สินค้าจากต่างประเทศ

สินค้าจากต่างประเทศ 9 บันทึกบัญชีอย่างไรศัพท์ที่รู้ตัวอย่าง?

ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

การซื้อสินค้าจากต่างประเทศเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจมากในวงการธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการพัฒนาทรัพยากรทางการสื่อสารและการขนส่งที่ทำให้การติดต่อและการทำธุรกิจข้ามแดนเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลและตลาดที่กว้างขวางจากทั่วโลกทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วย

นี่คือบางข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

  1. ตลาดกว้างขวาง การซื้อสินค้าจากต่างประเทศเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีโอกาสขยายตลาดและเข้าถึงลูกค้าใหม่ในทุกมุมโลก นอกจากนี้ยังช่วยในการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ที่ตลาดภายในประเทศมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้น
  2. ความหลากหลายของสินค้า การซื้อสินค้าจากต่างประเทศช่วยในการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดภายในประเทศ ลูกค้ามีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมจากทั่วโลก
  3. ความรู้และเทคโนโลยี การทำธุรกิจข้ามแดนช่วยในการนำเข้าความรู้และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในต่างประเทศเข้ามาในตลาดภายในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. การจัดหาวัตถุดิบ บางธุรกิจมีความต้องการในการนำเข้าวัตถุดิบหรือวัตถุดิบที่ไม่มีในประเทศ การซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะช่วยในการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับการผลิต
  5. การเผชิญกับความแข็งแกร่งของสกุลเงิน การทำธุรกิจข้ามแดนมักต้องมีการจัดการกับความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งรวมถึงความเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยน
  6. ข้อกำหนดทางกฎหมายและภาษี การทำธุรกิจข้ามแดนต้องใส่ใจถึงข้อกำหนดทางกฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า

ศัพท์ที่ควรรู้ ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

เมื่อเรามีความต้องการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ, กระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้าเป็นส่วนสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องที่ควรทราบ ดังนี้

  1. นำเข้า (Import) และส่งออก (Export)
    • นำเข้า การนำเข้าคือกระบวนการนำสินค้าเข้าสู่ประเทศนั้น ๆ จากประเทศอื่น ๆ
    • ส่งออก การส่งออกคือกระบวนการส่งสินค้าออกจากประเทศนั้น ๆ ไปยังประเทศอื่น ๆ
  2. FOB (Free On Board)
    • เป็นเงื่อนไขการขนส่งที่ระบุว่าผู้ขายจะรับผิดชอบต่อค่าขนส่งและความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าจะถึงท่าเรือปลายทาง หลังจากนั้นความรับผิดชอบจะถูกโอนไปยังผู้ซื้อ
  3. CIF (Cost, Insurance, and Freight)
    • เป็นเงื่อนไขการขนส่งที่ระบุว่าผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อค่าขนส่ง, ประกัน, และความเสี่ยงของสินค้าจนกว่าสินค้าจะถึงท่าเรือปลายทาง
  4. ฟอเวิดเดอร์ (Forwarder)
    • เป็นบริษัทหรือบุคคลที่ให้บริการทางการขนส่ง ทำหน้าที่จัดการการขนส่งสินค้าในทุกขั้นตอน เช่น การจัดส่ง, การเก็บเงิน, และปฏิบัติการทางศุลกากร
  5. Shipping ชิปปิ้ง (Shipping Chipping)
    • เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า และทำหน้าที่ในการตรวจสอบและจัดการการจัดส่งสินค้าจากที่ผลิตไปยังที่ปลายทาง
  6. ขนส่ง (Transportation)
    • คือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดกำเนิดไปยังจุดปลายทาง สามารถใช้ทางบก, ทางน้ำ, ทางอากาศ, หรือทางรถไฟ

การจัดส่งสินค้าจะทำได้ตรงไปตรงมาถ้ามีบริการขนส่งที่เชี่ยวชาญ,แต่มีฟอเวิดเดอร์ (forwarder) มีบทบาทสำคัญในการจัดการกระบวนการนี้ ฟอเวิดเดอร์จะช่วยในการจัดทำเอกสารทางศุลกากร, การจัดการค่าขนส่ง, และการติดตามสินค้าที่กำลังเดินทาง

ท้ายที่สุด การขนส่ง (logistics) เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่มีผลโดยตรงต่อการจัดส่งสินค้าไปยังที่หมาย กระบวนการนี้ครอบคลุมการจัดการคลังสินค้า, การเลือกเส้นทางขนส่งที่เหมาะสม, และการจัดการสต็อกสินค้า

ตัวอย่าง การบันทึกบัญชี ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

การซื้อสินค้าจากต่างประเทศเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจ เพิ่มตลาด, สร้างความหลากหลายของสินค้า, นำเข้าความรู้และเทคโนโลยี, จัดหาวัตถุดิบ, และเผชิญกับความแข็งแกร่งของสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม, ต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมาย, ภาษี, และความเสี่ยงทางการเงิน

ตัวอย่าง การบันทึกบัญชี 

กรณีที่ 1 การซื้อสินค้าจากต่างประเทศ (โดยจะต้องโอนเงินค่าไปให้ supplier ก่อนถึงจะมีการส่งสินค้า) ในกรณีนี้วันที่โอนเงินไปต่างประเทศ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นในการบันทึกบัญชี โดยไม่เกิดผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น รายการบันทึกบัญชี ดังนี้

วันที่จ่ายเงินค่าวัตถุดิบ

  • Dr เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า (Advance for goods) 3,200-
  • Cr เงินฝากธนาคาร 3,200-

วันที่วัตถุดิบถึงท่าเรือ

  • Dr ซื้อสินค้า 3,200-
  • Cr เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า (Advance for goods) 3,200-

กรณีที่ 2 การซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ( โดยขอสินเชื่อกับธนาคาร) ด้วยวิธีการเปิด LC ซึ่งได้เครดิตจากธนาคาร 60 วัน กรณีนี้รายการบัญชีจะมีการบันทึกบัญชี 2 ขั้นตอน คือวันที่สินค้าถึงท่าเรือที่เมืองไทย (เงื่อนไขการซื้อเป็นแบบ CIF) และ วันที่จ่ายชำระให้กับทางธนาคารและจะรายการรับรู้กำไร(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการบันทึกบัญชี มีดังนี้

วันที่วัตถุดิบส่งมาถึงท่าเรือเมืองไทย ณวันนี้สามารถบันทึกตามอัตราแลกเปลี่ยนตามใบขนเข้าได้ โดยสินค้า มูลค่า 1,000 USD ( อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 32 บาท ) บัญชีจะบันทึกดังนี้

วันที่วัตถุดิบมาถึงท่าเรือ

  • Dr สินค้าระหว่างทาง (1,000* 32 ) 32,000-
  • Cr เจ้าหนี้ธนาคาร LC 32,000-

วันที่วัตถุดิบถึงบริษัท

  • Dr ซื้อสินค้า 32,000-
  • Cr สินค้าระหว่างทาง 32,000-

วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ LC ให้ธนาคาร การลงบันทึกบัญชีจะเกิด กำไร(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนดังนี้ (สมมุติ 33บาท/ 1 USD) รายการบัญชีจะบันทึกดังนี้

  • Dr เจ้าหนี้ธนาคาร LC 32,000-
  • Dr กำไร(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน 1,000-
  • Cr ธนาคาร  (1000* 33บาท/USD) 33,000-

เพิ่มเติม ถ้าในกรณี ณสิ้นรอบปีบัญชี และยังมีเจ้าหนี้ธนาคาร LC คงค้างอยู่ จะต้องมีการปรับมูลค่าของเจ้าหนี้ LC ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณวันสิ้นรอบบัญชีด้วย อัตราซื้อของธนาคารแห่งประเทศไทย รายการบัญชีจะบันทึกดังนี้ (สมมุติ 335บาท/ 1 USD)

  • Dr กำไร(ขาดทุน)จากอัตราแลกเปลี่ยน (1000* 3350 -3300 ) 500-
  • Cr เจ้าหนี้ธนาคาร LC 500-

การซื้อสินค้าจากต่างประเทศเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจ เพิ่มตลาด, สร้างความหลากหลายของสินค้า, นำเข้าความรู้และเทคโนโลยี, จัดหาวัตถุดิบ, และเผชิญกับความแข็งแกร่งของสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม, ต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมาย, ภาษี, และความเสี่ยงทางการเงิน

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาวเพื่อให้คะแนน!

เฉลี่ยได้กี่คะแนน 5 / 5. จำนวนโหวต: 2

ยังไม่มีคะแนนโหวต! เป็นคนแรกที่ให้คะแนนโพสต์นี้

จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 3932: 167