีอัตราแลกเปลี่ยนที่แปรปรวนตลอดเวลา
  2. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ (Fixed Exchange Rate System)
    • ในระบบนี้, รัฐบาลหรือธนาคารกลางจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนและรักษาให้อยู่ในระดับนั้นๆ โดยการซื้อขายหรือเปลี่ยนเงินตราเพื่อรักษาอัตรานั้น
  3. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบร่วม (Pegged Exchange Rate System)
    • ระบบนี้คือรูปแบบร่วมระหว่างระบบคงที่และระบบลอยตัว ประเทศอาจจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่ตั้งไว้ แต่อนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนในขอบเขตบางๆ
  4. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบผสม (Managed Float Exchange Rate System)
    • ระบบนี้เป็นรูปแบบที่รัฐบาลหรือธนาคารกลางมีบางระยะหรือบางวิธีการแทรกแซงในตลาดเพื่อปรับมุมมองของตลาดและบรรเทาผลกระทบบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแปลงแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้, การเลือกใช้ระบบแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับนโยบายและวัตถุประสงค์ของแต่ละประเทศ

ความหมาย อัตราแลกเปลี่ยน

  1. อัตราแลกเปลี่ยนทันที (Spot Rate)
    • คำจำกัดความ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการส่งมอบทันที
    • ความหมายเพิ่มเติม นี้คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการทำธุรกรรมทันทีหรือในระหว่างวันทำธุรกรรม
  2. อัตราซื้อขายล่วงหน้า (Forward Rate)
    • คำจำกัดความ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อการล่วงหน้า เพื่อใช้แปลงค่าในการส่งมอบ/รับมอบเงินตราต่างประเทศในอนาคต
  3. อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย (Average Exchange Rate)
    • คำจำกัดความ หมายถึง อัตราถัวเฉลี่ยของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันหรือในระหว่างวัน
    • ความหมายเพิ่มเติม อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยนี้คือค่าเฉลี่ยของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในระหว่างรอบวันหรือระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ
  4. อัตราซื้อ (Buying Rate / Bid Rate) และ อัตราขาย (Selling Rate / Offer Rate)
    • คำจำกัดความ
      • อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อเมื่อกิจการนำเงินตราต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท (อัตราซื้อ)
      • อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขายเมื่อกิจการนำเงินตราต่างประเทศไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท (อัตราขาย)
  5. อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการ (Historical Rate)
    • คำจำกัดความ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการครั้งแรก
  6. อัตราปิด (Closing Rate)
    • คำจำกัดความ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนทันที ณ วันสิ้นสุดรอบระยะเวลารายงาน

คำนิยามทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับส่วนต่าง ๆ ของอัตราแลกเปลี่ยนและในบริบทของการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตรา

มาตรฐานการบัญชี สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน

มาตรฐานการบัญชีสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นส่วนสำคัญในการบันทึกข้อมูลทางการเงินและการรายงานในตลาดการเงิน มาตรฐานนี้ช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนตลอดระยะเวลา ส่วนใหญ่มาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปในการบัญชีอัตราแลกเปลี่ยนรวมถึง

  1. ISO 4217
    • รหัสสากลที่ใช้ระบุสัญลักษณ์ของเงินตราแต่ละประเทศ เช่น, USD แทนดอลลาร์สหรัฐ, EUR แทนยูโร, THB แทนบาท, ฯลฯ
  2. ISO 20022
    • มาตรฐานสำหรับข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงิน, รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน มีการให้คำนิยามข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบการเงิน
  3. IFRS 7 (International Financial Reporting Standard 7)
    • มาตรฐานการบัญชีนี้กำหนดข้อกำหนดในการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการควบคุมความเสี่ยงทางการได้และการสูญเสียทางการได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยน
  4. IAS 21 (International Accounting Standard 21)
    • มาตรฐานนี้กำหนดกฎระเบียบในการแสดงผลบัญชีของธุรกรรมที่เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนและการรายงานทางการเงินในเงินตราต่างประเทศ
  5. BIS (Bank for International Settlements) Standards
    • BIS มีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีและการรายงานในตลาดการเงิน, รวมถึงแนวทางในการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน
  6. คู่มือและกฎหมายของตลาดการเงิน
    • การปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายและคู่มือของตลาดการเงินที่เกี่ยวข้องกับการรายงานทางการเงินและการบัญชีสำหรับอัตราแลกเปลี่ยน

การปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีเหล่านี้ช่วยให้ธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนถูกบันทึก, รายงาน, และวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา

กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAEs) ถูกกําหนดให้ปฏิบัติตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 20/2554 บทที่ 21    ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ย่อหน้าที่ 382-390)

ตัวอย่าง การบันทึกบัญชี จากการส่งออก

ผู้ส่งออกได้ขายสินค้าไปต่างประเทศ มูลค่า $100,000 เมื่อครบกำหนดชำระหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศ และนำฝากธนาคารพาณิชย์ในรูปของงินเหรียญสหรัฐ ต่อมาได้ซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ มูลค่า $20,000 และนำเงินต่างประเทศที่ฝากไว้จ่ายชำระหนี้ค่าซื้อวัตถุดิบ

บันทึกรายได้ จากการส่งออก

ขั้นตอนที่ 1 เมื่อขายสินค้าไปต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ส่งออก $1 = 28 บาท

  • Dr ลูกหนี้ ($100,000 x 28) 2,800,000
  • Cr รายได้ 2,800,000

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าจากต่างประเทศ ถึงแม้ผู้ส่งออกไม่ได้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินไทยและนำงินฝากธนาคารในรูปของมินเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกต้องคำนวณค่าเป็นมินตราไทย ตามมาตรา 65 ทวิ (5) กล่าวคือ ต้องบันทึกบัญชีการชำระหนี้เป็นงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่ได้รับชำระหนี้ค่าสินค้า อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารรับซื้อมินตราต่างประเทศ ณ วันที่ได้รับชำระหนี้ คือ $1 = 39 บาท

  • Dr ธนาคาร ($100,000 x 39) 3,900,000
  • Cr ลูกหนี้ 2,800,000
  • Cr กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,100,000

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีมินตราต่างประเทศที่ฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ หากคงเหลืออยู่ในบัญชีจนถึงวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ต้องมีการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นไปตามเงื่อนไขมาตรา 65 ทวิ (5) ถ้าวันสั้นรอบระยะเวลาบัญชีตรงกับ วันที่ 3 1 ธันวาคม กรมสรรพากรจะประกาศอัตราแลกเปลี่ยนให้ทราบประมาณเดือนมกราคมของปีถัดไป หากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีเป็นวันอื่น ต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารแห่งประเทศไทย

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ นำเงินตราต่างประเทศที่ฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ชำระหนี้ค่าซื้อวัตถุดิบ หากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ซื้อวัตถุดิบ คือ $1 = 39 บาท และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ชำระ คือ $า = 43 บาทในการโอนมินตราต่างประเทศที่ฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อจ่ายชำระหนี้ค่าซื้อวัตถุดิบ การบันทึกบัญชีมีอัตราแลกเปลี่ยนต่างกัน คือ

  • (1) วันที่นำเข้าวัตถุดิบ อัตราแลกเปลี่ยน คือ $1 = 30 บาท
  • (2) วันที่นำเงินตราต่างประเทศฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ อัตราแลกเปลี่ยน คือ $1 = 39 บาท
  • (3) วันที่ชำระหนี้อัตราแลกเปลี่ยนที่รนาคารพาณิชย์ขาย คือ $1 = 43 บาท

กรณีซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นสินเชื่อ บันทึกบัญชีดังนี้

  • Dr วัตถุดิบ ($20,000 x 30) 600,000-
  • Cr เจ้าหนี้ 600,000-

เมื่อครบกำหนดชำระหนี้ โดยชำระจากบัญชีงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีไว้เป็นเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เกิดกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บันทึกบัญชีดังนี้

  • Dr เจ้าหนี้ ($20,000 x 30) 600,000-
  • Dr ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ((43-30) x $20,000) 260,000-
  • Cr ธนาคาร ($20,000 x 39) 780,000-
  • Cr กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ((43-39) x $20,000) 80,000-

กรณีซื้อวัตถุดิบจากต่งประเทศเป็นมิสด บันทึกบัญชีดังนี้

  • Dr วัตถุดิบ ($20,000 x 43) 860,000-
  • Cr ธนาคาร ($20,000 x 39) 780,000-
  • Cr กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ((43-39) x $20,000) 80,000-

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากอัตราแลกเปลี่ยน

การหักภาษีมินได้ ณ ที่จ่าย (ป114/2545) คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป1 14/2545 “เรื่องการจ่ายเงินตามสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Swap) และสัญญาแลกเปลี่ยนงินตราต่งประเทศ (Cross Currency Swap)” ได้วางหลักเกณฑ์การเสียภาษีมินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส และ มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากรในกรณีดังกล่าว ดังนี้

  • ( 1 ) สัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย เป็นสัญญาทางการมิน ที่คู่สัญญาตกลงที่จะแลกเปลี่ยนภาระการชำระดอกเบี้ยให้แก่กันและกันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ผลต่างที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเข้าลักษณะเป็นมินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
  • ( 2 ) สัญญาแลกเปลี่ยนมินตราต่งประเทศ เป็นสัญญาทางการมิน ที่คู่สัญญาตกลงที่จะแลกเปลี่ยนภาระการรับจ่ายเงินคนละสกุล ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันความสี่ยงจากความฝันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน คู่สัญญาอาจมีการแลกเปลี่ยนเงินต้นในมูลค่าที่เท่ากัน โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนในวันทำสัญญา หรือนำเงินตราต่งประเทศไปขายให้แก่สถาบันการเงิน โดยคู่สัญญาไม่มีการจ่ายเงินผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยน จึงไม่มีงินได้พึงประเมิน
  • ( 3 ) กรทำสัญญาแลกเปลี่ยนมินตราต่งประทศตาม (2) อาจมีการทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยควบคู่ไปด้วย เรียกว่า “สัญญาแลกเปลี่ยนงินตราต้มประเทศและอัตราดอกเบี้ย ผลต่างที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย เข้าลักษณะเป็นงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
  • ( 4 ) กรณีการทำสัญญา ตาม (1) (2) (3) หากมีพฤติกรรมที่แสดงว่าคู่สัญญามีจตากู้ยืมเงิน ผลต่างที่เกิดขึ้นจะถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)ก
  • ( 5 ) กรณีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดนัดชำระมิน คู่สัญญามีสิทธิรียกร้องให้ชำระงินผลต่งพร้อมดอกเบี้ยหรือค่าปรับ ซึ่งข้าลักษณะมินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)ก
  • ( 6 ) กรณีการทำสัญญา ตาม (1) (2) (3) ซึ่งเป็นผลทำให้คู่สัญญาจ่ายมินผลต่างที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่งประเทศและอัตราดอกเบี้ย มินผลต่งดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นมินได้จากการบริการ จึงไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
  • ( 7 ) ระเบียบ ข้อบัคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือแนวทงปฏิบัติใที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่ง ป114/2545 เป็นอันยกเลิก

ภาษีมูลค่าเพิ่ม อัตราแลกเปลี่ยน

มาตรา 79/4 บัญญัติว่า ในกรณีที่มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าการให้บริการหรือการนำเข้าเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้คำนวณเงินตราต่างประเทศนั้นเป็นเงินตราไทยตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

  • (1) กรณีที่ได้รับเงินตราต่งประเทศจากการขายหรือการให้บริการ และได้มีการขายงินตราต่างประเทศที่ได้รับชำระนั้นเป็นมินตราไทยในเดือนที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ให้ถือเงินตราไทยจากการขายนั้นเป็นมูลค่าของฐานภาษีที่พึงชำระภาษีมูลค่าเพิ่มโดยให้ถือตามอัตราเฉลี่ยที่รนาคารพาณิชย์รับซื้อ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT/ ได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายของเดือน
  • (2) กรณีนำเข้าสินค้า ให้คำนวณราคา CIF ของสินค้าที่นำเข้าเป็นเงินตราต่างประเทศเป็นงินตราไทยตามอัตราที่กรมศุลกากรใช้คำนวณเพื่อเรียกเก็บอากรขาเข้า

อัตราแลกเปลี่ยนตามมาตรา 9

มาตรา 9 บัญญัติว่า “เว้นแต่จะมีบทบัญญัตไว้เป็นอย่างอื่น ถ้าจำเป็นต้องคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อปฏิบัติการตามแลักษณะนี้ ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกระทรวงการคลังประกาศเป็นคราวๆ

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาวเพื่อให้คะแนน!

เฉลี่ยได้กี่คะแนน 5 / 5. จำนวนโหวต: 1

ยังไม่มีคะแนนโหวต! เป็นคนแรกที่ให้คะแนนโพสต์นี้

จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 2951: 185