รับทำบัญชี.COM | สร้างโรงแรมในประเทศไทยใช้เงินลงทุน?

ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

ขั้นตอนเบื้องต้นในการเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีดังนี้

  1. การวิจัยและวางแผนธุรกิจ

    • ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่ต้องการเปิดโรงแรม
    • วิเคราะห์คู่แข่งในธุรกิจโรงแรมในพื้นที่
    • กำหนดกลยุทธ์และแผนธุรกิจที่เหมาะสม
  2. การเลือกสถานที่และซื้อที่ดินหรืออาคาร

    • เลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับโรงแรมในพื้นที่ที่สนใจ
    • หากไม่มีที่ดินหรืออาคารในพื้นที่ที่ต้องการ เริ่มต้นสำรวจตลาดและหาที่ใหม่ที่เหมาะสม
  3. การขอรับใบอนุญาตและการจดทะเบียนธุรกิจ

    • สอบถามเรื่องข้อกำหนดและเกณฑ์ในการขอรับใบอนุญาตในธุรกิจโรงแรม
    • ขอรับใบอนุญาตและจดทะเบียนธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  4. การวางแผนและออกแบบโรงแรม

    • วางแผนและออกแบบโรงแรมในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
    • พิจารณาเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ต้องการให้กับลูกค้า
  5. การจัดหาพนักงานและการฝึกอบรม

    • จัดหาและสรรหาพนักงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม
    • ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะให้กับพนักงาน
  6. การก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์

    • ก่อสร้างโรงแรมหรือทำการปรับปรุงอาคารตามแผนธุรกิจ
    • ติดตั้งอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงแรม
  7. การตลาดและโฆษณา

    • วางแผนการตลาดและโฆษณาเพื่อติดต่อลูกค้าใหม่และสร้างความรู้จักกับโรงแรมให้มากขึ้น
  8. การเปิดทำการและดำเนินธุรกิจ

    • เปิดทำการโรงแรมและเริ่มดำเนินธุรกิจ
    • ดูแลลูกค้าและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เหตุการณ์และขั้นตอนที่อธิบายเป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น การเริ่มต้นธุรกิจในแต่ละประเทศอาจมีกฎหมายและกติกาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาและศึกษาข้อกำหนดท้องถิ่นและสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่ที่เริ่มต้นธุรกิจเพื่อประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

ตามที่คุณต้องการ ขออธิบายรายรับและรายจ่ายของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย พร้อมแสดงตัวอย่างในรูปแบบของตารางเปรียบเทียบ (comparison table) ดังนี้

1. รายรับของโรงแรมในประเทศไทย

หมวดหมู่รายรับ จำนวนเงิน (บาท) ตัวอย่าง
การให้บริการห้องพัก 300,000,000 การจองห้องพักคืบหน้า และ Walk-in guests
ร้านอาหารและบาร์ 50,000,000 ร้านอาหารบริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น รวมถึงบาร์
ส่วนลดและโปรโมชั่น 10,000,000 ส่วนลดพิเศษ โปรโมชั่น หรือแพ็คเกจพิเศษต่าง ๆ
สิ่งของที่ขายในโรงแรม 5,000,000 ขายของที่ทำเองในโรงแรม เช่น เครื่องดื่ม สินค้าท่องเที่ยว
บริการอื่น ๆ 20,000,000 บริการส่วนเสริม เช่น สปา ซาวน่า โรงเก็บสัมภาระ
รายรับรวม 385,000,000  

2. รายจ่ายของโรงแรมในประเทศไทย

หมวดหมู่รายจ่าย จำนวนเงิน (บาท) ตัวอย่าง
ค่าเช่าที่ดินและอาคาร 50,000,000 ค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโรงแรม
ค่าจ้างพนักงาน 120,000,000 เงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานที่ทำงานในโรงแรม
ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม 40,000,000 วัตถุดิบอาหารและเครื่องดื่มสำหรับร้านอาหารในโรงแรม
ค่าส่วนลดและโปรโมชั่น 8,000,000 ส่วนลดที่ให้กับลูกค้าหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ
ค่าส่วนรับมาจากการลงทุน 10,000,000 ค่าดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุน
ค่าโฆษณาและการตลาด 5,000,000 ค่าโฆษณาและกิจกรรมตลาดที่โรงแรมดำเนินการ
ค่าบำรุงรักษาอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก 20,000,000 ค่าซ่อมแซม บำรุงรักษา และซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในโรงแรม
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 12,000,000 ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นภายในโรงแรม
รายจ่ายรวม 265,000,000  

หมายเหตุ ค่าตัวอย่างในตารางเป็นเพียงการอ้างอิงเท่านั้น ค่าในตารางจะมีความแตกต่างกันไปตามขนาดของโรงแรม สถานที่ตั้ง และกิจกรรมธุรกิจที่ดำเนินการในแต่ละโรงแรม

ตัวอย่าง ตารางรายรับรายจ่ายโรงแรมในประเทศไทย

รายการ รายรับ (บาท) รายจ่าย (บาท)
ยอดขายห้องพัก 3,000,000  
ร้านอาหารและบาร์ 1,500,000 800,000
การจัดงานและประชุม 500,000 200,000
บริการอื่นๆ 300,000 100,000
รวมรายรับ 5,300,000 1,100,000

หมายเหตุ

  • ยอดขายห้องพัก รายได้จากการขายห้องพักให้กับลูกค้า รวมถึงการจองห้องพักล่วงหน้า
  • ร้านอาหารและบาร์ รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารและบาร์ในโรงแรม
  • การจัดงานและประชุม รายได้จากการให้บริการจัดงานและประชุมให้กับลูกค้า
  • บริการอื่นๆ รายได้จากบริการอื่นๆ ที่โรงแรมให้กับลูกค้า เช่น บริการซักรีด บริการอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

หมายเหตุ

  • รายจ่ายของธุรกิจโรงแรมอาจมีอยู่หลายรายการที่ไม่ได้แสดงทั้งหมด และจำนวนเงินที่แสดงอาจจะไม่เป็นข้อมูลที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของธุรกิจในแต่ละที่ การจัดทำ comparison table เพื่อวิเคราะห์กำไรหรือขาดทุนของธุรกิจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาครบถ้วนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

อาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีหลากหลายและมีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมอาจประกอบด้วย

  1. พนักงานต้อนรับและแม่บ้าน พนักงานที่ต้อนรับและดูแลผู้มาเยือนที่โรงแรม และแม่บ้านที่ดูแลความสะอาดของห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางในโรงแรม

  2. พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม พนักงานในร้านอาหารและบาร์ในโรงแรมที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ

  3. พนักงานฝ่ายขายและการตลาด พนักงานที่รับผิดชอบในการขายห้องพักและบริการในโรงแรม รวมถึงวางแผนกลยุทธ์การตลาด

  4. พนักงานฝ่ายการเงิน พนักงานที่รับผิดชอบในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องการเงิน การเรียกเก็บเงิน และการชำระเงินในโรงแรม

  5. พนักงานฝ่ายบุคคลและการบริหาร พนักงานที่ดูแลเรื่องการจ้างงาน การฝึกอบรม และบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในโรงแรม

  6. พนักงานฝ่ายเทคนิคและซ่อมบำรุง พนักงานที่ดูแลเรื่องซ่อมบำรุงและการดูแลทางเทคนิคของอาคารและอุปกรณ์ในโรงแรม

  7. พนักงานฝ่ายจัดการอาหารและเครื่องดื่ม พนักงานที่ดูแลเรื่องจัดการความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ การสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่ม

  8. พนักงานฝ่ายก่อสร้างและออกแบบ พนักงานที่มีหน้าที่ในการออกแบบและก่อสร้างสถาปัตยกรรมของโรงแรม

  9. พนักงานฝ่ายการตรวจสอบความปลอดภัย พนักงานที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยในโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว

  10. พนักงานฝ่ายการบริการลูกค้า พนักงานที่ให้ความช่วยเสียงแก่ลูกค้าและตอบคำถามที่เกี่ยวกับการเข้าพักและบริการในโรงแรม

หมายเหตุ สำหรับธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน อาจมีอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกแสดงในรายการข้างต้น ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของธุรกิจในแต่ละที่ และขึ้นอยู่กับต้องการและที่จ้างงานของธุรกิจเป็นอย่างไร

วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย

การวิเคราะห์ SWOT คือการวิเคราะห์ข้อแข็งและข้ออ่อน (Strengths and Weaknesses) ของธุรกิจภายใน และโอกาสและอุปสรรค (Opportunities and Threats) ภายนอก ของธุรกิจนั้น ๆ เพื่อให้เข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ดังนี้

1. ข้อแข็ง (Strengths)

  • ตำแหน่งที่ตั้งที่ดี โรงแรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมและใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง สามารถดึงดูดลูกค้าที่ต้องการเข้าชมและพักผ่อนในพื้นที่นั้น ๆ

  • บริการคุณภาพ โรงแรมที่มีบริการคุณภาพดี เช่น บริการห้องพักที่สะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาหารที่อร่อย สามารถสร้างพฤติกรรมการเชื่อมโยงกับลูกค้าที่มีความพึงพอใจและกลับมาอย่างยากลำบาก

  • สิ่งอำนวยความสะดวก โรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจ เช่น สระว่ายน้ำ สปา ศูนย์ออกกำลังกาย เป็นต้น สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพักผ่อนและมีประสบการณ์ที่น่าจดจำ

2. ข้ออ่อน (Weaknesses)

  • ความขัดแย้งในการบริหารจัดการ การบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสมหรือขัดแย้งกันอาจส่งผลให้คุณภาพของบริการลดลง และส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า

  • ข้อจำกัดทางการเงิน ธุรกิจโรงแรมอาจมีข้อจำกัดในการให้บริการหรือพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากข้อจำกัดทางการเงิน

  • ความผันผวนในอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมโรงแรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าอาจมีแนวโน้มเลือกใช้บริการจากโรงแรมที่เป็นแบรนด์ใหม่ ๆ หรือโรงแรมที่เสนอแพ็กเกจพิเศษ

3. โอกาส (Opportunities)

  • การเพิ่มยอดขายในตลาดเปิดตัวใหม่ โรงแรมสามารถขยายกลุ่มลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ในตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังเปิดตัวและมีอัตราการเติบโตที่ดี

  • การเสริมสร้างแบรนด์และการตลาด การสร้างและเสริมสร้างแบรนด์ที่น่านับถือและการทำการตลาดอย่างมืออาชีพสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและกลุ่มลูกค้า

  • ส่วนลดและโปรโมชั่น การให้ส่วนลดพิเศษหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ อาจช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขาย

4. อุปสรรค (Threats)

  • การแข่งขันในอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมโรงแรมมีการแข่งขันที่สูง ทั้งจากโรงแรมในประเทศและโรงแรมต่างประเทศ ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดในเรื่องราคาและคุณภาพ

  • สภาพแวดล้อมทางการเมือง สภาพแวดล้อมทางการเมือง เช่น ภัยธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของโรงแรม

  • ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงในนโยบายหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้ธุรกิจโรงแรมเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจ และช่วยให้ธุรกิจมีแผนการตอบโต้ที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ที่ควรรู้

นี่คือ 10 คำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยที่ควรรู้

  1. โรงแรม (Hotel) คำอธิบาย สถานประกอบการที่ให้บริการห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในระยะยาวหรือระยะสั้น

  2. ห้องพัก (Room) คำอธิบาย พื้นที่ในโรงแรมที่ให้บริการให้ลูกค้าพักอาศัยตามระยะเวลาที่กำหนด

  3. การจอง (Reservation) คำอธิบาย กระบวนการให้บริการลูกค้าที่ต้องการจองห้องพักล่วงหน้า

  4. แพ็คเกจ (Package) คำอธิบาย การเสนอข้อเสนอที่รวมเป็นแพ็คเกจในราคาที่คุ้มค่า ตัวอย่างเช่น แพ็คเกจท่องเที่ยว แพ็คเกจส่วนลด ฯลฯ

  5. การเช็คอิน (Check-in) คำอธิบาย กระบวนการที่ลูกค้าเข้ามาเช่าห้องพักและทำการลงทะเบียนที่โรงแรม

  6. การเช็คเอาท์ (Check-out) คำอธิบาย กระบวนการที่ลูกค้าออกจากห้องพักและชำระเงินค่าบริการก่อนออกจากโรงแรม

  7. สถานที่ท่องเที่ยว (Tourist Attractions) คำอธิบาย สถานที่หรือจุดท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

  8. ร้านอาหาร (Restaurant) คำอธิบาย สถานที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรม

  9. สวนสำหรับผ่อนคลาย (Relaxation Spa) คำอธิบาย สถานที่ให้บริการสปาและการผ่อนคลายในโรงแรม

  10. บริการซับพอร์ท (Room Service) คำอธิบาย บริการให้อาหารและเครื่องดื่มในห้องพักของลูกค้าในโรงแรม

คำศัพท์เหล่านี้เป็นสำคัญในธุรกิจโรงแรม และควรรู้ในการทำงานและการให้บริการลูกค้าในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

ธุรกิจ โรงแรมในประเทศไทย ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่

การเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่อการจดทะเบียนและการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ สิ่งที่ต้องจดทะเบียนและดำเนินการคือ

  1. จดทะเบียนธุรกิจ (Business Registration) ต้องลงทะเบียนธุรกิจโรงแรมกับสำนักงานส่วนท้องถิ่นที่ตั้งโรงแรม ซึ่งต้องมีสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ

  2. ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Business License) ควรขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการท่องเที่ยว หรืออาจเป็นอำเภอที่ตั้งโรงแรม

  3. รับรองสิทธิบัตร (Hotel License) หากโรงแรมมีห้องพักเกินกว่าจำนวนที่กำหนดโดยกฎหมาย (ที่มีห้องพักตั้งแต่ 20 ห้องขึ้นไป) ต้องขอรับรองสิทธิบัตรจากกรมการท่องเที่ยว

  4. การขอใบอนุญาตสำหรับอาคาร (Building Permit) ถ้ามีการสร้างหรือปรับปรุงอาคารสำหรับใช้เป็นโรงแรม ต้องขอใบอนุญาตสำหรับอาคารจากเทศบาลท้องถิ่น

  5. การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility License) หากมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น สระว่ายน้ำ สปา ห้องออกกำลังกาย ต้องขอใบอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เทศบาล

  6. การขอใบอนุญาตสำหรับขายเครื่องดื่มและอาหาร (Alcohol and Food License) หากโรงแรมต้องการขายเครื่องดื่มและอาหาร ต้องขอใบอนุญาตสำหรับการขายเครื่องดื่มและอาหารที่เทศบาลท้องถิ่น

  7. การลงทะเบียนหน่วยงานการเกี่ยวข้อง (Registration with Relevant Authorities) ต้องทำการลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการท่องเที่ยว หรืออาจเป็นอำเภอที่ตั้งโรงแรมเพื่อประสานงานและรับข้อมูลต่าง ๆ

การจดทะเบียนและการขอใบอนุญาตเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและมีสิทธิในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

บริษัท ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย เสียภาษีอย่างไร

ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยต้องเสียภาษีหลายประเภทตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax – VAT) โรงแรมที่มีรายได้ทางธุรกิจมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ที่จ่ายที่อัตรา 7% ตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกฎหมายและมีการยกเว้นบางกรณีเช่น การให้บริการที่ตัวแทนอาหารและเครื่องดื่มในบริเตน รวมถึงบริการให้กับบริษัทต่างประเทศที่ได้รับยกเว้นตามพระราชบัญญัติการควบคุมกิจการของคนต่างด้าว (BOI)

  2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) ธุรกิจโรงแรมเป็นนิติบุคคลต้องเสียภาษีเงินได้ตามอัตราที่กำหนดโดยกฎหมายภาษีเงินได้ ซึ่งอัตราภาษีขึ้นอยู่กับกำไรที่ทำได้

  3. อากรโรงแรม (Hotel Specific Business Tax) ธุรกิจโรงแรมต้องเสียอากรโรงแรม ณ ที่จ่ายที่อัตรา 0.3% ของราคาห้องพักและบริการอื่น ๆ ในโรงแรม (ทั้งนี้ ต้องมีราคาห้องพักไม่น้อยกว่า 1,000 บาทต่อคืบหน้า)

  4. อากรห้องพักนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Withholding Tax for Foreign Tourists) หากมีลูกค้าท่องเที่ยวต่างชาติมาพักผ่อนในโรงแรม โรงแรมต้องเสียอากรห้องพักให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอัตราที่กำหนดโดยกฎหมาย

  5. ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax for Alcohol) หากโรงแรมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องเสียภาษีสรรพสามิตอัตราที่กำหนดโดยกฎหมาย

โปรดทราบว่ารายละเอียดและอัตราภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายและข้อกำหนดที่มีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาต่าง ๆ การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องและสามารถปรับตัวตามกฎหมายเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกเก็บภาษีและค่าปรับที่เกิดขึ้นได้

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )