บ้านเรามีการจัดตั้งธุรกิจหลากหลาย ประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เป็นเจ้าของคนเดียว หรือจัดตั้งร่วมกับผู้อื่นที่อยู่ใน
รูปแบบห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับเงินลงทุนและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง โดย “ห้างหุ้นส่วน” นั้นเป็นการจัดตั้งธุรกิจโดยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นเจ้าของและมีผลประโยชน์ต่าง ๆ ในกิจการร่วมกัน มีบัญชีทุนหุ้นส่วนแยกแสดงส่วนได้ส่วนเสียของแต่ละบุคคล การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนนั้นมีอยู่ 3 ประเภท การจัดตั้งห้างหุ้นส่วน คือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ,
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล และห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งเมื่อบุคคลสองคนได้ตกลงกันที่จะดำเนินกิจการร่วมกัน และจำเป็นจะต้องมีการลงทุนแรกเริ่มของห้างหุ้นส่วน โดยหุ้นส่วนทั้งสองคนนั้นจะต้องนำเงินหรือทรัพย์สิน หรือเงินและทรัพย์สินอื่นมาลงทุนเพื่อร่วมดำเนินกิจการด้วยกัน โดยการลงทุนเป็นเงินสด ,ลงทุนด้วยทรัพย์สิน หรือลงทุนด้วยเงินสดและทรัพย์สิน การทำบัญชีของห้างหุ้นส่วน ในกิจการห้างหุ้นส่วน ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนอาจลงทุนไม่เท่ากัน ทำให้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการไม่เท่ากัน หรืออาจมีการกำหนดอัตราส่วนแบ่งกำไรขาดทุนไม่เท่ากัน จากการบันทึกส่วนได้ส่วนเสียของผู้เป็นหุ้นส่วน จึงจำเป็นอาจจะต้องแยกบัญชีของแต่ละคน โดยเรียกว่า
บัญชีทุนหุ้นส่วน ซึ่งมี 2 วิธีคือ วิธีทุนคงที่ ซึ่งห้างหุ้นส่วนจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงในส่วนทุนของหุ้นส่วนที่มีลักษณะถาวรอย่าง เงินลงทุนเริ่มแรก และการเพิ่มทุน หรือการลดทุน ไว้ในบัญชีทุนหุ้นส่วน ส่วนการรับส่วนแบ่งผลจากการดำเนินงาน เงินเดือน ดอกเบี้ย โบนัส ฯลฯ จะบันทึกไว้ในบัญชีกระแสทุน และวิธีทุนเปลี่ยนแปลงโดยห้างหุ้นส่วนจะทำการบันทึกการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เป็นทุนของหุ้นส่วนทุกรายการ อย่างเงินลงทุนเริ่มแรก การเพิ่มและการลดทุน ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนเงินเดือน หุ้นส่วน ดอกเบี้ยเงินทุน โบนัสหุ้นส่วน ฯลฯ โดยลงไว้ในบัญชีทุนบัญชีเดียว สิทธิประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ และหากไม่ได้ทำข้อตกลง กฎหมายจะบังคับให้แบ่งผลตอบแทนตามสัดส่วนของการลงทุน ส่วนดอกเบี้ยเงินทุนที่ห้างหุ้นส่วนอาจคิดดอกเบี้ยเงินทุน ให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนโดยแบ่งจากกำไรขาดทุน ทั้งนี้ ดอก เบี้ยทุนนี้ จะไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายแต่อาจจะถือเป็นเกณฑ์ของการแบ่งกำไรขาดทุนให้แก่หุ้นส่วน กำไรขาดทุนที่เหลืออาจแบ่งกันตามอัตราส่วนที่หุ้นส่วนตกลงกันไว้ล่วงหน้าโดยการคิดดอกเบี้ยทุน ตามข้อตกลงต้อง ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจกู้ยืมเงินระหว่างกันดอกเบี้ยเงินกู้ที่จ่ายให้
หุ้นส่วน และดอกเบี้ยที่ได้จากการที่ให้เงินหุ้นส่วนของแต่ละคนกู้เงินไปใช้ การให้เงินเดือนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วน จะต้องมีข้อตกลงไว้ในสัญญา และถือเป็นการแบ่งผลการดำเนินงานในรูปของเงินเดือน และห้างหุ้นส่วนอาจตอบแทนหุ้นส่วนที่บริหารงานให้ในรูปของโบนัส หากถือว่าโบนัสเป็นเกณฑ์หนึ่งในการจัดสรรแบ่งกำไร ที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย มักจะคำนวณโบนัสจากกำไรสุทธิก่อนทำการหักโบนัส