สูตรหา ทุนปลายปี วิธีคำนวณหา ทุนปลายปี
ทุนปลายปี = สินทรัพย์ปลายปี – หนี้สินปลายปี
การสร้างบัญชีหาทุนในปลายปีเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการเงินของคุณ นี่คือสูตรบัญชีง่ายๆ ที่คุณสามารถใช้
1. บัญชีรายรับ (Income Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกรายได้ทั้งหมดที่คุณรับเข้ามาในปี, เช่น เงินเดือน, รายได้จากธุรกิจ, รายได้จากการลงทุน, รายได้จากงานพิเศษ, และอื่นๆ.
2. บัญชีรายจ่าย (Expense Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกรายจ่ายทั้งหมดที่คุณจ่ายออกในปี, เช่น ค่าเช่า, ค่าน้ำ-ค่าไฟ, ค่าอาหาร, ค่าการศึกษา, ค่าตอบแทนหนี้, และอื่นๆ.
3. บัญชีออม (Savings Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดเงินที่คุณออมหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด และเงินที่คุณตั้งเป้าหมายที่จะออมในปลายปี.
4. บัญชีลงทุน (Investment Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดเงินที่คุณลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้เงินของคุณเติบโต, เช่น การลงทุนในหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, หรือกองทุนรวม.
5. บัญชีหนี้ (Debt Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดหนี้ที่คุณต้องการชำระออกในปี, เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อรถ, หรือสินเชื่อบ้าน.
6. บัญชีค่าใช้จ่ายสำรอง (Emergency Fund Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดเงินที่คุณสร้างขึ้นเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วยหรือค่าซ่อมบำรุงที่ไม่คาดคิด.
7. บัญชีเพื่อการลงทุนยามโอกาส (Opportunity Investment Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดเงินที่คุณสร้างขึ้นเพื่อใช้ในโอกาสการลงทุนที่มีราคาพิเศษหรือโอกาสที่มา.
8. บัญชีสำหรับเป้าหมายโดยเฉพาะ (Specific Goal Account)
- ในบัญชีนี้, บันทึกยอดเงินที่คุณตั้งเป้าหมายที่จะใช้ในโครงการหรือเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การซื้อบ้าน, การศึกษาลูก, การเดินทาง, หรืออื่นๆ.
การจัดทำบัญชีแบบนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงสถานการณ์การเงินของคุณอย่างชัดเจน และช่วยในการวางแผนการออมหรือการลงทุนในปลายปี เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายการเงินของคุณได้ในอนาคต.
นี่คือตัวอย่างของบัญชีการเงินที่คุณสามารถใช้ในการหาทุนปลายปี
1. บัญชีรายรับ (Income Account)
- มกราคม ศึกษางานเสริม, รายได้ 5,000 บาท
- กุมภาพันธ์ เงินเดือน, รายได้ 30,000 บาท
- มีนาคม รายได้จากการลงทุน, รายได้ 2,000 บาท
2. บัญชีรายจ่าย (Expense Account)
- มกราคม ค่าเช่า, ค่าน้ำ-ค่าไฟ, ค่าอาหาร, ค่าใช้จ่ายทั่วไป, รายจ่ายรวม 15,000 บาท
- กุมภาพันธ์ ค่าเสื่อมราคา, ค่าจดทะเบียนรถ, ค่าซ่อมบำรุง, รายจ่ายรวม 8,000 บาท
- มีนาคม ค่าการศึกษา, รายจ่ายรวม 10,000 บาท
3. บัญชีออม (Savings Account)
- มกราคม ออมเงิน 5,000 บาท
- กุมภาพันธ์ ออมเงินเพิ่ม 10,000 บาท
- มีนาคม ออมเงินเพิ่ม 7,000 บาท
4. บัญชีลงทุน (Investment Account)
- มกราคม ลงทุนในหุ้น ABC, รายได้จากลงทุน 2,000 บาท
- กุมภาพันธ์ ลงทุนในกองทุนรวม XYZ, รายได้จากลงทุน 3,500 บาท
- มีนาคม ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, รายได้จากลงทุน 4,000 บาท
5. บัญชีหนี้ (Debt Account)
- มกราคม สินเชื่อบัตรเครดิต, การชำระหนี้ 2,000 บาท
- กุมภาพันธ์ สินเชื่อรถ, การชำระหนี้ 5,000 บาท
- มีนาคม สินเชื่อบ้าน, การชำระหนี้ 8,000 บาท
6. บัญชีค่าใช้จ่ายสำรอง (Emergency Fund Account)
- มกราคม เพิ่มเงินสำรอง 3,000 บาท
- กุมภาพันธ์ เพิ่มเงินสำรอง 2,000 บาท
- มีนาคม เพิ่มเงินสำรอง 2,500 บาท
7. บัญชีเพื่อการลงทุนยามโอกาส (Opportunity Investment Account)
- มกราคม เพิ่มเงินลงทุนโอกาส 2,000 บาท
- กุมภาพันธ์ เพิ่มเงินลงทุนโอกาส 3,000 บาท
- มีนาคม เพิ่มเงินลงทุนโอกาส 2,500 บาท
8. บัญชีสำหรับเป้าหมายโดยเฉพาะ (Specific Goal Account)
- มกราคม เป้าหมายการศึกษาลูก, รายได้สำหรับเป้าหมาย 10,000 บาท
- กุมภาพันธ์ เป้าหมายการเดินทาง, รายได้สำหรับเป้าหมาย 5,000 บาท
- มีนาคม เป้าหมายการออมเงินเพื่อซื้อบ้าน, รายได้สำหรับเป้าหมาย 15,000 บาท
โดยการบันทึกข้อมูลแบบนี้, คุณสามารถติดตามรายรับ, รายจ่าย, ออม, ลงทุน, หนี้, สำรอง, โอกาสลงทุน, และเป้าหมายการเงินของคุณในรายเดือน ทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินของคุณให้เป็นระบบและหาทุนปลายปีได้อย่างมีประสิทธิภาพ.