รับทำบัญชี.COM | ธุรกิจกับเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มีอะไรบ้าง?

Click to rate this post!
[Total: 46 Average: 5]

แผนธุรกิจกับเทคโนโลยี

การเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่คุณควรพิจารณาเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง ต่อไปนี้คือขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณสามารถดำเนินการตามได้

  1. การศึกษาและวิจัยตลาด ให้ความสำคัญกับการศึกษาและวิจัยตลาดที่คุณต้องการเข้าสู่ พิจารณาว่ามีความต้องการอะไรในตลาดนั้น ว่าผู้คนมีปัญหาอะไรที่คุณสามารถแก้ไขด้วยเทคโนโลยีที่คุณมี การทำความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณกำหนดแนวทางธุรกิจของคุณได้ถูกต้อง

  2. การสร้างแผนธุรกิจ พัฒนาแผนธุรกิจที่รวมถึงวัตถุประสงค์ของธุรกิจของคุณ กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ เส้นทางการเติบโต และกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการจัดการทางการเงิน

  3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เน้นคุณภาพ ประสิทธิภาพ และประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ

  4. การทดสอบและปรับปรุง ทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อรับข้อเสนอแนะและความคิดเห็น จากนั้นปรับปรุงตามความต้องการ

  5. การสร้างบริษัท ตัดสินใจเลือกประเภทของกิจการที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เลือกชื่อบริษัทและจัดทำเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  6. การจัดการทางการเงิน วางแผนการเงินและการบัญชีของธุรกิจ รวมถึงการหาทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจและรักษาการเงินในระยะยาว

  7. การตลาดและการขาย สร้างแผนการตลาดเพื่อเปิดตลาดและสร้างความรู้จำนวนมากเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ นำเสนอวิธีการขายและการโฆษณาที่เหมาะสม

  8. การขยายธุรกิจ ดำเนินธุรกิจในระยะยาวโดยการทำการติดตามและปรับปรุง สร้างความนิยมและความพึงพอใจในลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างเนียนนิ่ง

  9. การดูแลลูกค้า ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจในลูกค้า ให้บริการหลังการขายที่ดีและสร้างความคืบหน้าในการค้าอย่างยั่งยืน

  10. การสร้างทีม ระหว่างการเติบโต คุณอาจต้องสร้างทีมที่มีความสามารถที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและธุรกิจของคุณเพื่อช่วยในการพัฒนาและการขยายของธุรกิจ

  11. การติดตามและประเมิน ติดตามผลสำหรับแต่ละขั้นตอนและประเมินผลความสำเร็จ ทำการปรับปรุงแผนธุรกิจของคุณตามประสิทธิภาพและความต้องการของตลาด

คำแนะนำเหล่านี้เป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี อย่าลืมว่าการเริ่มธุรกิจเป็นการเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนแผนและกลยุทธ์ของคุณตามสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงในตลาดในอนาคตด้วย

ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจกับเทคโนโลยี

แน่นอน! ดังนี้คือตัวอย่างของตารางเปรียบเทียบรายรับและรายจ่ายสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

รายการ รายรับ (บาท) รายจ่าย (บาท)
รายรับ    
การขายผลิตภัณฑ์/บริการ XXXX  
บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี XXXX  
รายรับอื่น ๆ XXXX  
     
รวมรายรับ XXXX  
     
รายจ่าย    
ต้นทุนการผลิต/ให้บริการ   XXXX
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา   XXXX
ค่าเช่าสถานที่   XXXX
ค่าจ้างงานและค่าตอบแทน   XXXX
ค่าการตลาดและโฆษณา   XXXX
ค่าเทคโนโลยีและอุปกรณ์   XXXX
รายจ่ายอื่น ๆ   XXXX
     
รวมรายจ่าย   XXXX
     
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ XXXX XXXX

โปรดจำไว้ว่าตัวเลขที่แสดงในตารางเป็นตัวอย่างเท่านั้น ค่าจริง ๆ ของรายรับและรายจ่ายขึ้นอยู่กับธุรกิจและตลาดของคุณ คุณควรปรับแต่งตารางตามความเหมาะสมกับธุรกิจและข้อมูลทางการเงินที่แท้จริงของคุณด้วย

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจกับเทคโนโลยี

อาชีพในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมีหลากหลายและสามารถแบ่งออกเป็นหลายสาขา ดังนี้คืออาชีพบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเทคโนโลยี

  1. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) พัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันมือถือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เว็บแอปพลิเคชัน เป็นต้น

  2. วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ตามความต้องการของลูกค้า และจัดการกับปัญหาเทคนิคต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนา

  3. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) วิเคราะห์และแปลงข้อมูลให้กลายเป็นข้อมูลที่มีค่าในการตัดสินใจธุรกิจ

  4. นักออกแบบและพัฒนาเว็บ (Web Designer and Developer) ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ตามความต้องการของลูกค้า

  5. นักออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Designer) ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตลาด โดยใช้เทคโนโลยีในการสร้างแบบจำลองและพรีโพรตัพ

  6. นักตลาดดิจิทัล (Digital Marketer) วางแผนและดำเนินกิจกรรมการตลาดออนไลน์ เช่น การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การจัดการเนื้อหา เพื่อเพิ่มยอดขายและความรู้จำเป็นในตลาด

  7. นักวิเคราะห์ธุรกิจ (Business Analyst) วิเคราะห์ธุรกิจและกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อปรับปรุงแนวทางธุรกิจด้วยข้อมูลที่สร้างจากเทคโนโลยี

  8. นักการตลาดออนไลน์ (Online Marketer) ดำเนินกิจกรรมตลาดออนไลน์ รวมถึงการวางแผนและดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างยอดขายในโลกออนไลน์

  9. ผู้จัดการโปรเจคเทคโนโลยี (Technology Project Manager) ดูแลและจัดการโปรเจคเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้โปรเจคสำเร็จตามเป้าหมาย

  10. นักการตลาดทางสังคม (Social Media Marketer) วางแผนและดำเนินกิจกรรมการตลาดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความสนใจและยอดขาย

  11. นักพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ (Mobile App Developer) พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต

  12. นักประชาสัมพันธ์ออนไลน์ (Online Public Relations Specialist) จัดการความสัมพันธ์และการสื่อสารกับประชาสัมพันธ์ออนไลน์เพื่อสร้างภาพลักษณ์บวกสำหรับธุรกิจ

  13. นักการตลาดทางอีเมล (Email Marketer) สร้างและดำเนินกิจกรรมการตลาดผ่านทางอีเมลเพื่อเพิ่มยอดขายและความจงรักภักดีในลูกค้า

  14. นักวิเคราะห์ความต้องการลูกค้า (Customer Needs Analyst) ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นไปตามความต้องการ

  15. นักพัฒนาการ์ตูนและอนิเมชั่น (Animation and Motion Graphics Artist) สร้างการ์ตูนและอนิเมชั่นที่ใช้ในการสื่อสารและการตลาด

  16. นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer) ออกแบบภาพสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการตลาดและสร้างความทรงจำ

  17. นักพัฒนาเกม (Game Developer) พัฒนาเกมคอมพิวเตอร์และเกมมือถือ รวมถึงการออกแบบระบบเกมและกราฟิก

  18. นักจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Systems Manager) จัดการและดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร

อาชีพเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ ของอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเทคโนโลยี โลกที่เต็มไปด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีจึงมีอาชีพที่หลากหลายเพื่อรองรับการเติบโตและความสำคัญของเทคโนโลยีในวันนี้และอนาคต

วิเคราะห์ SWOT ธุรกิจกับเทคโนโลยี

การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจของคุณ โดยทำการวิเคราะห์ด้านความแข็งแกร่ง (Strengths), ความอ่อนแอ (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), และอุปสรรค (Threats) ของธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ดังนี้คือการวิเคราะห์ SWOT สำหรับธุรกิจกับเทคโนโลยี

ความแข็งแกร่ง (Strengths)

  • ทักษะและความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีที่คุณและทีมของคุณมี
  • ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง
  • ความสามารถในการนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
  • ฐานลูกค้าที่มีความชอบใจและความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
  • ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในตลาดเร็ว ๆ นี้

ความอ่อนแอ (Weaknesses)

  • ขีดจำกัดทางทรัพยากรทางการเงินและบุคคล
  • ความไม่เสถียรในการอยู่ในตลาดหรือความยุ่งยากในการทำธุรกิจในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง
  • ขาดทักษะหรือความรู้ทางธุรกิจที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ
  • ความยากลำบากในการนำเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่การใช้งานจริง

โอกาส (Opportunities)

  • การเติบโตของตลาดที่มีความต้องการในเทคโนโลยีของคุณ
  • โอกาสในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคหรือประเทศใหม่
  • การเปิดตลาดใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีที่คุณมีไปใช้ในธุรกิจอื่น ๆ
  • โอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี

อุปสรรค (Threats)

  • คู่แข่งที่มีทักษะและทรัพยากรทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
  • การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณล้าหลัง
  • สภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้า
  • การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือกฎระเบียบที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ

การวิเคราะห์ SWOT จะช่วยให้คุณมีภาพรวมและความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจและโอกาสที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของธุรกิจและเทคโนโลยีที่คุณเผชิญอยู่ด้วย

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจกับเทคโนโลยี ที่ควรรู้

  1. Innovation (นวัตกรรม)

    • คำอธิบาย การสร้างสิ่งใหม่หรือพัฒนาแนวคิดเพื่อเพิ่มคุณค่าและประสิทธิภาพ
    • ตัวอย่าง Technological innovation drives progress in various industries.
  2. Startup (สตาร์ทอัพ)

    • คำอธิบาย ธุรกิจเล็กที่กำลังเริ่มต้นและมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
    • ตัวอย่าง Many startups focus on disruptive technologies.
  3. E-commerce (อีคอมเมิร์ซ)

    • คำอธิบาย การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต
    • ตัวอย่าง E-commerce platforms have transformed the way people shop.
  4. Digital Marketing (การตลาดดิจิทัล)

    • คำอธิบาย กิจกรรมการตลาดที่ใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย
    • ตัวอย่าง Digital marketing strategies include social media campaigns and email marketing.
  5. Cybersecurity (ความมั่นคงปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์)

    • คำอธิบาย การปกป้องระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลจากการฉ้อโกงและการโจมตีทางไซเบอร์
    • ตัวอย่าง Companies invest in cybersecurity to safeguard sensitive information.
  6. Big Data (ข้อมูลขนาดใหญ่)

    • คำอธิบาย ชุดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่ต้องการการวิเคราะห์และการจัดการเฉพาะ
    • ตัวอย่าง Big data analytics help businesses gain insights from vast amounts of information.
  7. Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)

    • คำอธิบาย ความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมในการทำงานเหมือนมนุษย์
    • ตัวอย่าง Artificial intelligence is used in chatbots and autonomous vehicles.
  8. Cloud Computing (คอมพิวเตอร์คลาวด์)

    • คำอธิบาย การใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์และเก็บข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
    • ตัวอย่าง Cloud computing allows businesses to access resources remotely.
  9. Blockchain (บล็อกเชน)

    • คำอธิบาย ระบบที่ใช้ในการเก็บข้อมูลแบบกระจายและป้องกันการปลอมแปลง
    • ตัวอย่าง Blockchain technology is the foundation of cryptocurrencies like Bitcoin.
  10. IoT (Internet of Things) (อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง)

    • คำอธิบาย การเชื่อมต่ออุปกรณ์และสิ่งของต่าง ๆ กับอินเทอร์เน็ตเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
    • ตัวอย่าง The IoT allows smart devices to communicate and share data for automation and monitoring purposes.

หมายเหตุ คำศัพท์บางคำอาจมีความหมายที่ซับซ้อน คำแปลเป็นอังกฤษที่ใช้ที่นี่เป็นแนวทางเท่านั้นและอาจมีความหมายเพิ่มเติมในบางกรณี

ธุรกิจ ธุรกิจกับเทคโนโลยี ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่

การจดทะเบียนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจะขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดของแต่ละประเทศและพื้นที่ ดังนี้คือรายการทั่วไปของสิ่งที่คุณอาจจะต้องจดทะเบียนเมื่อเริ่มธุรกิจกับเทคโนโลยี

  1. การจดทะเบียนธุรกิจ คุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณเพื่อให้ได้สถานภาพทางกฎหมาย และคุณควรเลือกรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่น บริษัทจำกัด, บริษัทมหาชน, หรือธุรกิจส่วนตัว การจดทะเบียนจะให้คุณสิทธิและความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจ

  2. การจดทะเบียนเทคโนโลยี หากธุรกิจของคุณมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เฉพาะเจาะจง เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์, การออกแบบเว็บไซต์ เป็นต้น คุณอาจต้องจดทะเบียนลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่คุณสร้างขึ้น

  3. สิทธิบัตร (Patents) ถ้าธุรกิจของคุณมีการสร้างประดิษฐ์หรือนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ คุณสามารถจดสิทธิบัตรเพื่อปกป้องสิทธิของคุณและป้องกันคู่แข่งที่จะทำสิ่งเดียวกัน

  4. ลิขสิทธิ์ (Copyrights) หากคุณสร้างสรรค์ผลงานเช่น ซอฟต์แวร์, เนื้อหาออนไลน์ เพลง คุณสามารถจดลิขสิทธิ์เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์

  5. การจดทะเบียนเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Registration) หากธุรกิจของคุณมีรายได้สูงพอที่จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณอาจจะต้องจดทะเบียนเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายท้องถิ่น

  6. การรับรองซอฟต์แวร์ (Software Certifications) หากคุณพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ความสอดคล้อง หรือมีมาตรฐาน เช่น ระบบจัดการความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล คุณอาจได้รับการรับรองหรือการตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ของคุณสอดคล้องกับมาตรฐาน

  7. การลงทะเบียนการค้า (Trademark Registration) หากคุณมีสัญลักษณ์การค้าหรือโลโก้ที่ใช้ในธุรกิจของคุณ คุณอาจจะต้องลงทะเบียนเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิและการลอกเลียน

  8. การรับรองความปลอดภัยข้อมูล (Data Security Certifications) หากคุณดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล คุณอาจสามารถรับรองความปลอดภัยข้อมูลตามมาตรฐานที่กำหนดโดยกฎหมาย

ข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณตั้งธุรกิจ คุณควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือที่ปรึกษาธุรกิจเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นเอกสารก่อนที่จะดำเนินการจดทะเบียนใด ๆ

บริษัท ธุรกิจกับเทคโนโลยี เสียภาษีอย่างไร

ภาษีที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอาจต้องเสียขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ และกฎหมายภาษีที่มีในแต่ละประเทศ นี่คือบางประเภทของภาษีที่ธุรกิจและเทคโนโลยีอาจต้องเสีย

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) หากคุณเป็นผู้ประกอบการแบบบุคคลธรรมดา คุณอาจต้องเสียภาษีเงินได้จากรายได้ที่คุณได้รับจากธุรกิจ

  2. ภาษีธุรกิจ (Business Tax) ธุรกิจบางประเภทอาจต้องเสียภาษีธุรกิจเพื่อให้ความส่งเสริมการเสียภาษีแก่รัฐ ภาษีนี้อาจคิดจากยอดขายหรือรายได้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

  3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT) หากธุรกิจของคุณมีรายได้สูงพอที่จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณอาจต้องเสียภาษีนี้ตามกฎหมายท้องถิ่น

  4. ภาษีเงินบริการ (Service Tax) บางประเภทของบริการอาจต้องเสียภาษีเงินบริการ ตัวอย่างเช่น บริการทางเทคโนโลยีหรือบริการออนไลน์

  5. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Special Business Tax) ในบางกรณี เฉพาะประเภทของธุรกิจอาจต้องเสียภาษีเฉพาะตามกฎหมายที่กำหนด เช่น ธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  6. ภาษีเงินนอกราชอาณาจักร (International Tax) หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจในประเทศอื่น ๆ คุณอาจต้องเสียภาษีตามกฎหมายของประเทศที่คุณทำธุรกิจ

  7. ภาษีโอนทรัพย์สิน (Property Transfer Tax) หากคุณทำการซื้อขายทรัพย์สิน เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในธุรกิจ คุณอาจต้องเสียภาษีโอนทรัพย์สิน

  8. ภาษีสรรพสิ่ง (Excise Tax) บางประเภทของสินค้าหรือบริการทางเทคโนโลยีอาจมีการเสียภาษีสรรพสิ่ง เช่น การขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  9. ภาษีเงินกำไรนิติบุคคล (Corporate Income Tax) หากธุรกิจของคุณเป็นนิติบุคคล คุณอาจต้องเสียภาษีเงินกำไรนิติบุคคลจากรายได้ที่คุณได้รับจากธุรกิจ

  10. ภาษีธุรกิจออนไลน์ (Digital Services Tax) ในบางประเทศ มีการกำหนดภาษีเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ให้บริการออนไลน์ เช่น การขายแอปพลิเคชันหรือบริการสตรีมมิ่ง

ข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันตามกฎหมายและประเทศที่คุณทำธุรกิจ คุณควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางภาษีหรือที่ปรึกษาทางธุรกิจเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นเอกสารเพื่อทราบเกี่ยวกับภาษีที่คุณต้องเสีย

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )