รับทำบัญชี.COM | ขายเค้กเปิดร้านเบเกอรี่ลงทุนเท่าไร แบบจบๆ?

แผนธุรกิจขายเค้ก

การเริ่มต้นธุรกิจขายเค้กเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเบื้องต้นต่อไปนี้

  1. วางแผนธุรกิจ (Business Planning)
    • กำหนดวัตถุประสงค์และแผนการทำธุรกิจของคุณ รวมถึงกำหนดว่าคุณจะขายเค้กแบบไหน และกำหนดกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าที่คุณต้องการเรียกดูแล
    • วางแผนการเงินเพื่อกำหนดงบประมาณสำหรับธุรกิจของคุณ รวมถึงการรายรับและรายจ่ายที่คาดหวัง
  2. ศึกษาตลาด (Market Research)
    • ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่คุณตั้งร้าน เรียนรู้เกี่ยวกับคู่แข่งและธุรกิจขายเค้กอื่นๆ ที่อาจมีอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
    • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณและตัดสินใจเรื่องการตลาด เช่น ราคา, โปรโมชั่น, และกลยุทธ์การโฆษณา
  3. วางแผนธุรกิจ (Business Plan)
    • รวบรวมข้อมูลจากขั้นตอนก่อนหน้าเพื่อสร้างแผนธุรกิจที่รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์, กลยุทธ์การตลาด, แผนการเงิน, และแผนการบริหาร
  4. การจัดสรรทุน (Funding)
    • พิจารณาวิธีการจัดหาเงินทุนสำหรับธุรกิจของคุณ เช่น ใช้เงินออมส่วนตัว, ขอสินเชื่อธุรกิจ, หรือหานักลงทุน
  5. สร้างแบรนด์ (Branding)
    • ออกแบบโลโก้และแบรนด์ของคุณที่น่าจดจำและน่าสนใจสำหรับร้านขายเค้กของคุณ
  6. หาสถานที่ (Location)
    • เลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับร้านขายเค้กของคุณ ที่ติดอยู่ในพื้นที่ที่คนเดินเล่นมาก หรือใกล้กับลูกค้าเป้าหมายของคุณ
  7. อุปกรณ์และวัตถุดิบ (Equipment and Ingredients)
    • จัดหาอุปกรณ์ทำเค้กและวัตถุดิบที่คุณจะใช้ในการผลิตเค้ก
  8. บริหารการดำเนินธุรกิจ (Business Management)
    • สร้างกระบวนการการทำงานที่เป็นระเบียบเพื่อการผลิตและบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ
    • จัดการการบริหารจัดการการเงินและการตลาดของคุณ
  9. การสร้างเมนู (Menu Development)
    • สร้างเมนูของคุณและกำหนดราคาสินค้า
  10. การรับและบริการลูกค้า (Customer Service)
    • สร้างบรรยากาศและบริการที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขามารับประทานเค้กและกลับมาอีกครั้ง
  11. การเปิดร้านและโปรโมต (Grand Opening and Promotion)
    • เรียกดูและโปรโมตเปิดร้านให้กับลูกค้าในวันแรก
    • สร้างแผนการตลาดออนไลน์และออฟไลน์เพื่อโปรโมตธุรกิจของคุณ
  12. ความปลอดภัยและรับรองมาตรฐาน (Safety and Compliance)
    • รักษามาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตอาหารและการบริการลูกค้า ตรวจสอบว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายสาธารณสุขและมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  13. การบริหารสต๊อกและการจัดส่ง (Inventory Management and Delivery)
    • วางระบบการจัดเก็บสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถดำเนินการร้านของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • หากคุณมีบริการจัดส่งสินค้า กำหนดกระบวนการและรถขนส่งตามที่เหมาะสม
  14. การพัฒนาธุรกิจ (Business Growth)
    • พัฒนาแผนการเพิ่มขนาดธุรกิจของคุณ รวมถึงการเพิ่มสาขาหรือการขยายกลุ่มเป้าหมาย
  15. ติดตามและปรับปรุง (Monitoring and Improvement)
    • ติดตามความสำเร็จของธุรกิจของคุณผ่านการวัดและวิเคราะห์ข้อมูลรายงาน และปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อปรับให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ

อย่าลืมตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และควรรับคำปรึกษาจากทนายความหากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหม

ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจขายเค้ก

นี่คือตารางเปรียบเทียบรายรับและรายจ่ายในธุรกิจขายเค้ก

รายการ รายรับ (บาท) รายจ่าย (บาท)
ยอดขายเค้ก 150,000 บาท
บริการจัดส่ง 10,000 บาท
รายรับรวม 160,000 บาท
วัตถุดิบสำหรับเค้ก 50,000 บาท
ค่าจ้างพนักงาน 30,000 บาท
ค่าเช่าร้านหรือที่ทำงาน 20,000 บาท
ค่าน้ำ/ค่าไฟ 5,000 บาท
ค่าโฆษณาและการตลาด 7,000 บาท
อื่นๆ 3,000 บาท
รายจ่ายรวม 115,000 บาท
กำไรสุทธิ 160,000 บาท 115,000 บาท

โดยที่

  • ยอดขายเค้ก รายรับจากการขายเค้กและผลิตภัณฑ์เสริมทั้งหมดในช่วงเวลาที่ระบุ เช่น 1 เดือนหรือ 1 ปี
  • บริการจัดส่ง รายรับจากบริการจัดส่งสินค้าถึงลูกค้า
  • วัตถุดิบสำหรับเค้ก ค่าใช้จ่ายสำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเค้ก เช่น แป้ง, น้ำตาล, ไข่, เนย, วัตถุปรุงแต่ง, ฯลฯ
  • ค่าจ้างพนักงาน ค่าจ้างสำหรับพนักงานที่ช่วยในกระบวนการผลิตเค้กและการบริการลูกค้า
  • ค่าเช่าร้านหรือที่ทำงาน ค่าเช่าสำหรับพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตและขายเค้ก
  • ค่าน้ำ/ค่าไฟ ค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการทำธุรกิจ
  • ค่าโฆษณาและการตลาด ค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาและการตลาดเพื่อโปรโมตธุรกิจของคุณ
  • อื่นๆ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เช่น ค่าบริการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น

รายรับรวมคือรายรับทั้งหมดที่คุณได้รับในช่วงเวลาที่ระบุ ในที่นี้คือ 160,000 บาท และรายจ่ายรวมคือรายจ่ายทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน คือ 115,000 บาท ซึ่งให้กำไรสุทธิในช่วงนั้นๆ อยู่ที่ 45,000 บาท

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจขายเค้ก

การดำเนินธุรกิจขายเค้กมีความเกี่ยวข้องกับหลายอาชีพและกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จ ดังนี้

  1. ผู้ประกอบการ/เจ้าของร้าน คุณเป็นคนที่เปิดร้านขายเค้กและดูแลธุรกิจอย่างรวดเร็ว คุณต้องจัดการการเลือกส่วนผสม การผลิต การบริการลูกค้า และการบริหารงานต่างๆ ของธุรกิจของคุณ
  2. เชฟเบเกอร์ เชฟเบเกอร์เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการทำเค้กและขนมหวาน และเข้าร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์เค้กที่อร่อยและสวยงาม
  3. พนักงานทำเค้ก พนักงานทำเค้กมีหน้าที่จัดการการผลิตเค้กและขนมหวานอื่นๆ ตามคำสั่งของเชฟเบเกอร์หรือเจ้าของร้าน
  4. พนักงานบริการลูกค้า พนักงานบริการลูกค้าจะดูแลลูกค้าในร้าน รับออร์เดอร์ และให้บริการลูกค้าอย่างดีและเป็นมิตร
  5. ผู้จัดการธุรกิจ ผู้จัดการธุรกิจมีหน้าที่ควบคุมการดำเนินธุรกิจโดยรวม รวมถึงการจัดการทรัพยากรบุคคลและการเงิน
  6. ผู้ประสานงานการตลาด ผู้ประสานงานการตลาดจะช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาด เช่น การโฆษณา การเรียกเก็บเงิน และการสร้างการรับรู้แบรนด์
  7. พนักงานบริหารร้าน พนักงานบริหารร้านจะช่วยดูแลด้านการจัดการสินค้า การจัดสต็อก และการจัดการการเชื่อมโยงในร้าน
  8. พนักงานส่งออร์เดอร์ พนักงานส่งออร์เดอร์จะคอยส่งเค้กและขนมหวานไปยังที่อยู่ที่ลูกค้าต้องการ
  9. ผู้จัดซื้อวัตถุดิบ ผู้จัดซื้อวัตถุดิบต้องเลือกและจัดหาวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับการทำเค้ก
  10. บัญชีและการเงิน บัญชีและผู้เกี่ยวข้องด้านการเงินจะต้องจัดการกับการบัญชีและการเงินของธุรกิจ เช่น การชำระเงินให้กับผู้จัดหาวัตถุดิบและการบันทึกบัญชี
  11. เชิงองค์การและทรัพยากรบุคคล ธุรกิจขนมหวานมากขึ้นอาจต้องจัดการเชิงองค์การและทรัพยากรบุคคลเพื่อรับมือกับการขยายขนาดและการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการเกี่ยวข้องกับกฎหมายเช่น การได้รับใบอนุญาตทางธุรกิจและข้อกำหนดทางสุขภาพและความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งอาจต้องปฏิบัติตามในร้านขายเค้กของคุณด้วยครับ

วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจขายเค้ก

การวิเคราะห์ SWOT คือการทำการวิเคราะห์ความแข็งแกร่ง (Strengths), ความอ่อนแอ (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), และภัยคุกคาม (Threats) ของธุรกิจขายเค้กของคุณ เพื่อให้เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่าง SWOT analysis สำหรับธุรกิจขายเค้กอาจมีดังนี้

ความแข็งแกร่ง (Strengths)

  1. สินค้าคุณภาพสูง เค้กของคุณมีคุณภาพสูงและอร่อยมาก ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้งและแนะนำให้คนอื่นๆ มาลอง
  2. บริการลูกค้าดี คุณมีทีมงานบริการลูกค้าที่เป็นมิตรและเอื้อมเอิบ ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความพึงพอใจและถูกดูแล
  3. ตลาดท้องถิ่น คุณมีลูกค้าท้องถิ่นที่แข็งแกร่งและชอบสินค้าของคุณ ซึ่งช่วยให้คุณมีฐานลูกค้าที่คงที่
  4. ความคิดสร้างสรรค์ คุณสามารถสร้างสรรค์เค้กที่มีรสชาติและดีไซน์ที่พิเศษ ซึ่งทำให้คุณเป็นที่รู้จักในตลาด

ความอ่อนแอ (Weaknesses)

  1. ข้อจำกัดในการผลิต คุณอาจมีข้อจำกัดในการผลิตจำนวนมากของเค้กในระยะเวลาสั้น ทำให้มีปัญหาในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาที่สูงสุด
  2. ความขาดแคลนของทรัพยากรบุคคล คุณอาจต้องเสริมทัพทีมงานเพิ่มเติมเมื่อธุรกิจของคุณขยายขนาด

โอกาส (Opportunities)

  1. การขยายตลาด คุณสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่หรือขยายธุรกิจของคุณในพื้นที่ที่มีโอกาสการขายมากขึ้น
  2. การสร้างความรู้สึกบนสังคมออนไลน์ การใช้สื่อสังคมและการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างความรู้สึกและเสริมแบรนด์ของคุณ
  3. บริการและร้านรับรอง การเสนอบริการรับรองหรือร้านกาแฟแนบเค้กอาจเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขาย

ภัยคุกคาม (Threats)

  1. คู่แข่งแรงขึ้น การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของคู่แข่งในตลาดอาจส่งผลให้คุณต้องพิจารณากลยุทธ์ใหม่
  2. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ การเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบอาจส่งผลต่อกำไรของคุณ
  3. เรื่องอาหารและสุขภาพ กฎหมายเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพอาจมีผลต่อวิธีการผลิตและการเสนอขายของคุณ

การทำ SWOT analysis จะช่วยให้คุณมีภาพรวมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ และช่วยในการวางแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จของธุรกิจของคุณในอนาคต

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจขายเค้ก ที่ควรรู้

นี่คือ 10 คำศัพท์พื้นฐานที่เป็นประจำในธุรกิจขายเค้กพร้อมคำอธิบายเพิ่มเติมเป็นภาษาไทย

  1. Cupcake (คัพเค้ก) เค้กขนาดเล็กที่อยู่ในถ้วยกาแฟหรือกระบะขนมที่มีการตกแต่งสวยงาม
  2. Frosting (ฟรอสติ้ง) ครีมหรือชีวิตบนเค้กที่ใช้ทาหรือตกแต่ง
  3. Decoration (การตกแต่ง) กระบวนการและวัตถุดิบที่ใช้เพื่อประดิษฐ์หรือตกแต่งเค้กเพื่อให้มีลักษณะที่สวยงาม
  4. Batch (ล็อต) จำนวนขนมเค้กที่ทำในครั้งเดียวในกระบวนการผลิต
  5. Ingredients (ส่วนผสม) วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเค้ก เช่น แป้ง น้ำตาล ไข่ นม เป็นต้น
  6. Baking (การอบ) กระบวนการการอบเค้กในเตาอบ
  7. Whisk (ที่ตีไข่) อุปกรณ์ที่ใช้ในการตีของเค้กเพื่อให้นุ่มฟู
  8. Muffin (มัฟฟิน) ขนมที่คล้ายกับเค้กแต่มักจะไม่มีการตกแต่งมาก
  9. Oven (เตาอบ) เครื่องใช้ในการอบเค้ก
  10. Mold (แม่พิมพ์) พิมพ์หรือพวงกุญแจที่ใช้รูปร่างเค้กขณะที่มันกำลังที่จะอบ

การรู้คำศัพท์พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและสื่อสารได้ดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายเค้กอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

ธุรกิจ ขายเค้ก ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่

การจดทะเบียนธุรกิจขายเค้กขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดทางธุรกิจในประเทศที่คุณกำลังดำเนินธุรกิจนั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณควรพิจารณาดังนี้

  1. การจดทะเบียนธุรกิจ คุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณเพื่อทำให้มันเป็นกิจการทางกฎหมาย นี่อาจต้องการการลงทะเบียนกับหน่วยงานรัฐ โดยมีรูปแบบการจดทะเบียนต่างๆ ที่อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศและพื้นที่ที่คุณตั้งธุรกิจ
  2. ใบอนุญาตธุรกิจ บางประเทศและพื้นที่อาจกำหนดให้คุณได้รับใบอนุญาตเฉพาะสำหรับธุรกิจที่เป็นอาหารหรือขนมหวาน เช่น ใบอนุญาตการค้าขายอาหารหรือใบอนุญาตการผลิตอาหาร
  3. การจดทะเบียนเพื่อเสียภาษี คุณอาจต้องจดทะเบียนเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการของคุณ ต้องตรวจสอบกับหน่วยงานภาษีในประเทศของคุณว่าคุณจำเป็นต้องทำอย่างไร
  4. การปฏิบัติตามกฎหมายสุขภาพและความปลอดภัย ในธุรกิจอาหารเช่นการขายเค้ก คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายสุขภาพและความปลอดภัยอาหาร นี้อาจรวมถึงการตรวจสอบสถานที่ของคุณเพื่อให้มันเป็นไปตามมาตรฐานและมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  5. การจดทะเบียนชื่อร้านหรือแบรนด์ หากคุณมีชื่อร้านหรือแบรนด์ที่เป็นเอกสิทธิ์คุณอาจต้องจดทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ
  6. การจัดทำเอกสารธุรกิจ คุณควรมีเอกสารทางธุรกิจที่สมบูรณ์ เช่น รายการสินค้า ราคาสินค้า และข้อมูลการติดต่อ สำหรับการให้บริการลูกค้า
  7. ประกันธุรกิจ คุณอาจต้องจัดหาประกันธุรกิจเพื่อปกป้องธุรกิจของคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสูญเสียจากการชำรุดหรือการถูกฟ้องร้อง

การตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายเค้กของคุณในพื้นที่ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับประเทศและพื้นที่ที่คุณทำธุรกิจอยู่ คำแนะนำที่ดีคือ ควรปรึกษากับทนายความหรือองค์กรที่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายธุรกิจในพื้นที่ของคุณเพื่อข้อมูลแนะนำเพิ่มเติม

บริษัท ธุรกิจขายเค้ก เสียภาษีอย่างไร

การเสียภาษีในธุรกิจขายเค้กขึ้นอยู่กับกฎหมายและระเบียบของประเทศและพื้นที่ที่คุณกำลังดำเนินธุรกิจ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณอาจต้องพิจารณาเรื่องภาษีต่อไปนี้

  1. ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขายเค้กในลักษณะบุคคลธรรมดา คุณอาจต้องเสียภาษีรายได้บุคคลซึ่งคิดจากกำไรที่คุณได้จากธุรกิจของคุณหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากประเทศของคุณมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT) และการขายเค้กของคุณถือว่าเป็นการขายเครื่องดื่มหรืออาหารที่ต้องเสีย VAT คุณจะต้องเสียภาษีนี้และรายงานการเสียภาษีในระเบียบที่กำหนดโดยกฎหมายของประเทศนั้น
  3. ภาษีท้องถิ่น บางพื้นที่หรือประเทศอาจมีภาษีท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ คุณต้องตรวจสอบกับเทศบาลหรือหน่วยงานท้องถิ่นว่าคุณต้องเสียภาษีท้องถิ่นหรือไม่
  4. ภาษีสรรพสามิต บางประเทศมีภาษีสรรพสามิตหรือภาษีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร คุณควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องภาษีในพื้นที่ของคุณ
  5. การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับบริการอาหาร ในบางประเทศ เมื่อคุณให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสถานที่หรือส่งถึงลูกค้า คุณอาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับบริการอาหาร
  6. ภาษีสรรพสามิตสำหรับอาหาร ในบางที่ อาหารที่ไม่ถือเป็นอาหารหลักและเป็นของกระจายตลาดอาจถูกต้องเสียภาษีสรรพสามิต

ควรรีบปรึกษากับนักบัญชีหรือทนายความที่เชี่ยวชาญในกฎหมายเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเพื่อให้คำปรึกษาเพิ่มเติมและให้คำแนะนำเกี่ยวกับภาษีที่คุณต้องเสียในพื้นที่และประเทศของคุณ

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )