การรับรู้มูลค่าและการตัดจำหน่ายของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
การรับรู้มูลค่า สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการซื้อ มักจะสามารถระบุราคาทุนได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อซื้อโดยใช้เงินสด หรือสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงินอื่นๆ
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาพร้อมกับการรวมธุรกิจ จะรับรู้ราคาทุนโดยใช้เกณฑ์มูลค่ายุติธรรม ณ วันที่ซื้อธุรกิจ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการอุดหนุนของรัฐบาล กิจการอาจได้สินทรัพย์ไม่มีตัวตนมาโดยไม่ต้องจ่ายสิ่งตอบแทนใดๆ หรือจ่ายแต่ในนามตามจำนวนที่ระบุไว้ เช่น สิทธิในการนำเครื่องบินลงจอด (Airport landing rights) สิทธิในการดำเนินการสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์ (License to operate radio or television stations) ใบอนุญาตนำเข้า (Import licenses) เป็นต้น
กิจการจะต้องรับรู้ราคาทุนจากมูลค่ายุติธรรม หรือ จำนวนที่จ่ายแต่ในนามบวกกับรายจ่ายโดยตรงที่เกิดขึ้นในการจัดเตรียมสินทรัพย์ให้พร้อมจะใช้ประโยชน์ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยน เป็นการแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ที่ไม่เหมือนกันโดยกิจการต้องใช้ มูลค่ายุติธรรม ของสินทรัพย์ที่ได้มา ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่นำไปแลกปรับปรุงด้วยจำนวนเงินสดหรือเทียบเท่าเงินสดที่กิจการต้องโอนหรือรับโอนอันเนื่องมาจากการแลกเปลี่ยนนั้น สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายใน คือเกิดจากขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ขั้นตอนการวิจัยของโครงการมักไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตนได้เกิดขึ้นและจะก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจในอนาคตแก่กิจการ
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในขั้นการวิจัยจะต้องรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทันที จะไม่รับรู้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ขั้นตอนการพัฒนา ค่าใช้จ่ายที่เกิดในขั้นนี้จะสามารถรับรู้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนได้ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขทั้งสิ้น ๖ ประการ เช่น สามารถแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสามารถพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ เป็นต้น การตัดจำหน่าย หากมองให้ดี จะเห็นว่า วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แท้ที่จริง ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสินทรัพย์ที่มีตัวตนเท่าใดนัก
กล่าวคือ มีการกำหนดราคาทุนที่ได้มา รับรู้เป็นสินทรัพย์ (ยังไม่รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในทันที) จะรับรู้โดยใช้ราคาทุนหรือมูลค่ายุติธรรมก็สุดแท้แต่ความยากง่ายในการหามูลค่าและที่มาของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แล้วทยอยตัดจำหน่ายออกไปตามระยะเวลาที่สินทรัพย์นั้นจะให้ประโยชน์แก่กิจการ
แนวทางในมาตรฐานการบัญชีระบุว่า กิจการต้องปันส่วนค่าเสื่อมสภาพของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอย่างมีระบบตลอดอายุการให้ประโยชน์ที่ได้ประมาณไว้ อายุการให้ประโยชน์ของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนต้องไม่เกิน ๒๐ ปี เป็นเรื่องค่อนข้างยากในการแยกแยะให้ออกว่า สินทรัพย์ชนิดใดเป็น “สินทรัพย์ไม่มีตัวตน” อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการบัญชีได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า
สินทรัพย์รายการใดที่ไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ในความหมายตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งมีดังต่อไปนี้ คือ
๑. สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
๒. สัญญาเช่าระยะยาว
๓. สินทรัพย์ที่เกิดจากผลประโยชน์ของพนักงาน
๔. ค่าความนิยมที่เกิดจากการรวมธุรกิจ
๕. สินทรัพย์ทางการเงินที่อยู่ภายใต้นิยามของมาตรฐานการบัญชีเกี่ยวกับเรื่อง การเปิดเผยข้อมูลสำหรับเครื่องมือทางการเงิน