รับทำบัญชี.COM | ค่าเสื่อมราคาหักออกจากบัญชีสินทรัพย์โดยตรง?
Click to rate this post! [Total: 61 Average: 5]ค่าเสื่อ […]
อัตราค่าเสื่อมราคา อัตราค่าเสื่อมเป็นการลดมูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งใช้ในการคำนวณค่าสินค้าคงเหลือหลังจากการใช้งานหรือการสภาพการใช้งานลดลง ค่าเสื่อมมากขึ้นเมื่อทรัพย์สินหรือสินค้าใช้งานมากขึ้น อัตราค่าเสื่อมเป็นส่วนหนึ่งของการบัญชีและการบริหารทรัพย์สิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินค่าสินทรัพย์ในงบการเงินของบริษัทและการจัดการทรัพย์สินในระยะยาว
มีหลายวิธีในการคำนวณค่าเสื่อม แต่วิธีที่ใช้มากที่สุดคือวิธีเสถียรภาพและการลดมูลค่าเสื่อมเป็นสัดส่วนคงที่ (Straight-Line Depreciation) และวิธีเสถียรภาพและการลดมูลค่าเสื่อมเป็นสัดส่วนตามหนึ่งหรือกลุ่ม (Declining Balance Depreciation) นี่คือวิธีการคำนวณค่าเสื่อมสำหรับแต่ละวิธี:
วิธีเสถียรภาพและการลดมูลค่าเสื่อมเป็นสัดส่วนคงที่เหมาะสำหรับการบัญชีที่มีการบันทึกค่าเสื่อมในงบบัญชีทุกปีเป็นจำนวนเท่ากัน ส่วนวิธีเสถียรภาพและการลดมูลค่าเสื่อมเป็นสัดส่วนตามหนึ่งหรือกลุ่มเหมาะสำหรับการบัญชีที่ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นในปีแรกและลดลงในปีต่อมา
ค่าเสื่อมที่คำนวณจะถูกบันทึกในงบบัญชีของบริษัทเป็นรายปีและมีผลต่อรายงานการเงินและการประเมินค่าสินทรัพย์ของบริษัทในเวลาที่กำหนด คุณควรปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับท้องถิ่นเมื่อคำนวณและบันทึกค่าเสื่อมของทรัพย์สินหรือสินค้าในธุรกิจของคุณเพื่อประโยชน์ของการบริหารทรัพย์สินและงบการเงินที่ถูกต้องและครบถ้วน
อัตราค่าเสื่อมราคาหรืออัตราการเสื่อมค่า (Depreciation Rate) เป็นอัตราที่ใช้ในการประเมินค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินต่าง ๆ ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ อัตราค่าเสื่อมราคาสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก คือ:
ปีที่ 1: 100,000 / 5 = 20,000 บาท
ปีที่ 2: 20,000 บาท
ปีที่ 3: 20,000 บาท
ปีที่ 4: 20,000 บาท
ปีที่ 5: 20,000 บาท
ปีที่ 1: 100,000 x 20% = 20,000 บาท
ปีที่ 2: (100,000 – 20,000) x 20% = 16,000 บาท
ปีที่ 3: (100,000 – (20,000 + 16,000)) x 20% = 12,800 บาท
ปีที่ 4: (100,000 – (20,000 + 16,000 + 12,800)) x 20% = 10,240 บาท
ปีที่ 5: (100,000 – (20,000 + 16,000 + 12,800 + 10,240)) x 20% = 8,192 บาท
ค่าเสื่อมราคาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและอัตราการเสื่อมค่าอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทของทรัพย์สิน ควรปรึกษากฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องหรือพบคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือผู้คิดค้นระบบบัญชีในองค์กรของคุณเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องสำหรับทรัพย์สินที่คุณมี
หากคุณต้องการคิดค่าเสื่อมราคาในแบบคงสภาพที่อัตราการเสื่อมค่าเป็น 20% ต่อปี สามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้:
นำขั้นตอนที่ 2 มาทำซ้ำเพื่อคิดค่าเสื่อมราคาในปีต่อๆ ไปจนกว่าจะครบอายุการใช้งานที่กำหนดไว้หรือจนกว่าค่าเสื่อมราคาจะเป็นศูนย์ โดยในแต่ละปีค่าเสื่อมราคาจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่มีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นอีกต่อไป
วิธีคิดค่าเสื่อมราคาต่อปีในแบบคงสภาพ (Straight-Line Depreciation) คือการแบ่งจำนวนค่าเสื่อมราคาเท่าๆ กันในแต่ละปีที่กำหนด โดยใช้สูตรดังนี้:
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (ราคาซื้อ – มูลค่าสิ่งเสื่อมครอง) / อายุการใช้งานที่คาดว่าจะเสื่อมค่าได้ (ปี)
ตัวอย่าง: ถ้าทรัพย์สินมีราคาซื้อเป็น 100,000 บาท และมีอายุการใช้งานที่คาดว่าจะเสื่อมค่าได้เป็น 5 ปี
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (100,000 – 0) / 5 = 20,000 บาท
ดังนั้น ค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีจะเป็น 20,000 บาท จนกว่าจะครบรอบอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี
วิธีคิดค่าเสื่อมราคาแบบเส้นตรง (Straight-Line Depreciation) เป็นการแบ่งจำนวนค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีเท่าๆ กันจนกว่าจะครบรอบอายุการใช้งานที่กำหนด โดยใช้สูตรดังนี้:
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (ราคาซื้อ – มูลค่ารับคืน) / อายุการใช้งาน (ปี)
ตัวอย่าง: ถ้าทรัพย์สินมีราคาซื้อเป็น 100,000 บาท และมูลค่ารับคืนหลังจากการเสื่อมค่าเป็น 20,000 บาท และอายุการใช้งานที่กำหนดไว้คือ 5 ปี
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (100,000 – 20,000) / 5 = 16,000 บาท
ดังนั้น ค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีจะเป็น 16,000 บาท จนกว่าจะครบรอบอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี
ค่าเสื่อมราคาเป็นการลดมูลค่าของทรัพย์สินตามเวลาเนื่องจากการใช้งานหรือสภาพสิ่งของที่เสื่อมสภาพไป โดยมีรายการค่าเสื่อมราคาที่พบบ่อยได้แก่:
ค่าเสื่อมราคาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินตามเวลา โดยการใช้วิธีคิดค่าเสื่อมราคาที่เหมาะสมสามารถช่วยในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของธุรกิจหรือองค์กรได้อย่างถูกต้องและสมเหตุสมผล.
วิธีคิดค่าเสื่อมราคาเป็นเปอร์เซ็นต์สามารถทำได้โดยใช้สูตรดังนี้:
ตัวอย่าง: ถ้าทรัพย์สินมีราคาซื้อเป็น 100,000 บาท และเปอร์เซ็นต์ค่าเสื่อมราคาที่กำหนดเป็น 10%
ค่าเสื่อมราคา = 100,000 x 10% = 10,000 บาท
ดังนั้น ค่าเสื่อมราคาในกรณีนี้จะเป็น 10,000 บาท
การคิดค่าเสื่อมราคาเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นวิธีที่ใช้ง่ายและสามารถประยุกต์ใช้กับทรัพย์สินในลักษณะที่มีการเสื่อมสภาพเป็นค่าเปอร์เซ็นต์แบบเส้นตรง อย่างได้เช่น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการคิดเสื่อมราคาเป็นเปอร์เซ็นต์อาจไม่เหมาะสมกับทรัพย์สินที่มีลักษณะการเสื่อมสภาพที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตามเวลา เช่น อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ที่มีอายุการใช้งานที่ไม่แน่นอน หรือสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าเข้ามาเติมเต็มในอนาคต ในกรณีเช่นนี้ อาจต้องใช้วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นเพื่อประเมินค่าเสื่อมราคาที่ถูกต้อง ควรปรึกษากฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและแนะนำในกรณีพิเศษเหล่านี้
การหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาตามวิธี Initial Method หรือการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเบื้องต้น ณ วันที่ได้รับทรัพย์สินนั้นมามีหลักเกณฑ์ดังนี้
การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามวิธี Initial Method หรือการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเบื้องต้น ณ วันที่ได้รับทรัพย์สินนั้นมา เป็นวิธีผสมผสานวิธีหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาตามวิธีปกติเข้ากับหลักเกณฑ์พิเศษที่ยอมให้หักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาในทันทีที่ได้รับทรัพย์สินนั้นมา
โดยที่ยังไม่ต้องมีการใช้ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งก่อน ซึ่งมักกำหนดเป็นอัตราร้อยละของมูลค่าต้นทุนที่ได้มาซึ่งทรัพย์สินนั้น เช่น ร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน หมายความว่า ณ วันที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับทรัพย์สินนั้นๆ มา และทรัพย์สินนั้นพร้อมที่ใช้งานได้แล้ว
กฎหมายยอมให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา เบื้องต้น ณ วันที่ได้รับทรัพย์สินนั้นมาได้ทันทีร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน (สมมติ 1,000,000 บาท) ก็จะได้จำนวนค่าเสื่อมราคาตามวิธี Initial Method ในวันที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาจำนวน 400,000 บาท สำหรับมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท ให้นำไปหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามวิธีปกติเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีต่อไป
+++ สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการหักค่าเสื่อมราคา (จากประมวลรัษฎากร)…มีดังนี้ +++
– ทรัพย์สินทุกประเภทของกิจการโดยสภาพของทรัพย์สินนั้นมีการสึกหรอเสื่อมราคาได้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลย่อมนำมาหักค่าสึกหรอค่าเสื่อมราคาเพื่อถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ นอกจากที่ดินและสินค้ากฎหมายห้ามมิให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
– เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาโดยใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไปและอัตราที่จะหัก อัตราการหัก
– การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้คำนวณหักตามระยะเวลาที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาในรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีไม่เต็ม 12 เดือน ให้เฉลี่ยหักตามส่วนสำหรับบัญชีนั้น
– ทรัพย์สินประเภทรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคน หรือรถยนต์นั่ง ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุนเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1,000,000 บาท สำหรับมูลค่าต้นทุนทิ่เกิน 1,000,000 บาท จะนำมาหักไม่ได้ ( ไม่ว่าจะซื้อราคาที่สูงกว่า 1 ล้านบาท เช่น 2 ล้าน หรือ 10 ล้าน ก็สามารถคำนวณเป็นค่าสึกหรอได้สูงสุดที่ 1 ล้านบาท ให้คิดเฉลี่ยเพียงปีละ 20% )
การคิด ค่าเสื่อมราคาวิธีคิดค่าเสื่อมราคา มีกี่วิธี
เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีการซื้อสินทรัพย์เข้ามาใช้งานภายในกิจการ เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานให้สะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นอาคาร เครื่องใช้สำนักงาาน ยานพาหนะ เครื่องจักร เมื่อสินรอบระยะเวลาบัญชีกิจการจะต้องคิดค่าเสื่อมราคาและค่าสึกหรอของสินทรัพย์ ซึ่งตามหลักของบัญชีการคิดค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์มีหลายวิธีในการคิดด้วยกัน หารหักค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์จะถือเป็นค่าใช้จ่ายมในการดำเนินงาน เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่กอนอื่นเรามาทราบความหมายของค่าเสื่อมราคาดังนี้ ค่าเสื่อมราคา คือ ส่วนของสินทรัพย์ถาวรของกิจการเมื่อกิจการได้ซื้อหรือนำเข้ามาใช้ในกิจการแล้วมีการเสื่อมสภาพหรือมูลค่า ลดลง กิจการต้องตัดส่วนนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละรอบระยะบัญชี เมื่อแสดงมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรตามสภาพที่แท้จริงในแต่ละงวดบัญชี หรือเป็นการปรับส่วนของมูลค่าที่เสื่อมสภาพในสินรัพย์โดยโอนไปเป็นค่าใช้จ่ายตลอกอายุการใช้งานของสินทรัพย์นั้นตามระยะเวลาที่กิจการคาดหมายว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ การคิดค่าเสื่อมราคาเป็นการตีราคามูลค่าของสินทรัพยืที่เสื่อมสภาพส่วนที่ตัดเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตลอดอายุการใช้งานที่ได้ประมาณการไว้ สินทรัพย์ที่มีการเสื่อมสภาพจะประกอบด้วยสินทรัพย์ที่
– คาดว่าจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่าหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี และ
– มีอายุการใช้งานจำกัด และ
– กิกจารมีไว้เพื่อใช้ในการผลิต ในการขายสินค้าและบริการ ให้เช่า หรือใช้ในการบริหารงาน หลักเกณฑ์การหักค่าเสื่อมราคาสำหรับสินทรัพยืไม่ว่ากรณีใด จะหักจนหมดมูลค่าต้นทุนของสินทรัพย์นั้นไม่ได้ เป็นประเด็นเงื่อนไขที่สำคัญมีดังนี้ การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อราคา หลักเกณฑ์การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามประมวลรัษฎากรได้กำหนดการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
เพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีทีได้รับรองโดยทั่วไป และอัตราที่ได้หักอย่างใดแล้ว ให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายและให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น
โดยปกติแล้วการคำนวณหักค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ในทางบัญชีไม่มีกำหนดอัตราค่าเสื่อมราคาเอาไว้ แต่จะใช้วิธีการประมาณการอายุการใช้งานว่าสินทรัพย์นั้นจะมีอายุการใช้งานกี่ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยุ้กับวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาด้วย ส่วนใหญ่กิจการโดยทั่วไปจะนิยมใช้วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาด้วยใวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาในอัตราคงที่ “ตามวิธีเส้นตรง” การคิดค่าเสื่อมราคาวิธีการนี้เหมาะกับสินทรัพย์ที่มีการเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลามากกว่าเสื่อมสภาพเพราะการใช้งาน แต่เป็นการเสื่อมสภาพเท่ากันทุกปี ซึ่งสินทรัพย์ที่จะเสื่อมสภาพเท่ากันทุกปีมักไม่ได้เกิดขึ้นในทุกกิจการมากนัก หลักเกณฑ์ที่จะต้องคำนึงถึง คือ
ได้ค่ะ อายุการใช้งาน 3 ปี ถือว่าเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.
We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.
Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.