รับทำบัญชี.COM | ขายส่งเปิดร้านขายส่ง ไอเดียร์ มีอะไรบ้าง?

Click to rate this post!
[Total: 43 Average: 5]

แผนธุรกิจขายส่ง

การเริ่มต้นธุรกิจขายส่ง (Wholesale Business) ต้องใช้ขั้นตอนเบื้องต้นต่อไปนี้

  1. วางแผนธุรกิจ (Business Planning)
  2. เลือกกลุ่มสินค้าหรือบริการ (Select Products/Services)
    • เลือกสินค้าหรือบริการที่คุณต้องการขายส่ง
    • ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้า
  3. ค้นหาผู้จัดจำหน่าย (Find Suppliers)
    • ค้นหาผู้จัดจำหน่ายหรือผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่คุณสนใจ
    • เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการจัดจำหน่าย
  4. สร้างธุรกิจ (Set Up Business)
    • ลงทะเบียนธุรกิจและเปิดบัญชีธุรกิจ
    • เลือกสถานที่ทำธุรกิจและจัดระบบสต็อกสินค้า
  5. วางแผนการขาย (Sales Strategy)
    • สร้างแผนการตลาดและการโฆษณาสำหรับสินค้าหรือบริการของคุณ
    • กำหนดราคาขายส่งและเงื่อนไขการชำระเงิน
  6. จัดการสต็อก (Inventory Management)
    • สร้างระบบการจัดเก็บและบรรจุสินค้า
    • ควบคุมคลังสินค้าให้มีความพร้อมในการจัดส่ง
  7. เริ่มการขายส่ง (Start Selling)
    • สร้างเครือข่ายลูกค้า
    • ขายสินค้าหรือบริการของคุณให้กับลูกค้ารายส่วนหรือธุรกิจ
  8. จัดการการเงิน (Financial Management)
    • ติดตามรายรับและรายจ่าย
    • สร้างบันทึกบัญชีและรายงานการเงิน
  9. รักษาความพร้อมและเติบโต (Maintain and Grow)
    • ดูแลลูกค้าที่มีอยู่และสร้างความพร้อมในการเติบโต
    • ปรับปรุงการบริการและสินค้าของคุณตามความต้องการของลูกค้า
  10. เป็นธุรกิจรับรอง (Compliance and Certification)
    • ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
    • หากมีความจำเป็น ขอใบอนุญาตหรือการรับรองเฉพาะของธุรกิจของคุณ

ควรระมัดระวังในการเลือกผู้จัดจำหน่ายและจัดการสต็อกอย่างเหมาะสมเพื่อให้ธุรกิจขายส่งของคุณเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจขายส่ง

ที่แสดงรายรับและรายจ่ายของธุรกิจขายส่งในรูปแบบตารางดังนี้

รายการ รายรับ (บาท) รายจ่าย (บาท)
ยอดขายสินค้า XXXX
รายได้จากบริการ XXXX
รายรับจากการลงทุน XXXX
รายรับอื่นๆ XXXX
รวมรายรับ XXXX
ค่าสินค้าคงเหลือในสต็อก XXXX
ค่าจ้างงาน XXXX
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ XXXX
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ XXXX
รวมรายจ่าย XXXX
กำไร (ขาดทุน) XXXX XXXX

ในตารางนี้

  • รายการ ระบุรายการที่เกี่ยวข้องกับรายรับหรือรายจ่ายของธุรกิจของคุณ เช่น ยอดขายสินค้า, รายได้จากบริการ, รายรับจากการลงทุน, รายรับอื่นๆ, ค่าสินค้าคงเหลือในสต็อก, ค่าจ้างงาน, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ, ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น
  • รายรับ (บาท) ระบุจำนวนเงินที่ได้รับจากแต่ละรายการรายรับในหน่วยบาท (THB)
  • รายจ่าย (บาท) ระบุจำนวนเงินที่จ่ายออกในแต่ละรายการรายจ่ายในหน่วยบาท (THB)
  • รวมรายรับ รวมจำนวนเงินของรายรับทั้งหมดในธุรกิจของคุณ
  • รวมรายจ่าย รวมจำนวนเงินของรายจ่ายทั้งหมดในธุรกิจของคุณ
  • กำไร (ขาดทุน) แสดงผลรวมกำไรหรือขาดทุนของธุรกิจของคุณ คำนวณโดยลบรวมรายจ่ายจากรวมรายรับ

คุณสามารถแทรกข้อมูลเป็นจำนวนเงินที่เป็นจริงในแต่ละช่อง ในตารางเพื่อให้ตารางนี้สะท้อนสถานะการเงินของธุรกิจของคุณได้ในเวลาที่กำหนด

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจขายส่ง

ธุรกิจขายส่งเป็นกิจการที่มีการจัดหาสินค้าหรือบริการจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายและจัดส่งไปยังผู้รับสินค้าหรือบริการ เป็นทางการหรือไม่ทางการ ซึ่งธุรกิจขายส่งมักเกี่ยวข้องกับหลายอาชีพและกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้

  1. ผู้จัดจำหน่ายสินค้าและวัตถุดิบ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าและวัตถุดิบส่วนใหญ่มักทำธุรกิจขายส่งเพื่อจัดหาสินค้าหรือวัตถุดิบจากผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าร้านค้าหรือธุรกิจอื่น ๆ
  2. ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้า ธุรกิจขายส่งสามารถเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและจัดจำหน่ายในตลาดในประเทศหรือผู้ส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
  3. บริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัทขนส่งและบริการโลจิสติกส์มักมีบทบาทในการจัดส่งสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายไปยังลูกค้า
  4. อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการสินค้าและข้อมูลการสั่งซื้ออาจเกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การพัฒนาและบริหารระบบจัดการสินค้า
  5. การตลาดและการขาย การสร้างกลยุทธ์การตลาดและการขายสินค้าในธุรกิจขายส่งเกี่ยวข้องกับการตลาดและการขาย
  6. การบริหารธุรกิจและการเงิน การบริหารธุรกิจขายส่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนการเงินและการบริหารธุรกิจ
  7. ธุรกิจออนไลน์ การขายสินค้าของธุรกิจขายส่งออนไลน์มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ
  8. การบริหารคลังสินค้า การจัดการคลังสินค้าและสต็อกสินค้ามีความสำคัญในธุรกิจขายส่ง
  9. อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่สำหรับตลาดขายส่ง
  10. บริการลูกค้าและสนับสนุนลูกค้า การให้บริการลูกค้าและสนับสนุนลูกค้าเพื่อรักษาความพึงพอใจและความรับผิดชอบต่อลูกค้า
  11. การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสินค้าหรือบริการ
  12. การซื้อการลงทุน การลงทุนในธุรกิจขายส่ง เช่น การสร้างคลังสินค้าใหม่หรือการเข้าร่วมธุรกิจร่วมกับผู้ผลิตหรือจำหน่าย
  13. บริการทางกฎหมายและที่ปรึกษาธุรกิจ บริการทางกฎหมายและที่ปรึกษาธุรกิจสามารถให้คำปรึกษาในด้านกฎหมายและธุรกิจสำหรับธุรกิจขายส่ง

เรียกย้อนกลับไปยังลักษณะของธุรกิจขายส่งและความต้องการของธุรกิจเพื่อรับบริการและสนับสนุนจากอาชีพที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ตามความเหมาะสมของธุรกิจของคุณ

วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจขายส่ง

การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจทราบถึงความแข็งแกร่ง (Strengths), ความอ่อนแอ (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), และความข้อเสีย (Threats) ของธุรกิจของพวกเขา เพื่อช่วยในการวางกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจ ดังนี้

ความแข็งแกร่ง (Strengths)

  1. ความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ ธุรกิจขายส่งมักมีความสามารถในการขยายขนาดธุรกิจได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีความต้องการ
  2. ความเชี่ยวชาญในระบบจัดการคลังสินค้า การบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งเป็นเรื่องสำคัญในธุรกิจขายส่ง ความเชี่ยวชาญในด้านนี้สามารถเป็นข้อแข็งแกร่งของธุรกิจ
  3. ความสามารถในการจัดหาสินค้า ธุรกิจขายส่งมีความสามารถในการจัดหาสินค้าจากแหล่งที่มีราคาถูกและคุณภาพดี เพื่อขายให้แก่ลูกค้าในราคาที่ดีกว่า
  4. ฐานลูกค้ามาตรฐาน ถ้าธุรกิจขายส่งมีลูกค้ามาตรฐานที่มั่นคงและรักษาอย่างดี จะช่วยสร้างความมั่นใจในการกำหนดกลยุทธ์การขายและการวางแผนการเพิ่มรายได้

ความอ่อนแอ (Weaknesses)

  1. ความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจขายส่งมีความแข่งขันสูง และบางครั้งอาจมีความยากที่จะเป็นผู้นำในตลาด
  2. ขาดความสามารถในการสร้างแบรนด์ บางธุรกิจขายส่งอาจขาดความสามารถในการสร้างแบรนด์และสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภค
  3. ความขาดแคลนในการควบคุมคุณภาพ ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่คุณขายได้อย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของลูกค้า

โอกาส (Opportunities)

  1. การขยายตลาด มีโอกาสในการขยายตลาด โดยการเพิ่มลูกค้าใหม่หรือเข้าสู่ตลาดใหม่
  2. เทคโนโลยีใหม่ การใช้เทคโนโลยีใหม่สามารถช่วยให้ธุรกิจขายส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
  3. พัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ การพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่สามารถช่วยให้ธุรกิจขายส่งมีโอกาสเพิ่มรายได้และความนิยม

ความข้อเสีย (Threats)

  1. ความแข่งขันที่รุนแรง มีความเสี่ยงจากคู่แข่งที่รุนแรงในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  2. ข้อจำกัดของการเข้าถึงทรัพยากร การขาดแคลนทรัพยากรหรือความยากที่จะเข้าถึงทรัพยากรสำคัญอาจเป็นอุปสรรค
  3. การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือนโยบาย การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือนโยบายเกี่ยวกับธุรกิจขายส่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้ธุรกิจขายส่งทราบถึงสิ่งที่ต้องปรับปรุงและสิ่งที่สามารถใช้เพื่อเสริมความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะสามารถสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมและตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจขายส่ง ที่ควรรู้

นี่คือ 10 คำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายส่งพร้อมคำอธิบายเพิ่มเติมในภาษาไทย

  1. Wholesale (ขายส่ง)
    • คำอธิบาย การขายสินค้าหรือบริการในปริมาณมากกับลูกค้าที่เป็นธุรกิจหรือร้านค้าทั่วไป โดยมักมีราคาที่ลดลงเมื่อซื้อในปริมาณมาก
  2. Distribution (การกระจายสินค้า)
    • คำอธิบาย กระบวนการการจัดส่งสินค้าจากผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายสู่ลูกค้าหรือร้านค้าทั่วไป
  3. Inventory (คลังสินค้า)
    • คำอธิบาย สินค้าหรือวัตถุดิบที่ถูกเก็บรักษาไว้เพื่อการจัดจำหน่ายหรือการใช้งานในธุรกิจขายส่ง
  4. Supplier (ผู้จัดจำหน่าย)
    • คำอธิบาย บุคคลหรือบริษัทที่จัดหาสินค้าหรือบริการและขายให้กับธุรกิจขายส่ง
  5. Customer (ลูกค้า)
    • คำอธิบาย บุคคลหรือธุรกิจที่ซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจขายส่ง
  6. Markup (กำไรส่วนขาย)
    • คำอธิบาย ค่ากำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อสินค้าถูกขายในราคาสูงกว่าราคาทุน
  7. Logistics (โลจิสติกส์)
    • คำอธิบาย กระบวนการจัดการคลังสินค้า, การขนส่ง, และการจัดส่งสินค้าให้ถึงลูกค้า
  8. B2B (Business-to-Business)
    • คำอธิบาย รูปแบบการซื้อขายที่เกิดขึ้นระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ, ไม่ใช่ระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค
  9. Market Analysis (การวิเคราะห์ตลาด)
    • คำอธิบาย กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการและโอกาสในการขายสินค้า
  10. Profit Margin (กำไรสูงสุด)
    • คำอธิบาย ร้อยละของกำไรที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

คำศัพท์เหล่านี้เป็นพื้นฐานและสำคัญสำหรับธุรกิจขายส่ง เมื่อคุณเข้าใจความหมายและการใช้งานของแต่ละคำศัพท์ จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจและดำเนินการในธุรกิจขายส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ธุรกิจ ขายส่ง ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่

การจดทะเบียนธุรกิจขายส่งจะขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดที่ใช้บังคับในประเทศหรือพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่ แต่มักจะมีรายการหลักที่คุณจะต้องพิจารณาจดทะเบียน ดังนี้

  1. จดทะเบียนธุรกิจ
    • ตามกฎหมายในหลายประเทศคุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น สำนักงานพาณิชย์ หรือหน่วยงานที่เป็นผู้กำกับดูแลธุรกิจและการจดทะเบียนนี้มักจะรวมถึงการขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือหมายเลขภาษีนิติบุคคล (TIN) ในบางที่
  2. การจดทะเบียนธุรกิจ
    • ตลาดและสถานที่ตั้งของธุรกิจของคุณอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในการจดทะเบียนธุรกิจ เช่น การขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการค้าหรือการขนส่ง
  3. การจดทะเบียนสมาชิกในสมาคมหรือองค์กรธุรกิจ
    • หากคุณเป็นสมาชิกในสมาคมหรือองค์กรธุรกิจขายส่งท้องถิ่นหรือระดับชาติ คุณอาจต้องจดทะเบียนเป็นสมาชิกและปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์กรดังกล่าว
  4. การจดทะเบียนทางภาษี
    • คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีเมื่อเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งรายงานภาษีและการชำระภาษีตามกฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายของประเทศ
  5. การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
    • หากคุณมีพนักงาน คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดการเรื่องค่าจ้าง, การทำงานตลอดเวลา, และความปลอดภัยในที่ทำงาน
  6. การจดทะเบียนการค้า
    • ในบางกรณี, คุณอาจต้องจดทะเบียนการค้าขายสินค้าหรือบริการเฉพาะในประเทศหรือพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่
  7. การจดทะเบียนทรัพย์สิน
    • หากคุณครอบครองทรัพย์สินอาจมีความจำเป็นต้องจดทะเบียนการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของคุณ

ควรตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานสำหรับธุรกิจขายส่งในท้องถิ่นหรือประเทศของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้จดทะเบียนและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและเหมาะสม การปรึกษากับทนายความหรือคำแนะนำจากหน่วยงานท้องถิ่นอาจมีประโยชน์เมื่อต้องการความช่วยเหลือในการจดทะเบียนและปฏิบัติตามกฎหมายของธุรกิจขายส่งของคุณ

บริษัท ธุรกิจขายส่ง เสียภาษีอย่างไร

ธุรกิจขายส่งมีหลายประเภทของภาษีที่อาจต้องชำระ ขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดที่ใช้บังคับในประเทศหรือพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่ ภาษีที่ธุรกิจขายส่งอาจต้องเสียรวมถึง

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax – VAT)
    • VAT เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการทุกครั้งที่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการ การเสียภาษี VAT จะขึ้นอยู่กับอัตราภาษีที่ใช้ในประเทศของคุณ และจำเป็นต้องส่งเงินภาษีให้กับหน่วยงานภาษีท้องถิ่น
  2. ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax)
    • สำหรับธุรกิจขายส่งสินค้าที่อาจมีการเสียภาษีสรรพสามิต ได้แก่สินค้าบางประเภท เช่น ยาสูบ, แอลกอฮอล์, น้ำมันเชื้อเพลิง, รถยนต์, และสินค้าลักษณะอื่น ๆ ภาษีสรรพสามิตมักถูกเรียกเก็บเมื่อผู้ประกอบการนำสินค้าเหล่านี้เข้าสู่ตลาด
  3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
    • หากธุรกิจของคุณครอบครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เช่น คลังสินค้าหรือโกดัง เราจะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายและข้อกำหนดของท้องถิ่น
  4. ภาษีรถยนต์
    • หากคุณมีรถบริการในธุรกิจของคุณ เช่น รถกระบะหรือรถขนาดใหญ่ในการขนส่งสินค้า คุณอาจต้องเสียภาษีรถยนต์ตามกฎหมายท้องถิ่นและระบบสากล
  5. ภาษีอื่น ๆ
    • ธุรกิจขายส่งอาจต้องเสียภาษีอื่น ๆ ตามความเหมาะสมของกฎหมายและข้อกำหนดในประเทศหรือพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่ เช่น ภาษีธุรกิจ, ภาษีสรรพสามิตอื่น ๆ และอื่น ๆ

ควรปรึกษากับทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายส่งของคุณ และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่ใช้บังคับในพื้นที่ของคุณอย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )