หมวดบัญชี
หมวดบัญชี คือ
หมวดบัญชี คือ เป็นการกำหนดเชิงโครงสร้าง โดยการให้ชื่อและเลขของบัญชีที่ตรงกัน เพื่อให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ใช้งาน เช่น หมวด 1 หมายถึง สินทรัพย์ หมวด 2 หมายถึง หนี้สิน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียนเรียบร้อยของการจัดทำงบการเงินอีกด้วย
หมวดบัญชี มีกี่หมวด
ข้อมูลรายการค้าต่างๆ ที่ถูกบันทึกในบัญชี แล้วจะถูกแบ่งออกเป็น 5 หมวดบัญชีหลักๆ
การจัดหมวดหมู่ของบัญชี แบ่งเป็น 5 หมวด ได้แก่
หมวดบัญชี 5 หมวด
หมวดบัญชี (Accounting categories) ประกอบด้วย 5 หมวดหลัก ดังนี้
- สินทรัพย์ (Assets) หมายถึง ทรัพย์สินที่เป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีค่าเป็นบัญชีขององค์กร ซึ่งมีศูนย์กลางเป็นสิ่งของที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ เช่น เงินสด บัญชีเงินฝาก หุ้น เครื่องมือและอุปกรณ์ เป็นต้น
- หนี้สิน (Liabilities) หมายถึง หนี้สินหรือผลตอบแทนที่เป็นหนี้ขององค์กรต่อบุคคลหรือองค์กรอื่น ๆ ซึ่งองค์กรต้องส่งคืนเงินหรือบริการในอนาคต เช่น เงินกู้ยืม บัญชีเจ้าหนี้ ค่าจ้างที่ยังไม่จ่าย เป็นต้น
- ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) หมายถึง เงินทุนหรือส่วนแบ่งของผู้ถือหุ้นในองค์กร ซึ่งรวมถึงทุนจดทะเบียน ทุนเรือนหุ้น กำไรสะสม และขาดทุนสะสม เป็นต้น
- รายได้ (Revenues) หมายถึง รายได้ที่องค์กรได้รับจากการดำเนินกิจการ ซึ่งรวมถึงการขายสินค้าหรือบริการ รายได้จากดอกเบี้ย การลงทุน และการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
- ค่าใช้จ่าย (Expenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่องค์กรต้องจ่ายในการดำเนินกิจการ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขายสินค้าหรือบริการ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสินทรัพย์ ค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินทุน เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้ว หมวดบัญชีนี้จะถูกนำมาใช้ในการบันทึกบัญชีและรายงานการเงินขององค์กร โดยองค์กรจะต้องทำการบันทึกทุกรายการธุรกรรมทางการเงินเข้าสู่หมวดบัญชีที่เหมาะสม และสามารถนำไปวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจการเงินต่อไปได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หมวดบัญชี 5 หมวด เดบิต เครดิต
หมวดบัญชี 5 หมวด คือ
- หมวดบัญชีที่ 1 สินทรัพย์ (Assets) – เดบิตบัญชีที่อยู่ในหมวดนี้เมื่อมีการเพิ่มขึ้น เช่น เงินสด หรือ เครื่องจักรและอุปกรณ์
- หมวดบัญชีที่ 2 หนี้สินและภาระหนี้ (Liabilities) – เครดิตบัญชีที่อยู่ในหมวดนี้เมื่อมีการเพิ่มขึ้น เช่น หนี้สิน หรือ เงินกู้ยืม
- หมวดบัญชีที่ 3 ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) – เครดิตบัญชีที่อยู่ในหมวดนี้เมื่อมีการเพิ่มขึ้น เช่น ทุนเรือนหุ้น หรือ กำไรสะสม
- หมวดบัญชีที่ 4 รายได้ (Revenue) – เครดิตบัญชีที่อยู่ในหมวดนี้เมื่อมีการเพิ่มขึ้น เช่น ยอดขาย หรือ บริการ
- หมวดบัญชีที่ 5 ค่าใช้จ่าย (Expenses) – เดบิตบัญชีที่อยู่ในหมวดนี้เมื่อมีการเพิ่มขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิต หรือ ค่าใช้จ่ายในการบริการ
บันทึกบัญชี ด้านเดบิต | บันทึกบัญชี ด้านเครดิต |
---|---|
สินทรัพย์เพิ่มขี้ น | สินทรัพย์ลดลง |
หนี้สินลดลง | หนี้สินเพิ่มขี้น |
ส่วนของเจ้าของลดลง | ส่วนของเจ้าของเพิ่มขี้น |
รายได้ลดลง | รายได้เพิ่มขี้น |
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขี้น | ค่าใช้จ่ายลดลง |

หมวดบัญชี ค่า ใช้ จ่าย มีอะไรบ้าง
หมวดบัญชีค่าใช้จ่าย เป็นหมวดที่ใช้บันทึกรายการค่าใช้จ่ายของธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ เพื่อให้เกิดการติดตามและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประกอบด้วยหมวดย่อยดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายในการผลิต รวมถึงค่าวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆ เช่น ค่ากระดาษ ค่าเชื้อเพลิง เป็นต้น
2. ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าโฆษณา ค่าตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น
3. ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานและค่าตอบแทน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
4. ค่าใช้จ่ายในการบัญชีและการเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการเงิน ค่าใช้จ่ายในการสอบบัญชี เป็นต้น
5. ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ เป็นต้น
6. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมบำรุง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักร
7. ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานทั่วไป รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถจัดหมวดได้เป็นอย่างชัดเจน เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการส่งเอกสาร เป็นต้น
8. ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ต่างๆ เช่น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการจัดการบัญชี เป็นต้น
9. ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเทคโนโลยี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบเทคโนโลยี เช่น ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
10. ค่าใช้จ่ายในการประกันภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ประกันสินค้า เป็นต้น
11. ค่าใช้จ่ายในการอบรมและพัฒนาบุคลากร รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอบรมพนักงานและพัฒนาทักษะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เป็นต้น
12. ค่าใช้จ่ายในการประชุมและสัมมนา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมและสัมมนา เพื่อเปิดโอกาสให้กับพนักงานในการพัฒนาทักษะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นต้น
13. ค่าใช้จ่ายในการจัดการความเสี่ยง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันองค์กรจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าประกันความเสี่ยง เป็นต้น
14. ค่าใช้จ่ายในการบริการหรือสนับสนุนลูกค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการให้บริการหรือสนับสนุนลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าบริการหลังการขาย เป็นต้น
15. ค่าใช้จ่ายในการป้องกันและต่อต้านการทุจริต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและควบคุมการทุจริตเพื่อป้องกันความเสียหายทางการเงินและภาพลักษณ์ขององค์กร เช่น ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบภายใน เป็นต้น
ทั้งนี้ หมวดบัญชีค่าใช้จ่ายสามารถแบ่งย่อยเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจหรือองค์กรแต่ละแห่ง โดยการแบ่งย่อยนี้จะช่วยให้เกิดการจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
หมวดบัญชี เดบิต เครดิต
หมวดบัญชีเป็นระบบที่ใช้ในการบันทึกการเคลื่อนไหวของเงินในธุรกิจหรือองค์กร โดยประกอบด้วยหลักการเดียวกับสมุดบัญชี ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหมวดหลัก 3 หมวด คือ
- หมวดเดบิต (Debit) หมายถึง เงินเข้า หรือการเพิ่มสินทรัพย์ เช่น การซื้อของสินค้า การได้รับเงินจากลูกค้า การรับเงินกู้ การรับเงินดอกเบี้ย เป็นต้น
- หมวดเครดิต (Credit) หมายถึง เงินออก หรือการลดสินทรัพย์ เช่น การขายสินค้า การจ่ายเงินให้กับผู้ขาย การชำระหนี้ การจ่ายดอกเบี้ย เป็นต้น
- หมวดสมดุล (Balance) หมายถึง การเท่ากันของเดบิตและเครดิตในบัญชีเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้การบันทึกบัญชีเป็นไปได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
การบันทึกบัญชีจะใช้รูปแบบเลขคู่ (Double-entry) ซึ่งหมายความว่า ในการทำรายการแต่ละครั้งจะต้องมีการเพิ่มเงินเข้าและลดเงินออกในบัญชีเดียวกันพร้อมกัน เพื่อให้หมวดเดบิตและหมวดเครดิตเท่ากัน และทำให้หมวดสมดุลเป็นศูนย์
ตัวอย่างการบันทึกบัญชีในหมวดเดียวกัน
- ซื้อสินค้าโดยเงินสด จำนวน 10,000 บาท
หมวดเดบิต: เงินสด 10,000 บาท
หมวดเครดิต: ค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้า 10,000 บาท - ขายสินค้าโดยรับชำระผ่านบัตรเครดิต จำนวน 5,000 บาท
หมวดเดบิต: เงินลูกค้า 5,000 บาท
หมวดเครดิต: รายได้จากการขายสินค้า 5,000 บาท - ชำระเงินกู้ต้นทุนและดอกเบี้ย จำนวน 20,000 บาท
หมวดเดบิต: ค่าใช้จ่ายสำหรับชำระเงินกู้ 20,000 บาท
หมวดเครดิต: เงินสด 20,000 บาท
การบันทึกบัญชีแบบเลขคู่จะช่วยให้เราตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของการบันทึกบัญชีได้ง่ายๆ โดยใช้หมวดสมดุลเพื่อตรวจสอบว่าหมวดเดบิตและหมวดเครดิตเท่ากันหรือไม่ ถ้าหมวดสมดุลเป็นศูนย์ แสดงว่าการบันทึกบัญชีนั้นถูกต้องและครบถ้วน
หมวดบัญชีสินทรัพย์
หมวดบัญชีสินทรัพย์ คือ หมวดหนึ่งในการจัดลำดับบัญชีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวของเงินและทรัพย์สินขององค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยสินทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นทรัพย์สินตามที่ต้องการจะใช้ในการผลิตหรือบริการ เช่น เงินสด บัญชีเงินฝากธนาคาร ลูกหนี้การค้า หรืออาคารสิ่งก่อสร้าง และอื่น ๆ
หมวดบัญชีสินทรัพย์ จะถูกแบ่งออกเป็นหลายหมวดย่อยตามลักษณะและลักษณะของสินทรัพย์ เช่น
- สินทรัพย์หมุนเวียน (Current assets) เช่น เงินสด บัญชีเงินฝากธนาคาร ลูกหนี้การค้า สินค้าคงเหลือ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ต้องเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย
- สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non-current assets) เช่น อาคารสิ่งก่อสร้าง สิทธิ์ในการใช้ที่ดิน สิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการ
- สินทรัพย์เปลี่ยนแปลงค่าตลอดเวลา (Fixed assets) เช่น รถยนต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักรอุตสาหกรรม
- สินทรัพย์อื่น ๆ (Other assets) เช่น สิทธิ์ในการจดทะเบียน ทรัพย์สินทางปัญญา หรือเงินกู้ยืมให้เกิดภาระต่อการค้า
- สินทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (Other business assets) เช่น ค่าเสื่อมราคาสะสม ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า หรือสิ่งที่ซื้อเข้ามาเพื่อใช้ในธุรกิจ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือโลโก้ของบริษัท
- สินทรัพย์ส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจ (Owner’s equity) เป็นสิทธิของเจ้าของธุรกิจในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ของบริษัท เช่น เงินลงทุน เงินกู้ยืมให้บริษัท หรือกำไรสะสม
การจัดลำดับบัญชีสินทรัพย์ให้ถูกต้องมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการจัดการทางการเงินขององค์กร เนื่องจากจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจและผู้บริหารมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การเพิ่มสินทรัพย์ หรือการกู้ยืมเงิน เพื่อให้ธุรกิจขยายตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
หมวดบัญชี แยกประเภท
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ รายได้ และค่าใช้จ่าย เพื่อปะโยชน์ในการอ้างอิง และสะดวกในการค้นหา แบ่งได้ 5 หมวด บัญชีหมวดสินทรัพย์ บัญชีหมวดหนี้สิน บัญชีหมวดส่วนของเจ้าของ บัญชีหมวดรายได้ บัญชีหมวดค่าใช้จ่าย
หมวดบัญชี 5 หมวด ภาษาอังกฤษ
The five categories of accounts in accounting are:
- Assets – Assets are resources that a company owns or controls, such as cash, inventory, property, or equipment.
- Liabilities – Liabilities are obligations or debts that a company owes to others, such as loans, accounts payable, or salaries payable.
- Equity – Equity represents the ownership interest in a company, which includes the value of assets minus liabilities. Equity includes common stock, retained earnings, and other reserves.
- Revenue – Revenue is the amount of money a company earns from selling goods or services to its customers.
- Expenses – Expenses are the costs incurred by a company in the process of generating revenue, such as salaries, rent, utilities, and supplies.
การ แบ่ง หมวดบัญชี
การแบ่งหมวดบัญชีเป็นการจัดเรียงข้อมูลทางการเงินขององค์กรเพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและวิเคราะห์การเงินขององค์กรได้อย่างถูกต้องและสะดวกสบาย การแบ่งหมวดบัญชีจะต้องเป็นไปตามหลักการบัญชีที่มีอยู่และสอดคล้องกับระบบบัญชีที่องค์กรใช้
หมวดบัญชีที่ส่วนใหญ่ใช้ในการบัญชีประกอบด้วย
- บัญชีสินทรัพย์ (Assets)
- บัญชีหนี้สิน (Liabilities)
- บัญชีทุน (Equity)
- บัญชีรายได้ (Revenue)
- บัญชีค่าใช้จ่าย (Expenses)
โดย บัญชีสินทรัพย์ จะแบ่งออกเป็น สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) และสินทรัพย์ถาวร (Non-current Assets)
บัญชีหนี้สิน จะแบ่งออกเป็น หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) และหนี้สินถาวร (Non-current Liabilities)
ส่วนบัญชีทุน จะแบ่งออกเป็น ทุนเริ่มต้น (Capital) และกำไรสะสม (Retained Earnings)
บัญชีรายได้ จะแบ่งออกเป็น รายได้หมุนเวียน (Operating Revenues) และรายได้ไม่ใช่การดำเนินงาน (Non-operating Revenues)
บัญชีค่าใช้จ่าย จะแบ่งออกเป็น ค่าใช้จ่ายหมุนเวียน (Operating Expenses) และค่าใช้จ่ายไม่ใช่การดำเนินงาน (Non-operating Expenses)
การแบ่งหมวดบัญชีจะช่วยให้การบันทึกบัญชีและการจัดทำงบการเงินเป็นไปอย่างเป็นระบบ
สินทรัพย์อยู่หมวดไหน
บัญชีสินทรัพย์ อยู่หมวด 1
หนี้สินอยู่หมวดไหน
บัญชีหนี้สิน อยู่หมวด 2
ส่วนของเจ้าของอยู่หมวด
บัญชีส่วนของเจ้าของ หรือ ทุน อยู่หมวด 3
หมวดบัญชี สินทรัพย์
ตัวอย่างบัญชีสินทรัพย์ เช่น สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน , สินทรัพย์หมุนเวียน , เงินสดและเงินฝากธนาคาร,เงินสด , เงินฝากธนาคาร , บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน , บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ , ลูกหนี้กรมสรรพากร , ภาษีซื้อ , ลูกหนี้กรมสรรพากร , ภาษีซื้อยังไม่ถึงกำหนดชำระ , ภาษีซื้อรอตัดจ่าย(เช่าซื้อ) , สินค้าคงเหลือ , ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า เป็นต้น
หมวดบัญชี หนี้สิน
ตัวอย่างบัญชีหนี้สิน เช่น หนี้สินหมุนเวียน , เจ้าหนี้การค้า , เจ้าหนี้การค้า-ในประเทศ , เจ้าหนี้การค้า-ต่างประเทศ , เช็คจ่ายลงวันที่ล่วงหน้า , เจ้าหนี้เงินยืมกรรมการ , เงินกู้ยืมธนาคาร หนี้สินหมุนเวียนอื่น , เงินปันผลค้างจ่าย , ดอกเบี้ยค้างจ่าย , เงินประกันสังคมค้างจ่าย , ค่าภาษีธุรกิจค้างจ่าย , ภาษีหัก ณ ที่จ่ายค้างจ่าย , ภาษีหัก ณ ที่จ่ายค้างจ่าย ภ.ง.ด.1 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายค้างจ่าย ภ.ง.ด.3 เป็นต้น
หมวดบัญชี ส่วนของเจ้าของ/ทุน
ตัวอย่างบัญชีส่วนของเจ้าของ/ทุน เช่น ทุนเรือนหุ้น , สำรองตามกฎหมาย , กำไร(ขาดทุน) สะสม , กำไร(ขาดทุน) สะสมจัดสรรแล้ว , กำไร(ขาดทุน) สะสมยังไม่ได้จัดสรร , กำไร(ขาดทุน) สุทธิ
หมวดบัญชี รายได้
ตัวอย่างบัญชีรายได้ เช่น รายได้จาการขายสินค้า , รายได้จาการขายสินค้าเชื่อ , รายได้จาการขายสินค้าสด , รับคืนสินค้าและส่วนลดจ่าย , เพิ่มหนี้ , รายได้จากการบริการ , รายได้จากการโฆษณา , รายได้จากการจดทะเบียน , รายได้อื่น ๆ , รายได้จากการขายเบ็ดเตล็ด , ดอกเบี้ยรับ , กำไร(ขาดทุน) จากการจำหน่ายสินทรัพย์ , กำไร(ขาดทุน) จากการปริวรรตเงินตรา , เงินปันผล , รายได้อื่น ๆ เป็นต้น
หมวดบัญชี ค่าใช้จ่าย
ตัวอย่างบัญชีค่าใช้จ่าย เช่น ต้นทุนขาย , สินค้าคงเหลือต้นงวด , ซื้อสินค้าสำเร็จรูป , ซื้อสินค้าสำเร็จรูป , ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อ , ส่งคืนและส่วนลดรับ , สินค้าคงเหลือปลายงวด , ต้นทุนขายบริการ , ค่าวัสดุอุปกรณ์ , ค่าแรงบริการ , ค่าไฟฟ้าน้ำประปา , ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น

อ่านบทความทั้งหมด >>> รับทำบัญชี.com

รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
สินทรัพย์ด้อยค่า ทางบริษัทพบว่ามีข้อบ่งชี้ที่ทำให้เชื่อ
7 ขั้นตอน ปิดงบเปล่าด้วยตัวเอง ตัวอย่าง ฟรี
โยเกิร์ต กิจการค้า รายรับ รายจ่าย !
การ จดทะเบียนบริษัท มีผลต่อ การขอสิทธิ์ ในการใช้ชื่อ โดยไม่ต้องจดทะเบียนสิทธิบัตรหรือไม่?
การ จดทะเบียนบริษัท มีผลต่อ การขอหนังสือรับรอง บริษัท หรือไม่?
สิ่งที่ต้องรู้ เกี่ยวกับ จดทะเบียนบริษัท ใน การเปิด รับทุน การลงทุน ?
การ จดทะเบียนบริษัท มี การตรวจสอบ เอกสาร หรือ ข้อมูลสำหรับเจ้าหน้าที่ภาครัฐหรือไม่?
จดทะเบียนบริษัท คือ การยืนยันสิทธิ์ ทางกฎหมาย ในการเป็น เจ้าของธุรกิจ หรือไม่?