specific-identification

ตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง 2 วิธี มีเป้าหมายรายได้?

ตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง

ตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง (Specific Identification) หมายถึง การตีราคาสินค้าคงเหลือตามวิธีนี้   จะใช้กับกิจการที่จำหน่ายสินค้าที่มีลักษณะเป็นของชิ้นใหญ่   เช่น   รถยนต์   เรือยนต์   โดยจะต้องทราบว่าสินค้าที่เหลืออยู่นั้น   เหลือมาจากการซื้อในครั้งใดบ้าง

การตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง (Specific Identification) เป็นวิธีการในการกำหนดราคาต้นทุนของสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินโดยการระบุราคาที่ซื้อแต่ละครั้งเป็นพิเศษ โดยไม่ใช้วิธีการเฉลี่ยหรือวิธีการเชิงเส้นในการคำนวณราคาต้นทุน นี่คือวิธีการที่มักใช้ในบริษัทหรือธุรกิจที่มีสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่มีค่าแตกต่างกันและต้องการการติดตามแยกต่างหากสำหรับแต่ละรายการ

เมื่อใช้วิธี Specific Identification ในการคำนวณราคาต้นทุนของสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงิน คุณจะต้องบันทึกราคาที่ซื้อแต่ละครั้งเป็นรายละเอียด และใช้ราคานี้เมื่อมีการขายหรือการคำนวณกำไรหรือขาดทุน วิธีนี้มีข้อได้เปรียบดังนี้

  1. ความแม่นยำสูง ราคาต้นทุนจะถูกคำนวณตามราคาที่ซื้อจริง ทำให้มีความแม่นยำสูงในการวิเคราะห์กำไรและขาดทุน

  2. ความเสี่ยงต่ำ ไม่มีการใช้วิธีการเฉลี่ยที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการคำนวณราคาต้นทุน

  3. ความเหมาะสมสำหรับสินค้าหรือสินทรัพย์ที่มีค่าแตกต่างกัน วิธีนี้เหมาะสำหรับการใช้กับสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่มีค่าแตกต่างกันและมีการซื้อขายแยกต่างหาก

  4. การสรุปข้อมูลที่ง่าย การบันทึกราคาที่ซื้อแต่ละครั้งเป็นรายละเอียดที่ง่ายต่อการติดตามและบันทึกข้อมูล

อย่างไรก็ตาม, การใช้วิธี Specific Identification อาจจะทำให้ซับซ้อนและต้องการการบันทึกข้อมูลที่รอบคอบ เพื่อให้สามารถคำนวณราคาต้นทุนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การต้องมีข้อมูลราคาที่ซื้อแต่ละครั้งก็อาจทำให้การติดตามและบันทึกข้อมูลเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นในกรณีที่มีการซื้อขายมากมายและเป็นแต่ละวัน

ตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง
ตีราคาตามราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาวเพื่อให้คะแนน!

เฉลี่ยได้กี่คะแนน 5 / 5. จำนวนโหวต: 1

ยังไม่มีคะแนนโหวต! เป็นคนแรกที่ให้คะแนนโพสต์นี้

จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 3359: 125