ระดับตำแหน่งงานในโรงงานมีการแบ่งออกเป็นหลากหลายระดับตามโครงสร้างองค์กร โดยมักจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรงงาน ขนาดขององค์กร และหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานในแต่ละตำแหน่ง ตัวอย่างโครงสร้างระดับตำแหน่งงานในโรงงานทั่วไปมีดังนี้:
1. ระดับผู้บริหาร (Executive Level)
ตำแหน่งในระดับนี้มีหน้าที่บริหารจัดการภาพรวมของโรงงาน
- ผู้จัดการทั่วไป (General Manager – GM): รับผิดชอบภาพรวมการดำเนินงานของโรงงาน
- ผู้อำนวยการฝ่าย (Director): ดูแลการบริหารในฝ่ายเฉพาะ เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือฝ่ายโลจิสติกส์
- ผู้จัดการโรงงาน (Factory Manager): รับผิดชอบการดำเนินงานของโรงงานในระดับปฏิบัติการ
2. ระดับผู้จัดการ (Manager Level)
ตำแหน่งในระดับนี้ดูแลการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของโรงงาน
- ผู้จัดการฝ่ายผลิต (Production Manager): วางแผนและควบคุมกระบวนการผลิต
- ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพ (Quality Manager): ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของสินค้า
- ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม (Engineering Manager): บริหารทีมงานวิศวกรในการพัฒนาหรือซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- ผู้จัดการฝ่ายคลังสินค้า (Warehouse Manager): ดูแลการจัดการสินค้าคงคลังและการขนส่ง
3. ระดับหัวหน้างาน (Supervisor Level)
ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่ควบคุมงานในแผนกหรือสายการผลิต
- หัวหน้าฝ่ายผลิต (Production Supervisor): ควบคุมการทำงานในสายการผลิต
- หัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุง (Maintenance Supervisor): ควบคุมการซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ (Logistics Supervisor): ดูแลการจัดส่งและการกระจายสินค้า
4. ระดับปฏิบัติการ (Operational Level)
ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่ในกระบวนการผลิตและงานเฉพาะด้าน
- ช่างเทคนิค (Technician): ดูแลเครื่องจักร ซ่อมบำรุง และปรับแต่งกระบวนการผลิต
- พนักงานฝ่ายผลิต (Production Worker): ปฏิบัติงานในสายการผลิต
- พนักงานตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspector): ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
- พนักงานคลังสินค้า (Warehouse Staff): รับผิดชอบการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า
5. ระดับสนับสนุน (Support Level)
ตำแหน่งนี้ดูแลงานที่สนับสนุนการดำเนินงานของโรงงาน
- พนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR Staff): ดูแลด้านการสรรหาและพัฒนาบุคลากร
- พนักงานฝ่ายการเงินและบัญชี (Finance & Accounting Staff): รับผิดชอบด้านการเงินและบัญชี
- พนักงานธุรการ (Administrative Staff): ดูแลงานเอกสารและงานสนับสนุนทั่วไป
6. ระดับแรงงานทั่วไป (General Worker Level)
ตำแหน่งนี้รวมถึงพนักงานที่ไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะทาง
- แรงงานทั่วไป (General Labor): ปฏิบัติงานทั่วไป เช่น การขนย้ายวัสดุ
- พนักงานทำความสะอาด (Cleaner): ดูแลความสะอาดในโรงงาน
ปัจจัยในการกำหนดระดับตำแหน่งงาน
- ขนาดของโรงงาน: โรงงานขนาดใหญ่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากกว่า
- ประเภทของโรงงาน: โรงงานอุตสาหกรรมหนักอาจมีตำแหน่งเฉพาะทางมากกว่า
- ความซับซ้อนของกระบวนการผลิต: กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูงมักต้องการผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น
การเข้าใจโครงสร้างตำแหน่งงานในโรงงานช่วยให้การจัดการทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเป้าหมายขององค์กร
ตำแหน่งในโรงงาน มีอะไรบ้าง
- ผู้บริหารโรงงาน (Factory Manager)
- ผู้จัดการผลิต (Production Manager)
- วิศวกรผลิต (Production Engineer)
- ผู้จัดการคุณภาพ (Quality Manager)
- วิศวกรความปลอดภัย (Safety Engineer)
- ผู้จัดการส่งออก (Export Manager)
- ผู้จัดการจัดซื้อ (Purchasing Manager)
- ผู้จัดการการเงิน (Finance Manager)
- ผู้จัดการบุคคล (HR Manager)
- ผู้จัดการการตลาด (Marketing Manager)
- พนักงานบัญชี (Accountant)
- ผู้จัดการโรงงานผลิต (Manufacturing Plant Manager)
- พนักงานควบคุมคุณภาพ (Quality Control Inspector)
- ช่างเครื่องกล (Mechanical Technician)
- ช่างไฟฟ้า (Electrician)
- ช่างเชื่อม (Welder)
- ช่างโลหะ (Metalworker)
- ช่างประปา (Plumber)
- ช่างอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Technician)
- ช่างซ่อมบำรุง (Maintenance Technician)
- ช่างก่อสร้าง (Construction Worker)
- ช่างพิมพ์ (Printer)
- ช่างทาสี (Painter)
- ผู้บริหารการจัดซื้อ (Procurement Manager)
- ผู้บริหารการผลิต (Production Supervisor)
- ช่างทดลอง (Lab Technician)
- นักวางแผนการผลิต (Production Planner)
- ผู้ควบคุมสต็อก (Inventory Controller)
- พนักงานบรรจุภัณฑ์ (Packaging Operator)
- พนักงานประกอบสินค้า (Assembler)
- ช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม (Industrial Electrician)
- ช่างตัดเย็บผ้า (Textile Seamstress)
- ช่างเรียบผ้า (Textile Finisher)
- ช่างกลึง (Machinist)
- ช่างทำหมวก (Hat Maker)
- ช่างสีผ้า (Dyer)
- ช่างปรับแต่งรถยนต์ (Automotive Mechanic)
- ช่างจัดทำเครื่องปั้น (Pottery Maker)
- ช่างทอสายไฟ (Wire Drawer)
- ช่างสร้างปืน (Gunsmith)
- ช่างคอมพิวเตอร์ (Computer Technician)
- ช่างกุญแจ (Locksmith)
- ช่างรองเท้า (Shoemaker)
- ช่างรับรีดเหล็ก (Steelworker)
- ช่างหล่อ (Caster)
- ช่างแก้ไขเครื่องเสียง (Audio Technician)
- ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ (Furniture Maker)
- ช่างขุดหลุม (Excavator Operator)
- ช่างเชื่อมเงิน (Silversmith)
- ช่างปูน (Bricklayer)
- ช่างเรียบขนมปัง (Baker)
- ช่างเสื้อผ้า (Tailor)
- ช่างทำเบเกอรี่ (Pastry Chef)
- ช่างทำผลิตภัณฑ์จากไม้ (Woodworker)
- ช่างภาพ (Photographer)
- ช่างตัดผม (Hairdresser)
- ช่างทำนูน (Engraver)
- ช่างปูน (Plasterer)
- ช่างเฟอร์นิเจอร์ (Cabinetmaker)
- ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า (Appliance Repair Technician)
- ช่างรีดเหล็ก (Forging Operator)
- ช่างทำกระเบื้อง (Tile Setter)
- ช่างซ่อมรถ (Mechanic)
- ช่างดัดแปลงรถยนต์ (Auto Body Technician)
- ช่างปะการัง (Blacksmith)
- ช่างทำจักรยาน (Bicycle Mechanic)
- ช่างเคมี (Chemist)
- ช่างขัดกระจก (Glass Polisher)
- ช่างสร้างสรรค์ (Artisan)
- ช่างขัดโลหะ (Metal Polisher)
- ช่างทำหนัง (Leatherworker)
- ช่างประดิษฐ์ (Inventor)
- ช่างซ่อมแซม (Repairman)
- ช่างทำเครื่องเทียม (Instrument Maker)
- ช่างขัดระบบเบรค (Brake Technician)
- ช่างซ่อมบำรุงรถ (Car Mechanic)
- ช่างดูแลเครื่องจักร (Machine Operator)
- ช่างติดตั้ง (Installer)
- ช่างยิ้ม (Wigmaker)
- ช่างทำผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceutical Manufacturing Technician)
- ช่างกล (Precision Mechanic)
- ช่างภาพยนต์ (Cinematographer)
- ช่างตัดเสื้อผ้า (Cloth Cutter)
- ช่างช่วย (Helper)
- ช่างทำบทความ (Copywriter)
- ช่างสวน (Gardener)
- ช่างปรับแต่งรถ (Auto Customizer)
- ช่างซ่อมจักรยานยนต์ (Motorcycle Mechanic)
- ช่างฝีมือ (Craftsman)
- ช่างโปร่งแสง (Lighting Technician)
- ช่างแกะสลัก (Carver)
- ช่างเสริมสวย (Cosmetologist)
- ช่างเคลือบโลหะ (Metal Coater)
- ช่างทำกระจก (Glassblower)
- ช่างบรรจุภัณฑ์ (Packager)
- ช่างทำแม่พิมพ์ (Die Maker)
- ช่างตัดและเย็บผ้า (Fabric Cutter and Sewer)
- ช่างทำหนังสือ (Bookbinder)
- ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า (Appliance Repairman)
- ช่างพิมพ์ (Printer)
ในการเริ่มต้นธุรกิจโรงงานหรือการทำงานในโรงงาน เราต้องคำนึงถึงหลายด้านต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจมีความสำเร็จและเติบโตอย่างเหมาะสม
- วางแผนและการวิจัยตลาด จำเป็นต้องทำการวางแผนธุรกิจให้มีความเป็นไปตามความต้องการของตลาด โดยศึกษาและวิจัยตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการและความสนใจของลูกค้าเป้าหมาย
- เลือกสถานที่และโครงสร้างโรงงาน เลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างโรงงานและวางแผนโครงสร้างให้มีประสิทธิภาพ
- การจัดหาแรงงาน ค้นหาและเลือกแรงงานที่มีความสามารถในงานที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับความต้องการของโรงงาน
- การจัดการการผลิตและคุณภาพ ควบคุมกระบวนการผลิตและคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และมีความพร้อมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
- การจัดการการเงินและบัญชี จัดการเรื่องการเงินและบัญชีอย่างมีระบบ เพื่อความโปร่งใสและความเสถียรในการดำเนินธุรกิจ
- การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การผลิตเป็นไปตามปกติ
- การดูแลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย คำนึงถึงการดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในโรงงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและปัญหาทางสิ่งแวดล้อม
- การวางแผนการเพิ่มขึ้นทางธุรกิจ จัดแผนเพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาด การขยายธุรกิจ หรือการเปิดสาขาใหม่
- การติดต่อและความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้ความพึงพอใจและสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์
- การติดตามและประเมินผล ติดตามผลการดำเนินธุรกิจและประเมินผลสำหรับการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจต่อไป
ฝ่ายผลิต ในโรงงานเรียกว่าอะไร
ฝ่ายผลิตในโรงงานสามารถเรียกว่าหลายอย่างได้ แต่มักจะใช้คำนำหน้า “ฝ่ายผลิต” หรือ “แผนกผลิต” เพื่อระบุส่วนงานที่รับผิดชอบในการผลิตสินค้าหรือบริการของบริษัทหรือโรงงาน อย่างไรก็ตาม การเรียกว่าอะไรบัญชาขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวและวัตถุประสงค์ของบริษัทเอง และอาจมีความแตกต่างในแต่ละอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังอาจเรียกว่า “แผนกผลิตและการผลิต” หรือ “ส่วนผลิตและการผลิต” ได้อีกด้วยเพื่อระบุการบริหารแผนกหรือส่วนงานนี้ในบริษัท
ฝ่ายต่างๆในบริษัท มีอะไรบ้าง
ในบริษัทหรือองค์กรมักจะมีหลายฝ่ายหรือแผนกที่รับผิดชอบในงานและภารกิจที่แตกต่างกันเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ภายในบริษัทสามารถมีฝ่ายหรือแผนกต่าง ๆ ที่สำคัญและมักพบได้ เช่น
ฝ่ายการบริหารบริษัท (Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ทั่วไปของบริษัท และควบคุมการดำเนินงานของทุกฝ่ายแผนก
ฝ่ายการเงินและบัญชี (Finance and Accounting) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการจัดการเรื่องการเงินของบริษัท รวมถึงบริหารการบัญชีและรายงานการเงิน
ฝ่ายการขายและการตลาด (Sales and Marketing) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการพัฒนาแผนการขาย การตลาด และการสรรหาลูกค้าใหม่
ฝ่ายวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ และทดสอบการใช้งาน
ฝ่ายการผลิต (Production) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการผลิตสินค้าหรือบริการตามแผนการผลิตและรักษาคุณภาพ
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resources) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัท รวมถึงการจ้างงาน การบริหารจัดการพนักงาน และการพัฒนาบุคลากร
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์
ฝ่ายกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Legal and Compliance) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัท
ฝ่ายบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการจัดการและควบคุมความเสี่ยงทางธุรกิจ
ฝ่ายบริหารส่วนบุคคลและการพัฒนาองค์กร (Organizational Development) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการพัฒนาองค์กรให้มีความประสบความสำเร็จและความยืดหยุ่น
ฝ่ายบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการดูแลและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ฝ่ายบริหารโรงงานหรือการผลิต (Factory or Plant Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการบริหารจัดการโรงงานหรือสถานที่ผลิต
ฝ่ายบริหารโลจิสติกส์และจัดส่ง (Logistics and Supply Chain Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการจัดการการจัดส่งสินค้าและการจัดหาวัตถุดิบ
ฝ่ายการบริหารความรู้และการเรียนรู้ (Knowledge Management) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการจัดการความรู้และการแบ่งปันข้อมูลภายในองค์กร
ฝ่ายการสื่อสาร (Communications) ฝ่ายนี้รับผิดชอบในการสื่อสารภายในและภายนอกองค์กร
ส่วนนี้เป็นตัวอย่างของฝ่ายหรือแผนกที่มักพบในบริษัท อย่างไรก็ตาม การองค์ความรู้และการเป็นไปตามกำหนดของแต่ละบริษัทอาจทำให้มีความแตกต่างในการตั้งชื่อและระบุฝ่ายหรือแผนกต่าง ๆ แต่ล้วนแล้วแต่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ตําแหน่งฝ่ายผลิต มีอะไรบ้าง
ฝ่ายผลิตในบริษัทมักมีหลายตำแหน่งหรือระดับตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและการจัดการโรงงาน เหล่าตำแหน่งเหล่านี้มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันอาจเป็นดังนี้
ผู้จัดการโรงงาน (Plant Manager) ผู้จัดการโรงงานเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการทั้งโรงงาน ซึ่งรวมถึงการผลิต คุณภาพ การจัดส่ง และการบริหารทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง
ผู้จัดการผลิต (Production Manager) ผู้จัดการผลิตรับผิดชอบในการวางแผนและควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อให้สินค้าหรือบริการถูกผลิตให้มีคุณภาพและส่งมอบตรงตามเป้าหมาย
ผู้ควบคุมคุณภาพ (Quality Control Manager) ผู้ควบคุมคุณภาพรับผิดชอบในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ผลิต เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานคุณภาพที่กำหนด
ช่างผลิต (Production Supervisor) ช่างผลิตคือผู้ควบคุมการดำเนินงานในกระบวนการผลิต ซึ่งรวมถึงการควบคุมคนงานและเครื่องจักร
ช่างเครื่องจักร (Machine Operator) ช่างเครื่องจักรเป็นคนที่ทำงานกับเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าตามแบบแผน
พนักงานควบคุมสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods Controller) พนักงานนี้รับผิดชอบในการจัดเก็บและควบคุมสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตแล้ว เพื่อให้สามารถจัดส่งหรือจัดเก็บให้ถูกต้อง
พนักงานบริหารสายการผลิต (Production Line Supervisor) พนักงานระดับนี้รับผิดชอบในการควบคุมและบริหารสายการผลิตเพื่อให้กระบวนการผลิตเป็นไปได้อย่างราบรื่น
พนักงานควบคุมวัตถุดิบ (Raw Materials Controller) พนักงานนี้รับผิดชอบในการจัดการการเข้ารับวัตถุดิบและวัสดุที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ช่างซ่อมบำรุง (Maintenance Technician) ช่างซ่อมบำรุงรับผิดชอบในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงาน
พนักงานควบคุมสิ่งแวดล้อม (Environmental Control Officer) พนักงานระดับนี้รับผิดชอบในการควบคุมและดูแลสิ่งแวดล้อมในโรงงานเพื่อให้ตรงตามกฎหมายและมาตรฐาน
พนักงานควบคุมความปลอดภัย (Safety Officer) พนักงานระดับนี้รับผิดชอบในการควบคุมและดูแลความปลอดภัยในโรงงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ช่างแพทย์ (Quality Engineer) ช่างแพทย์รับผิดชอบในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง
พนักงานโรงงาน (Factory Worker) พนักงานทั่วไปที่ทำงานในโรงงานเพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิต
ผู้จัดการควบคุมคุณภาพ (Quality Control Manager) ผู้จัดการควบคุมคุณภาพรับผิดชอบในการสร้างและดูแลระบบควบคุมคุณภาพ
หมายเหตุ การตั้งชื่อตำแหน่งและระดับตำแหน่งอาจแตกต่างกันในแต่ละบริษัท และอุตสาหกรรม ข้อมูลข้างต้นเป็นตัวอย่างเท่านั้นและมีความหลากหลายตามบริษัทและองค์กรที่แตกต่างกัน
บทความจากเว็บ รับทำบัญชี.COM
อ่านบทความทั้งหมด https://รับทําบัญชี.com/accounting-services
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
แนวข้อสอบบัญชีเบื้องต้นฐานของโลก 9 ธุรกิจประเภทสรุปทางการของ
แนวข้อสอบบัญชีเบื้องต้น พื้นฐานของโลกธุรกิจ ที่เน้นการ บันทึก-จัดประเภท-สรุปผลทางการเงิน ของกิจการ ผู้เรียนต้องเข้าใจ บัญชีเดบิต เครดิต งบการเงิน รายการ
สมัครงานตำแหน่งบัญชี จากทางการใน 9 ควบคุม งบประมาณวิเคราะห์?
สมัครงานตำแหน่งบัญชี เนื่องจากทุกธุรกิจ ต้องมีการจัดการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือองค์กรใหญ่ นักบัญชี คือหัวใจในการควบคุมงบประมาณ บันทึก
Brought Forward บัญชี ยอดยกมายอดคงเหลือ 9 งวดยอดในงวดหาก?
Brought Forward บัญชี ยอดยกมา หรือยอดคงเหลือจากงวดก่อนหน้า ที่ถูกนำมาตั้งต้นเป็นยอดเริ่มต้นในงวดปัจจุบัน เช่น หากคุณมียอดเงินสดในเดือนมิถุนายน
บัญชีบัตรเครดิตทางประเภทภาระสถาบันการเงิน 9 บัตรหมายความว่า?
บัญชีบัตรเครดิต บัญชีทางบัญชีประเภทเจ้าหนี้การค้า (Accounts Payable) ที่บันทึกภาระหนี้สินของผู้ถือบัตรกับสถาบันการเงินเจ้าของบัตร เมื่อคุณใช้บัตรเครดิตซื้อ
บัญชีโก แบบสร้างสรรค์แบบตรงไปตรงมา 9 กฎหมายแบบของช่องว่าง?
บัญชีโก: พลิกชีวิตเจ้าของธุรกิจด้วยการจัดการบัญชีอย่างม […]
บัญชีธนาคาร Shopee ยอดขายของ แบบ 9 แพลตฟอร์มกรอกครบระบบ
บัญชีธนาคาร Shopee การบัญชีให้ถูกต้อง เพิ่มยอดขายแบบมือโปร! หรือเพิ่งเริ่มต้นขายของในแพลตฟอร์มนี้ คำว่า “บัญชีธนาคาร Shopee” ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ