การเก็บรักษาใบกำกับภาษี เอกสารหลักฐานอื่น รายงานภาษีซื้อ
การจัดเก็บใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 หรือใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/5 เฉพาะที่มีลักษณะเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพสามิต และเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับรายงานภาษีซื้อ ให้เก็บเรียงลำดับและตรงตามรายงาน ณ สถานประกอบการที่จัดทำใบกำกับภาษีไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ทำรายงาน
– แยกเป็นรายเดือนภาษีที่ลงรายการในรายงานภาษีซื้อ
– เรียงลำดับใบกำกับภาษีที่ได้รับ
– เลขที่กำกับใบสำคัญดังกล่าวเรียงขึ้นใหม่ทางด้านบนขวาของใบสำคัญนั้นๆ
ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) เป็นเอกสารทางธุรกิจที่ใช้ในการยืนยันการซื้อขายสินค้าหรือบริการระหว่างธุรกิจและลูกค้าโดยมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีอื่น ๆ รวมถึงข้อมูลทางธุรกิจสำคัญอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลดังนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย (บริษัทหรือร้านค้า)
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ (บริษัทหรือลูกค้า)
- หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (Taxpayer Identification Number) ของผู้ขายและผู้ซื้อ
- เลขที่ใบกำกับภาษี (Invoice Number) และวันที่ออกใบกำกับภาษี
- รายการสินค้าหรือบริการที่ขาย (รายละเอียดของสินค้าหรือบริการ จำนวน ราคาต่อหน่วย รวมราคารวม)
- อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจำนวนเงินภาษีที่เรียกเก็บ
- ราคารวมทั้งสิ้น (ราคารวมสินค้าหรือบริการรวมกับภาษี)
- เงื่อนไขการชำระเงิน (วันที่ครบกำหนดการชำระเงิน)
- ลายเซ็นผู้รับรอง (หากจำเป็น)
- ข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจจำเป็นตามกฎหมายหรือระเบียบท้องถิ่น
ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารทางธุรกิจที่สำคัญในการบริหารจัดการภาษีและการเงินของธุรกิจ และผู้ประกอบการต้องสร้างและเก็บรักษาใบกำกับภาษีไว้อย่างเรียบร้อยตามกฎหมายเพื่อให้สามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่ภาษี หรือหน่วยงานทางภาษีตรวจสอบได้เมื่อจำเป็น การออกใบกำกับภาษีเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเสียภาษีและการบริหารธุรกิจอย่างถูกต้องในประเทศที่มีระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีที่เกี่ยวข้องคล้ายกัน