ร้านอาหาร
บริษัท ปังปอน จำกัด ให้บริการ รับทำบัญชี ร้านอาหาร ครอบคลุมทุกจังหวัด เมื่อคุณมีปัญหา ขาดคนทำบัญชี ภาษี ปิดงบการเงิน ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับบัญชี ให้นึกถึงเรา เพราะเราเชี่ยวชาญและทำงานอย่างมืออาชีพ การันตีจากสรรพากร (ตัวแทนสรรพากร) และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สำนักงานบัญชีคุณภาพ) ปัจจุบันเปิดมาแล้วมากกว่า 20 ปี ติดต่อ โทร. 081-931-8341 (คุณจ๋า)
- ที่อยู่ : 47/103 หมู่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
- Email : 9622104@gmail.com
- Line Official Account : @e200
- ราคา : เอกสารไม่เกิน 30 ชุด เริ่มต้น 4,000 บาท/เดือน
ร้านอาหาร หมายถึง ธุรกิจหรือองค์กรที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ลูกค้าที่จ่ายเงิน เป็นคำที่มีประวัติยาวนานและมีการตีความที่หลากหลาย การเปิดร้านอาหารเป็นที่นิยมทั่วโลก สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับร้านอาหารและอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในวงกว้าง
ร้านอาหาร คืออะไร
ร้านอาหาร เป็นชื่อที่นิยมมากในโลกปัจจุบัน หลายคนไม่ได้กินข้าวที่บ้าน พวกเขามักจะซื้ออาหารและอาหารจากร้านอาหาร ร้านอาหารเป็นสถานที่สาธารณะที่เปิดให้ทุกคนขายอาหารและเครื่องดื่มให้กับบุคคลและประชาชน เรากำลังเยี่ยมชมร้านอาหารและรับอาหารจากร้านอาหาร แต่เราไม่รู้ความหมายหรือคำจำกัดความที่ถูกต้องของร้านอาหาร
บางครั้งหลายคนคิดว่าร้านอาหารและโรงแรมเป็นสิ่งเดียวกันและความหมายก็เหมือนกัน แต่มันไม่เป็นความจริง ความหมายของโรงแรมและร้านอาหารเป็นคนละเรื่องกัน
ร้านอาหารเป็นสถานประกอบการที่ลูกค้าสามารถมาซื้อและบริโภคอาหารและเครื่องดื่มได้ แม้ว่าร้านอาหารอาจให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแบบสั่งกลับบ้านหรือจัดส่ง แต่ธุรกิจประเภทนี้มีลักษณะเด่นคือให้บริการสถานที่ซึ่งแขกสามารถนั่งรับประทานอาหารได้ ร้านอาหารหลายประเภทนำเสนอสไตล์และมาตรฐานอาหารที่แตกต่างกัน รูปแบบการบริการก็แตกต่างกันไปเช่นกัน
อุตสาหกรรมร้านอาหารรวมถึงร้านอาหารแบบดั้งเดิม แต่ยังรวมถึงธุรกิจประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น บาร์และร้านกาแฟที่ให้บริการอาหาร ร้านอาหารกึ่งผับ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และอื่นๆ อาหารที่นำเสนออาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่อาหารทั่วไปประจำวัน อาหารว่าง ไปจนถึงอาหารรสเลิศที่ปรุงโดยเชฟที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ร้านอาหารสามารถเป็นธุรกิจแบบสแตนด์อโลนได้ แต่หลายๆ ร้านจะเชื่อมโยงกับองค์กรอื่น เช่น โรงแรมหรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ บริการต่างๆ เช่น บุฟเฟ่ต์รถไฟถือเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมร้านอาหาร
วางระบบร้านอาหาร
ระบบซอฟต์แวร์ร้านอาหาร POS เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน ทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้น และยังสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า
ระบบ POS ของร้านอาหารที่ปรับใช้อย่างเหมาะสมสามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก นอกจากจะทำให้งานขายง่ายและรวดเร็วขึ้นแล้ว POS ยังมีประโยชน์อื่นๆ มากมายอีกด้วย เช่นเดียวกับการรับชำระเงิน อุปกรณ์เครื่องเดียวที่เชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ POS สามารถให้พนักงานสามารถพิมพ์ใบสั่งอาหารสำหรับห้องครัว สร้างใบเรียกเก็บเงินและใบเสร็จรับเงินสำหรับลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมาย
5 เรื่องน่ารู้ ก่อนทำร้านอาหาร
- กำหนดแนวคิดร้านอาหารของคุณ
แนวคิดเกี่ยวกับร้านอาหารของคุณควรได้รับการถักทอในทุกแง่มุมของธุรกิจของคุณ ตั้งแต่อาหารไปจนถึงรูปแบบการบริการลูกค้าของคุณ แนวคิดของคุณควรสะท้อนให้เห็นในชื่อร้านอาหาร การออกแบบหลักประกัน และการตกแต่งของคุณด้วย
- สร้างแผนธุรกิจสำหรับร้านอาหารของคุณ
แผนธุรกิจของคุณควรวางรากฐานการดำเนินงานของคุณ การวิเคราะห์อุตสาหกรรม การวิเคราะห์ทางภูมิศาสตร์ การวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย แผนความปลอดภัยของอาหาร เมนูตัวอย่าง แผนการตลาด กลยุทธ์การจัดการ และแผนทางการเงิน
- ขอใบอนุญาตและใบอนุญาตที่จำเป็นในการเปิดร้านอาหาร
นอกเหนือจากใบอนุญาตธุรกิจมาตรฐานและใบอนุญาตที่จำเป็นในการเปิดร้านแล้ว ยังมีใบอนุญาตอื่นๆ ที่คุณต้องได้รับหากคุณเปิดร้านอาหาร ตั้งแต่ใบอนุญาตจำหน่ายสุราไปจนถึงใบอนุญาตผู้สัมผัสอาหารซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเภท
- เลือกทำเลที่เหมาะสม
ที่ตั้งของร้านอาหาร การมองเห็นและการสัญจรไปมา เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในระหว่างกระบวนการคัดเลือกพื้นที่เชิงพาณิชย์ คุณต้องประเมินขนาดและจำนวนผู้คนในพื้นที่ เพื่อตัดสินใจว่าจะเปิดขายอาหารประเภทไหนให้กับคนกลุ่มไหนอีกด้วย
- จ้างพนักงานที่เหมาะสม
จำนวนพนักงานที่คุณต้องการเพื่อดูแลหน้าบ้านและหลังบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่คุณดำเนินการดังกล่าว ประมวลผลบัญชีเงินเดือนด้วยตัวคุณเองหรือใช้ซอฟต์แวร์บัญชีเงินเดือน บัญชีเงินเดือนของร้านอาหารอาจค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกฎหมายและข้อบังคับ
- สร้างแผนการตลาด
ก่อนที่คุณจะเปิดร้านอาหาร สิ่งสำคัญคือต้องพัฒนาแผนการตลาดที่กระตุ้นการรับรู้ นำลูกค้าใหม่ และสร้างผู้ติดตามที่ภักดี กลวิธีทางการตลาดที่คุณอาจใช้ประกอบด้วยทุกอย่างตั้งแต่โซเชียลมีเดียไปจนถึงการโฮสต์การเปิดตัวที่กระตุ้นความตื่นเต้น
- ควรทำบัญชีร้านอาหาร
เป็นสิ่งที่คนทำอาหารอาจะไม่คำนึงถึงตั้งแต่แรก แต่เมื่อคุณทำร้านอาหารไปสักพัก มีรายได้มากขึ้น ขายดีมากขึ้น จนทำให้บางครั้งการเสียภาษีของคุณมากเกินไป คุณต้องบริหารจัดให้ตั้งแต่เริ่มต้นจากการวางแผนใน ข้อ 2 ให้ดี
ภาษีร้านอาหาร
รายได้จากการขายอาหารนี้เอง ผู้ขายมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ขายจะเสียภาษีในรูปแบบบุคคลธรรมดา แต่หากมีการเปิดเป็นร้านอาหารแบบจริงจัง หรืออาจมีหุ้นส่วนร่วมธุรกิจร้านอาหารด้วย จะยังคงเสียภาษีรูปแบบบุคคลธรรมได้หรือไม่ หรือควรจดทะเบียนบริษัทจึงจะถูกต้อง
สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารที่จดทะเบียนพาณิชย์ และเลือกเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา จัดเป็นอาชีพเงินได้ประเภทที่ 8 หรือ เงินได้ 40(8) หลักการเสียภาษีจะเหมือนบุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้ทั่วไป ซึ่งอธิบายได้ ดังนี้
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่ผู้ประกอบการร้านอาหารมีรายได้ 120,000 บาท/ปี ต้องยื่นแบบฯ ภาษีแต่ไม่เสียภาษี ทว่าถ้าหากมีรายได้เกิน 150,000 บาท/ปี จึงต้องเสียภาษี โดยใช้วิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามอัตราภาษีขั้นบันได ตั้งแต่ 5-35%
โดยยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง คือ
- ครั้งที่ 1 ยื่นแบบชำระภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน (รายได้ 6 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน) ซึ่งสามารถยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ หรือยื่นออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.rd.go.th
- ครั้งที่ 2 ยื่นชำระภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.90) ช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม ของปีถัดไป (รายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม โดยนำภาษีที่จ่ายครั้งแรกมาหักออกจากภาษีที่คำนวณได้ในครั้งที่ 2) ซึ่งสามารถยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ หรือยื่นออนไลน์ได้ถึงวันที่ 8 เมษายน ที่เว็บไซต์ www.rd.go.th
ภาษีเงินได้นิติบุคคล หากเป็นรูปแบบ นิติบุคคล กำไรที่เกิดขึ้นจะถูกนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีหลักการ (สำหรับกิจการที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี และมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้รับสิทธิภาษีอัตราของ SME) ดังนี้
กำไร 300,000 บาทแรก = ยกเว้นภาษี
กำไร 300,001 – 3 ล้าน = ภาษี 15%
กำไรมากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป = ภาษี 20%
โดยยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง คือ
- ครั้งที่ 1 ยื่นแบบชำระภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) โดยต้องยื่นและชำระภาษีภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดท้ายของ 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี
- ครั้งที่ 2 ยื่นแบบชำระภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.50) โดยต้องยื่นแบบและชำระภาษีภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
ภาษีป้าย ในกรณีที่ร้านอาหารมีการติดป้ายชื่อร้าน ยี่ห้อ เครื่องหมายการค้า หรือการโฆษณาร้าน เป็นต้น จะต้องเสียภาษีตามพ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ.2510 โดยเก็บภาษีตามลักษณะป้าย ดังนี้
- ป้ายที่มีอักษรภาษาไทยล้วน อัตราภาษีป้าย 5,10 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่มีอักษรภาษาไทยปนภาษาต่างประเทศ และ/หรือปนกับภาพ และ/หรือเครื่องหมายอื่น อัตราภาษีป้าย 26, 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ อัตราภาษีป้าย 50, 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต้องพิจารณาก่อนว่าพื้นที่ร้านอาหารเป็นของผู้ประกอบการเองหรือเช่า ในกรณีที่เช่าจะต้องทำการตกลงให้ชัดเจนกับเจ้าของพื้นที่ว่าภาษีในส่วนนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ต้องเสียหากเป็นที่ดินจะใช้การประเมินทุนทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างจะใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้าง ดังนี้
- มูลค่า 0-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.30%
- มูลค่า >50 – 200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.40%
- มูลค่า >200 – 1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.50%
- มูลค่า >1,000 – 5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.60%
- มูลค่า >5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.70%
เครดิต : revfine.com / rd.go.th
ตัวอย่าง การคำนวณภาษี ของ ร้านขายอาหาร
ปริญญาตรี บัญชี นักบัญชี ที่ชอบทำบทความ รักการทำบทความมากว่า 20 ปี