ธุรกิจค้าปลีก

รับทำบัญชี.COM | ร้านค้าปลีกขายของภาษีรายรับรายจ่ายง่าย?

Click to rate this post!
[Total: 309 Average: 5]

ขายปลีก

บริษัท ปังปอน จำกัด ให้บริการ รับทำบัญชี ธุรกิจขายปลีก ครอบคลุมทุกจังหวัด เมื่อคุณมีปัญหา ขาดคนทำบัญชี ภาษี ปิดงบการเงิน ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับบัญชี ให้นึกถึงเรา เพราะเราเชี่ยวชาญและทำงานอย่างมืออาชีพ การันตีจากสรรพากร (ตัวแทนสรรพากร) และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สำนักงานบัญชีคุณภาพ) ปัจจุบันเปิดมาแล้วมากกว่า 20 ปี ติดต่อ โทร. 081-931-8341 (คุณจ๋า) 

  • ที่อยู่ : 47/103 หมู่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
  • Email : 9622104@gmail.com
  • Line Official Account : @e200
  • ราคา : เอกสารไม่เกิน 30 ชุด เริ่มต้น 4,000 บาท/เดือน

การค้าปลีกคืออะไร

ขายปลีก ค้าปลีก และผู้ขายปลีก คุณอาจเคยได้ยินคำศัพท์เหล่านี้มาก่อน แต่หมายความว่าอย่างไร

การค้าปลีกตามคำนิยามคือการขายสินค้าหรือบริการจากธุรกิจให้กับผู้บริโภคเพื่อใช้เอง ธุรกรรมการค้าปลีกจัดการสินค้าจำนวนน้อยในขณะที่การค้าส่งเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าในปริมาณมาก ธุรกรรมค้าปลีกไม่ควรสับสนกับธุรกรรมออนไลน์ สินค้าจะต้องขายจากจุดเดียวโดยตรงไปยังผู้บริโภคสำหรับผู้ใช้ปลายทาง

ร้านค้าปลีก

ผู้ค้าปลีกคือบุคคลหรือธุรกิจที่คุณซื้อสินค้า ผู้ค้าปลีกมักไม่ผลิตสินค้าของตนเอง พวกเขาซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้ค้าส่งและขายสินค้าเหล่านี้ให้กับผู้บริโภคในปริมาณเล็กน้อย

การค้าปลีกเป็นกระบวนการจัดจำหน่ายของผู้ค้าปลีกที่ได้รับสินค้าหรือบริการและขายให้กับลูกค้าเพื่อใช้งาน กระบวนการนี้อธิบายผ่านห่วงโซ่อุปทาน

กระบวนการค้าปลีก

ห่วงโซ่อุปทานเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทและซัพพลายเออร์เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังผู้ใช้ปลายทาง เป็นวิธีการส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค ผู้ค้าปลีกต้องเข้าใจห่วงโซ่อุปทานของตนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในราคาที่เหมาะสมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน อาจนำไปสู่การเพิ่มต้นทุนผลิตภัณฑ์หรือเวลาในการจัดส่ง

องค์ประกอบของการค้าปลีก

  1. ผู้ผลิตและผู้ค้าส่ง ผู้ผลิตผลิตสินค้าจากวัตถุดิบโดยใช้เครื่องจักรและแรงงาน เมื่อการผลิตเสร็จสิ้น ผู้ค้าส่งจะซื้อสินค้าและขายให้กับผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่งขายสินค้าจำนวนมากให้กับผู้ค้าปลีกในราคาต่ำ
  2. ผู้ค้าปลีก (หรือที่เรียกว่าผู้ค้า) ผู้ค้าปลีกซื้อสินค้าจากผู้ค้าส่งหรือโดยตรงจากผู้ผลิต จากนั้นพวกเขาจะขายสินค้าเหล่านั้นในปริมาณเล็กน้อยให้กับผู้ใช้ปลายทาง
  3. ผู้บริโภค (ผู้ใช้ปลายทาง) ซื้อสินค้าจากผู้ค้าปลีกในปริมาณเล็กน้อยเพื่อตอบสนองความต้องการ

ค้าปลีก

การขายปลีกมีหลายรูปทรงและขนาด แต่ละคนมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง รูปแบบการค้าปลีกรูปแบบหนึ่งอาจเหมาะสมกว่ารูปแบบอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ

5 ประเภทการค้าปลีก

  1. ผู้ค้าปลีกอิสระ: ผู้ค้าปลีกอิสระคือคนที่สร้างธุรกิจของตนตั้งแต่เริ่มต้น ปกติเจ้าของเป็นคนทำเองทั้งหมด แต่อาจมีคนช่วยหรือจ้างคนเพิ่ม
  2. ธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่: ธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่ตามชื่อที่แนะนำคือธุรกิจค้าปลีกที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยปกติแล้ว ใครบางคนจะสืบทอดหรือซื้อธุรกิจที่มีอยู่แล้วและรับช่วงต่อความเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบ
  3. แฟรนไชส์: แฟรนไชส์คือแผนธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงชื่อเครื่องหมายการค้า ชุดผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว และแนวคิดทางธุรกิจที่กำหนดไว้แล้ว หากผู้ค้าปลีกต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้องค์ประกอบทั้งหมดข้างต้น ข้อเสียในการซื้อสิทธิ์ในแฟรนไชส์คือโดยปกติแล้วจะมีกฎพื้นฐานและกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อรักษาสิทธิ์ในแฟรนไชส์ เช่นเดียวกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของแฟรนไชส์
  4. ตัวแทนจำหน่าย: ตัวแทนจำหน่ายเป็นลูกผสมระหว่างแฟรนไชส์และผู้ค้าปลีกอิสระ ผู้ค้าปลีกที่ทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายมีใบอนุญาตในการขายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่ง (โดยปกติจะมีหลายยี่ห้อ) ซึ่งแตกต่างจากแฟรนไชส์ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับผู้อนุญาต
  5. การตลาดแบบเครือข่าย: การตลาดแบบเครือข่ายหรือการตลาดแบบหลายระดับเป็นรูปแบบธุรกิจที่การขายผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับผู้คนในเครือข่าย ในแง่หนึ่ง คนๆ หนึ่งกำลังขายสินค้า แต่ในขณะเดียวกัน พนักงานขายคนอื่นๆ ก็ได้รับคัดเลือกให้ขายสินค้าเดียวกัน

ตัวอย่าง ร้านค้าปลีก 

จะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกในประเทศไทยมีหลายแบบมากที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งร้านค้าปลีกแต่ละประเภทก็จะให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แตกต่างกัน

  1. ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Grocery Store)

ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Grocery Store) เป็นร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ที่ดูแลทุกอย่างภายในร้านเองคนเดียว ใช้พื้นที่น้อย ๆ ในบริเวณชั้น 1 ของหน้าบ้าน หรือตึกแถว 1 คูหา มักจะขายของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้คนในชุมชนหรือคนในหมู่บ้านด้วยกันเอง คนมักจะเรียกว่า ร้านโชห่วยหรือ ร้านขายของชำ

ซึ่งร้านประเภทนี้จะไม่ค่อยมีเทคโนโลยีอะไรมากนัก การจัดการบัญชีต่าง ๆ ก็จะเป็นระบบเก่าและจัดการด้วยตนเองซะมากกว่า เพราะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนั่นเอง

ตัวอย่างร้านค้าปลีกขนาดเล็ก

  • แบบร้านขายของชำ
  • ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
  • ร้านขายของชำ
  1. ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง (Specialty Store)

Specialty Store เป็นร้านค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าเฉพาะอย่าง ที่จะเน้นสินค้าไปที่ประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น ร้านขายเครื่องสำอาง, ร้านหนังสือ, ร้านเพ็ทช็อป, ร้านขายยา ฯลฯ 

ซึ่งร้านค้าปลีกประเภทนี้สามารถพัฒนารูปแบบให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้ โดยเพิ่ม ระบบ POS เข้าไป หรือเพิ่มช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 

ตัวอย่างร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง

  • ร้านเครื่องสำอาง ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง
  • ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง by แบบร้านค้า BIGBEST

ขายปลีก

  1. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) 

ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ร้านประเภทนี้ถูกพัฒนาให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เพราะมีระบบต่าง ๆ ทุกอย่างเข้ามาซัพพอร์ต เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เน้นสนองความต้องการแบบเร่งด่วนแก่ลูกค้า มีสินค้าที่หลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร, เครื่องดื่ม, ของใช้ในชีวิตประจำวัน ร้านค้าปลีกประเภทนี้ก็อย่างเช่น ร้านมินิมาร์ททั่วไป, 7-Eleven , Family mart, 108 Shop

ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อ

  • 7 Eleven Convenience Store
  • ร้านสะดวกซื้อ Pic by 7-Eleven Australia
  1. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket)

ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) เป็นร้านที่เน้นขายสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน จะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จุดเด่นของร้านค้าปลีก ประเภทนี้คือ อาหารสด, ผักสด, เนื้อสัตว์, อาหารทะเลต่าง ๆ 

ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีกำไรต่ำ แต่เน้นขายในปริมาณที่เยอะ มักจะอยู่ใกล้เคียงกับละแวกบ้าน หรืออาจจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่ปัจจุบันก็ได้มีการแยกตัวเปิดเป็นอิสระหลายร้านอยู่เหมือนกัน เช่น Tops Markets, Villa Market, Foodland

ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต

  • Tops Market Supermarket
  • ฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
  • ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต Pic by tops.co.th, thestandard.co

  1. ห้างสรรพสินค้า (Department Store)

ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เป็นร้านค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่มาก มีรวมรวมสินค้าและบริการทุกอย่างไว้ในนี้แบบครบวงจร ซึ่งแบ่งทุกอย่างไว้เป็นโซนอย่างชัดเจน เป็นแหล่งรวมความสนุกสนานเพลิดเพลินชั้นยอดเยี่ยมในการช้อปปิ้งไว้ที่นี่ 

สิ่งที่มีในห้างสรรพสินค้าก็จะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ แบรนด์หรู, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, คลินิกเสริมความงาม, บริการเกี่ยวกับโทรศัพท์และอุปกรณ์ไอที, โรงหนัง, ฟู้ดคอร์ด, ร้านอาหารแบรนด์ดัง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน, เครื่องเล่นต่าง ๆ 

ตัวอย่างเช่น 

  • สยามพารากอน (Siam Paragon)
  • เซ็นทรัล (Central)
  • เดอะมอลล์ (The Mall)
  • โรบินสัน (Robinson)
  • เอ็มควอเทียร์ (EmQuartier)
  • ไอคอนสยาม (ICONSIAM) 
  1. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket)

ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket) หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต มักจะขายสินค้าที่หลากหลายในราคาที่ประหยัด เน้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปทีละเยอะ ๆ เพื่อให้มียอดขายสินค้าในปริมาณที่สูง เน้นสินค้าและบริการที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้หรูหราเท่าแบรนด์ต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า

ส่วนลักษณะก็จะเหมือนการรวมซูเปอร์มาร์เก็ตกับห้างสรรพสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน มีความบันเทิงสนุกสนานให้เป็นโซนไว้ นอกจากนี้ก็จะยังมีสินค้าในครัวเรือน สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปไว้ด้วยเช่นกัน เช่น Tesco Lotus, Big-C, Makro  อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ : Hypermarket คืออะไร? พร้อมรู้จัก 2 เจ้าใหญ่ที่ครองตลาด

ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต

  • Big C ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ตบิ๊กซี by bigc.co.th
  • Lotus’s ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ตโลตัส by corporate.lotuss
  1. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Category Killer)

ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Category Killer) อันนี้จะคล้าย ๆ กับข้อ 2 ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง (Specialty Store) คือจะมีความจำเพาะเจาะจงในการขายสินค้า เน้นสินค้าเป็นประเภทนั้น ๆ ไปเลย แต่ร้านประเภทนี้จะมีความใหญ่มากกว่า Specialty Store ซึ่งใหญ่ขนาดที่ว่าก็คือ Category Killer เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมสินค้าประเภทนั้น ๆ ไว้โดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าของร้านค้าปลีกประเภทนี้ก็จะเป็น ร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่

ซึ่งพอเป็นขนาดใหญ่ก็จะมีสินค้าที่หลากหลายและครบครันตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า อาจมีส่วนลดในสินค้าบางอย่าง รวมถึงมีบริการหลังการขาย ตัวอย่างเช่น พาวเวอร์บาย (Power Buy), โฮมโปร (Home Pro), Index Living Mall

ตัวอย่างร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม

  • ร้านเฟอร์นิเจอร์ Index living mall
  • Pic by indexlivingmall
  • ร้านห้าแยกกรุ๊ป ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม
  • ร้านฮาร์ดแวร์คิง ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม
  • ร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ by PN Steel

ค้าปลีกโดยเฉพาะ

เราจะเห็นร้านค้าปลีกประเภท Category Killer จะเป็นร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้านซะส่วนใหญ่ แต่ยังมีร้านแบบขายสินค้าเฉพาะกลุ่มอีกหลายประเภทที่ยังไม่ได้ขยายสาขาเยอะจนเป็นที่นิยมก็อย่างเช่น ร้าน Pet Shop ถ้าร้านประเภทนี้ สามารถขยายสาขาไปทั่วประเทศจนมีชื่อเสียงได้ อาจจะทำให้รายได้มากและเป็นเจ้าที่ครองตลาดได้เลยทีเดียว 

แต่ก็เห็นอยู่บ้างนะคะ กับร้านที่นำ Pet Shop มาเปิดในห้างอย่างเช่น Pet Lovers Centre ของประเทศสิงคโปร์ ที่มาเปิดสาขาในไทย เน้นเป็นสาขาในห้างสรรพสินค้าอย่างในเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ซึ่งคนเขียนว่ามีถ้าเจ้าของที่เป็นคนไทยสามารถทำได้ น่าจะสร้างยอดขายได้มากทีเดียวนะคะ

เครดิต : erply.com/ pnstoretailer.com/

รับทำบัญชี ขายปลีก

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )