ทำบัญชีนำเข้าส่งออก

รับทำบัญชี.COM | บริษัทนำเข้า ส่งออกขอคืนภาษีชิปปิ้งตัวกลาง?

Click to rate this post!
[Total: 128 Average: 5]

รับทำบัญชี นำเข้าส่งออก

บริษัท ปังปอน จำกัด รับทําบัญชี ส่งออก บริการ รับทำบัญชี บริษัท นำเข้า ส่งออก ชิปปิ้ง ที่อยู่ 47/103 หมู่ 5 แจ้งวัฒนะ บางพูด ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 ติดต่อ โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)

ธุรกิจนำเข้าส่งออก เป็นธุรกิจที่ให้บริการ ขนส่งระหว่างประเทศ อาจอยู่ในรูปแบบบริษัทนำเข้าสินค้า จากต่างประเทศ หรือ บริษัทชิปปิ้ง (Shipping) ผู้ที่ต้องการซื้อสินค้า หรือบริการ จากต่างประเทศ มักประสบปัญหากับการจัดทำเอกสาร หรือไม่อยากปวดหัวกับการเตรียมเอกสารเอง ก็จะมีการใช้บริการบริษัทที่รับขนส่งระหว่างประเทศ หรือ ที่เรียกว่า ชิปปิ้ง (Shipping) นั้นเอง บริษัทที่ประกอบกิจการด้านนี้ จะต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องและเงื่อนไขที่ต้องรับรู้ อยู่ในหลายส่วนงาน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางอากาศ ทางน้ำ แต่ละเงื่อนไงก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เราขอแบ่งการนำเข้าส่งออก เป็น 2 ประเภท คือ 1.นำเข้า-ส่งออกเอง และ 2.ใช้บริการตัวกลางนำเข้า-ส่งออก

รับทำบัญชีนำเข้าส่งออก

รับทำบัญชีนำเข้าส่งออก

นำเข้า-ส่งออก เอง 

ปัจจุบันการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เป็นที่นิยมาก ที่เห็นชัด ๆ คือการขายออนไลน์ ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจการ โดยเป็นแบบ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลก็ได้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้เมื่อเราต้องการนำเข้าสินค้าเองมีอยู่หลายเรื่อง เช่น  

  1. เอกสารที่ใช้ในการบันทึกบัญชี 
  2. ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก 
  3. ช่องทางการนำเข้าส่งออก
  4. ต้นทุนที่จะนำมาใช้
  5. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก
  6. การขอใบอณุญาตประกอบกิจการ เป็นต้น 

ใช้บริการตัวกลาง นำเข้า-ส่งออก 

โดยทั่วไปทางบริษัทที่เป็นตัวกลาง เช่น Shipping , Cargo จะดำเนินการด้านเอกสารให้เรียบร้อย ส่วนเราที่เป็นผู้ใช้บริการมีหน้าที่ จ่ายค่าบริการ และหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ให้เรียบร้อย และ จัดส่งเอกสารที่ ทางตัวกลางเป็นผู้จัดเตรียมให้กับผู้ประกอบการเกือบทั้งหมด มาให้บัญชีเป็นผู้บันทึก หน้าที่ของผู้นำสินค้ามาขาย ก็คือดูเอกสารที่ต้องนำมาลงบันทึกบัญชี กับเอกสารที่ใช้ในการเสียภาษี ให้ถูกต้องครบถ้วนเท่านั้น 

รับทำบัญชี-นำเข้าส่งออก

รับทำบัญชี-นำเข้าส่งออก

ภาษีที่เกี่ยวข้อง นำเข้าส่งออก

  1. อากรขาเข้า / อาการขาออก
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 
  4. ภาษีสรรพสามิต
  5. ภาษีเพื่อมหาดไทย เป็นต้น
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก

ภาษีนำเข้า-ส่งออก บริการ 

1.การนำเข้าบริการ

การนำเข้าบริการ เป็นการใช้ประโยชน์จากการให้จากต่างประเทศ โดยบริการนั้นเกิด ในราชอาณาจักร (ประเทศไทย) เช่น การจ่ายค่าโฆษณา face book , google Ads เป็นต้น 

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรมีการกำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าบริการอยู่ที่ 7% ของมูลค่าบริการโดยที่จุดรับผิดทางภาษี (Tax Point) จะเกิดเมื่อมีการชำระค่าบริการ ซึ่งต้องยื่นชำระภาษีโดยแบบ ภ.พ.36 ในเดือนถัดไป 
  • สำหรับบุคคลผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ อ้างอิงถึงกฎหมาย e-Service (อ้างอิง: พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓)) ที่เริ่มใช้เมื่อ 1 กันยายน 2564 กำหนดเงื่อนไขดังนี้
    • ในกรณีที่ผู้ใช้บริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม – ผู้ใช้บริการเป็นผู้ที่ต้องนำส่งแบบ ภ.พ.36 เอง
    • ในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม – ผู้ให้บริการจะเป็นผู้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม 
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับการนำเข้าบริการต่างประเทศนั้น กรมสรรพากรมีข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้ประเภท 40(2)-40(6) เช่น ค่านายหน้า ค่าลิขสิทธิ์ ค่าเช่า และค่าบริการทางวิชาชีพ มีหน้าที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% หรือตามอัตราอนุสัญญาภาษีซ้อน และยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ในเดือนถัดไป
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณี ส่งออก รัฐส่งเสริมให้สินค้าในสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ โดยกำหนดให้คิดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 0% แต่ไม่ได้เรียกว่าได้รับการยกเว้น ตามที่หลายคนเข้าใจผิด

2.การส่งออกบริการ

การส่งออกบริการ หมายถึง การให้บริการใดๆ ในราชอาณาจักร (ประเทศไทย) โดยมีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ เช่น การให้บริการวางแผนการขาย การตลาด และการเงิน แก่บริษัทต่างประเทศ โดยมีการส่งเป็นรายงานให้ทาง e-mail ซึ่งประโยชน์ทั้งหมดจะเป็นของบริษัทซึ่งตั้งในต่างประเทศเท่านั้น 

ภาษีนำเข้า-ส่งออก สินค้า

1.การนำเข้าสินค้า

การนำเข้าสินค้าจะต้องเป็นสินค้าจากต่างประเทศ ต้องเป็นสินค้าที่ถูกตามกฎหมายที่กรมศุลกากร อณุญาตเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเพื่อนำมาจำหน่ายหรือใช้เอง เช่น เครื่องประดับ ของชำร่วย เสื้อผ้า สินค้าไอที เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเทคโนโลยี เป็นต้น โดยภาษีที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ 

  • อากรขาเข้า จะถูกเรียกเก็บเมื่อมีการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อัตราที่กำหนดไว้คือ เมื่อราคาสินค้า (Cost, “C”) + ค่าประกันภัย (Insurance, “I”) + ค่าขนส่ง (Freight, “F”) [C.I.F] รวมกันเกินกว่า 1,500 บาท  กรมศุลกากรมีการกำหนดอากรขาเข้า โดยการคำนวณจาก (ราคา C.I.F x อัตราอากรขาเข้า ) อัตราอากรขาเข้า เช่น
    • อัตราภาษีนำเข้า เครื่องแต่งกาย หมวก รองเท้า เครื่องสำอาง น้ำหอม ร่ม ผ้าห่ม 30%
    • อัตราภาษีนำเข้ากระเป๋า 20%
    • อัตราภาษีนำเข้าซีดี ดีวีดี พาวเวอร์แบงค์ หูฟังทุกประเภท อัลบั้มเพลง อัลบั้มคอนเสิร์ต ตุ๊กตา 10%
    • อัตราภาษีนำเข้า แว่นกันแดด แว่นตา นาฬิกา 5%
    • ภาษีสรรพสามิต เมื่อมีการนำเข้าสินค้าที่บริโภคแล้ว อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรมอันดี สินค้าที่มีลักษณะเป็นการฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์ เครื่องดื่ม น้ำหอม สุรา ยาสูบ ไพ่ เป็นต้น ผู้นำเข้าจะถูกเรียกเก็บภาษีสรรพสามิต
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้นำเข้าจะถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อนำเข้าสินค้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (หลักการเดียวกับอากรขาเข้า) หรืออธิบายง่ายๆ คือ เมื่อผู้นำเข้าเสียอากรขาเข้า ย่อมต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเสมอ

*สามารถค้นหาอัตราอากรขาเข้าเพิ่มเติมได้ที่ พิกัดอัตราอากรขาเข้า

2.การส่งออกสินค้า 

  • อากรขาออก โดยแต่เดิมกรมศุลกากรกำหนดอัตราอากรไว้สำหรับสินค้า 9 ประเภท แต่ในปัจจุบันจะได้รับยกเว้นเกือบทั้งหมด เหลือแค่ หนังโค หรือหนังกระบือ และสินค้าที่ส่งออกจากพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย (อ้างอิง: ประกาศกรมศุลกากร ที่ ๑๐๓ /2561) ที่ยังคงต้องเสียอากรขาออก
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อผู้ส่งออกสินค้าเป็นผู้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ส่งออกก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% เหมือนกับการส่งออกบริการ โดยมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีและยื่นแบบแสดงรายการ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 23 หากยื่นแบบออนไลน์)

เอกสารที่ใช้ในการบันทึกบัญชี 

  1. INVOICE หรือ COMERCIAL INVOICE คือ เอกสารใบกำกับภาษี ที่แสดงถึงที่มาที่ไปของผู้ขาย ว่าใครเป็นผู้ซื้อ ใครเป็นผู้ขาย สินค้า
  2. Packing list คือ เอกสารที่ใช้บึนทึก และ แสดงรายละเอียด สินค้า เช่น ปริมาณการนำเข้า ประเภทสินค้า บรรจุหีบห่อ ในการนำเข้า ว่ามีปริมาณเท่าไร
  3. B/L (BILL OF LANDING) คือใบส่งสินค้าทางเรือ เป็นเอกสารที่ผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า
  4. AWB (AIR WAY BILL) คือ เอกสารใบส่งสินค้าทางอากาศ (เครื่องบิน) คล้ายกับ B/L ออกเพื่อใช้เป็นหลักฐานการนำเข้า
  5. ใบขนสินค้าขาเข้า แสดงถึงการนำเข้าอย่างครบถ้วนและเสียภาษีนำเข้าอย่างถูกต้องแล้ว
เอกสารที่ใช้ในการบันทึกบัญชีนำเข้าส่งออก

เอกสารที่ใช้ในการบันทึกบัญชีนำเข้าส่งออก

ขั้นตอนการนำเข้าสินค้า

  1. เริ่มที่หน้าโรงานผู้ขายสินค้า
  2. มีการขนส่งสินค้าภายในประเทศของต้นทาง
  3. ผ่านการทำพิธีการศุลกากร ขาออก
  4. เริ่มการขนส่งที่ ท่าเรือ / ท่าอาการศยาน ของประเทศ (ต้นทาง)
  5. สินค้ามาถึง ท่าเรือ / ท่าอากาศยาน ภายในประเทศ (ปลายทาง)
  6. ผ่านพิธีการของศุลกากรสินค้า (อากรขาเข้า)
  7. เริ่มขนส่งและเคลื่อนย้าย สินค้าออกจากท่าเรือ/ท่าอากาศยาน 
  8. ของเดินทางถึงมือผู้ซื้อ 

ขั้นตอนส่งออกสินค้า

  1. ต้องมีการขอใบอณุญาตส่งออก มีเงื่อนไข ข้อกำหนดหลัก คือ ส่งสินค้าได้เท่าไร ต้องไม่เกินที่ขอไว้  (น้อยกว่าได้) ขั้นตอนนี้หากมีการเคลื่อนสินค้าออกจากคลัง ต้องมีการตัด Storck ให้เรียบร้อย สินค้าจะไปอยู่ในรูปแบบ สินค้าระหว่างทาง
  2. ใบขนของ ปัจจุบันอาจอยู่ในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์เพราะต้องยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ 
  3. ขั้นตอนกรมศุลตอบรับ ได้รับใบรับขนส่งสินค้าข้าออกแล้ว จะทำการ สแตมป์ เอกสารให้เรียบร้อย ขั้นตอนนี้สำคัญ เพราะ รายงานภาษีขาย จะต้องถูกบันทึก และรับรู้ภาษีขาย ณ วันที่ กรมศุลเซ็นรับแล้ว
  4. ขั้นตอนต่อไป ตรวจ และปล่อยสินค้าลงเรือขนส่งได้
ขั้นตอนการนำเข้าสินค้า

ขั้นตอนการนำเข้าสินค้า

สิทธิประโยชน์ นำเข้า-ส่งออก

  • การคืนอากรเพื่อการส่งออก ตามมาตรา 29
  • การชดเฉยค่าภาษีอาการ
  • เขตปลอดอากร
  • คลังสินค้าทัณฑ์บน 
  • เขตการค้าเสรี 
  • การส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น 

การบันทึกบัญชี นำเข้าสินค้า

หากเป็นเงื่อนไข FOB การบันทึกรายการลูกหนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อ สินค้าลงเรือแล้ว จะเกิดรายการ ลูกหนี้การค้าต่างประเทศ 

ตัวอย่าง การบันทึกบัญชี เช่น 

DR.ลูกหนี้การค้าต่างประเทศ      

     Cr.รายได้จากการขาย

กรณีที่ 1 นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยจ่ายชำระเงินเต็มจำนวนแล้ว 

ในกรณีนี้บัญชี  “ กำไร (ขาดทุน) จากอัตตราแลกเปลี่ยน” จะยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเงินได้ถูกโอนและตีมูลค่า ณ วันที่ได้จ่ายชำระเรียนร้อยแล้ว ตัวอย่างการบันทึกบัญชี นำเข้าสินค้าราคา 100 บาท โดยใช้ อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 33 บาท 

ณ วันที่ สั่งซื้อสินค้า (ไม่บันทึกบัญชี)

ณ วันที่ จ่ายเงินซื้อสินค้า 

Dr. จ่ายเงินมัดจำค่าสินค้า ( 100*33 )  3,300.-

             Cr. เงินฝากธนาคาร                             3,300.-

ณ วันที่ สินค้ามาถึงท่าเรือ โดยใช้เงื่อนไข (CIF)

Dr. ซื้อสินค้า                  3,300.-

            Cr. เงินมัดจำค่าสินค้า           3,300.-

กรณีที่ 2 นำเข้าสินค้าการต่างประเทศ โดยการใช้บริการ L/C ( Letter of Credit )

ในกรณีนี้ การใช้ L/C เพื่อเป็นการป้องการการได้เปรียบเสียเปรียบ ในการรับส่งสินค้าและการชำระเงิน เพราะ L/C คือ เครื่องมือการชำระเงินทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นเอกสารทั่วไป ในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ ที่ออกโดยธนาคารตามคำขอของผู้ซื้อที่ส่งไปให้ผู้ขาย 

ณ วันที่ สั่งซื้อสินค้า (ไม่บันทึกบัญชี)

ณ วันที่ จ่ายเงินซื้อสินค้า

Dr. สินค้าระหว่างทาง ( 100*33 )     3,300.-

            Cr. เจ้าหนี้ธนาคาร (LC)                   3,300.-

ณ วันที่ ได้รับสินค้า 

Dr. ซื้อสินค้า           3,300.-

         Cr. สินค้าระหว่างทาง          3,300.-

ต่อมา เมื่อถึงวันที่ต้องชำระหนี้ให้ธนาคาร ขั้นตอนนี้ จะมีบัญชี “ กำไร(ขาดทุน)จากอัตตราแลกเปลี่ยน ” เกิดขึ้น เนื่องจากวันที่เราบันทึกเจ้าหนี้เราอาจรับรู้มูลค่าที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่า

ณ วันที่ จ่าย LC ชำระหนี้ธนาคาร ( อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 32 บาท )

Dr. เจ้าหนี้ธนาคาร                         3,300.-    

       Cr.เงินฝากธนาคาร (100*32)                   3,200.-

            กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน       100.-

เพิ่มเติม : วิธีนี้ยังใช้ในการปรับปรุงเจ้าหนี้ธนาคาร (L/C) อีกด้วย หาก ณ วันสินปี ยังเหลือ บัญชีนี้ ต้องทำการปรับปรุงให้เรียบร้อย โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 31 ธค. 25xx 

ตัวอย่าง ยอดคงเหลือ บัญชี เจ้าธนาคาร (L/C) มีจำนวน 250 USD และ ณ วันที่บันทึกบัญชี 1 USD = 32 บาท ต่อมา ถึงวันที่ต้องปิดงบการเงิน อัตตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนเป็น 1 USD = 33.25 บาท

บันทึกบัญชี ณ วัน วันปิดงบการเงินสิ้นปี 

Dr. กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน          312.50.-  

       Cr. เจ้าหนี้ธนาคาร (250*(33.25-32))                312.50.- 

การบันทึกบัญชีนำเข้า

การบันทึกบัญชีนำเข้า

การบันทึกบัญชี ส่งออกสินค้า 

กรณีที่ 1 การขายสินค้าไปต่างประเทศ โดยยังไม่ไดรับชำระเงิน

ในกรณีนี้การขายสินค้าไปต่างประเทศโดยไม่ได้ชำระเงินจะทำให้เกิดบัญชี “กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน” ณ วันที่ได้มีการชำระเงิน ตัวอย่างการบันทึกบัญชี ขายสินค้าในราคา 100 บาท โดยใช้ อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 33 บาท 

ณ วันที่ ขายสินค้าได้ 

Dr. ลูกหนี้การค้าต่างประเทศ  (100*33)     3,300.-

      Cr. ขายสินค้า                                              3,300.-

ณ วันที่ ได้รับชำระเงิน (อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 32 บาท)

Dr.เงินฝากธนาคาร  (100*32)                 3,200.-

     กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน      100.-

         Cr.ลูกหนี้การค้าต่างประเทศ                        3,300.-

การบันทึกบัญชีส่งออก

การบันทึกบัญชีส่งออก

คำถามที่พบบ่อย นำเข้า-ส่งออก

1.สินค้าที่นำเข้ามายังประเทศไทย ต้องเสียภาษีศุลกากรหรือไม่

คำตอบ : โดยทั่วไปสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศไทยต้องเสียภาษีศุลกากร ตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นสินค้าที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ว่าไม่ต้องเสียอากรหรือได้รับการยกเว้นอากร

นำเข้าสินค้าเสียภาษีหรือไม่

นำเข้าสินค้าเสียภาษีหรือไม่

2.ราคาซื้อขายของที่นำเข้า (Transaction value) หมายถึงอะไร

คำตอบ :ราคาซื้อขายของที่นำเข้าคือราคาที่ชำระจริงหรือราคาที่จะต้องชำระสำหรับของที่ได้มีการขายเพื่อส่งออกไปยังประเทศนำเข้า โดยได้มีการปรับราคาแล้ว ตามกฎกระทรวงที่ 132 (พ.ศ.2543) ข้อ 9-13

3.เมื่อราคาสินค้าหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ปรากฏเป็นเงินตราต่างประเทศ ผู้นำเข้าจะต้องทำอย่างไร

คำตอบ :กรมศุลกากรกำหนดให้สำแดงราคาศุลกากรเป็นเงินสกุลบาทไทยในใบขนสินค้าขาเข้า โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กรมศุลกากรประกาศกำหนดในแต่ละเดือน ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูอัตราแลกเปลี่ยนได้จากประกาศกรมศุลกากรและทางเว็บไซต์กรมศุลกากร http://www.customs.go.th

นำเข้าสินค้าเงินตราต่างประเทศ

นำเข้าสินค้าเงินตราต่างประเทศ

4.ราคาซื้อขายของที่นำเข้า (Transaction value) หมายถึงอะไร

คำตอบ : ราคาซื้อขายของที่นำเข้าคือราคาที่ชำระจริงหรือราคาที่จะต้องชำระสำหรับของที่ได้มีการขายเพื่อส่งออกไปยังประเทศนำเข้า โดยได้มีการปรับราคาแล้ว ตามกฎกระทรวงที่ 132 (พ.ศ.2543) ข้อ 9-13

5.เมื่อลูกค้ามีการชำระเงินต้องบันทึกบัญชีหรือไม่

คำตอบ : ขั้นตอนการบันทึกบัญชี เมื่อได้รับเงินจำเป็นต้องบันทึกบัญชี แต่ยังไม่จำเป็นต้องขึ้นเงินกับธนาคารได้ ทั้งนี้ จะเกิดบัญชี กำไรขาดทุนจากจากอัตตราแลกเปลี่ยน ขึ้น เมื่อสิ้นรอบบัญชี หรือมีการขึ้นเงิน ก็อยู่ที่นโยบายของบริษัทอีกด้วย

6.รับเงินสดก่อนส่งออกสินค้า บันทึกบัญชี หรือไม่

คำตอบ: ต้องทำการบันทึกบัญชีหากมีการรับเงินสดก่อนมีการส่งออกสินค้า ให้ลงบัญชี รับล่วงหน้า แต่ในส่วนของภาษีขายยังไม่เกิดขึ้น ณ กิจกรรมนี้ 

7.ภาษีที่เกี่ยวข้องกับ นำเข้า-ส่งออก มีอะไรบ้าง

คำตอบ : อากรขาเข้า ถือเป็นต้นทุนสินค้าให้นำมาคำนวนต้นทุนสินค้าในการขาย

ภาษีมุลค่าเพิ่ม ณ จุดผ่านแดน กรมศุลกากร จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือที่เรียกว่าภาษีนำเข้า เราสามารถนำมาใช้เคลมภาษีซื้อได้ หากเราอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีนำเข้าส่งออก

ภาษีนำเข้าส่งออก

8.สินค้านำเข้าไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นำมาเคลม VAT ได้หรือไม่

คำตอบ : โดยส่วนใหญ่สามารถนำมาใช่เป็นต้นทุนได้ แต่ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ แต่ก็มีข้อยกเว้น คือ สินค้าที่หาซื้อมาเข้าเงื่อนไขตามที่กรมสรรพากรกำหนด มีแหล่งที่มาชัดเจน และสามารถระบุ หรือข้อหลักฐานการจ่ายเงินได้ ก้สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ เช่น มีบัตรประชาชนผู้ที่เราซื้อขายด้วย มีสลิปการโอนเงินตรงกับสินค้าที่ซื้อ เป็นต้น 

9.ซื้อสินค้าไม่มี Vat สามารถขายแบบมี Vat ได้หรือไม่ 

คำตอบ : หาผู้ประกอบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว (อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม) ก็สามารถขายแบบมี VAT ได้ (ภาษีขาย) ทั้งนี้ผู้ประกอบเองอาจมองว่า ต้นทุนสินค้าที่นำเข้าแบบไม่มี ภาษีซื้อ สามารถทำกำไรได้มากกว่าสิ้นค้าที่มี ภาษีซื้อ ก็สามารถทำได้ เพียงแต่คุณต้องมีหน้าที่เปิดใบกำกับภาษีขายให้ถูกต้องตามที่สรรพากรกำหนด

10.สินค้าเกิดความเสียหาย ระหว่างทาง

คำตอบ : หากสินค้าเกิดความเสียหายระหว่างทาง ไม่ว่าจะ เป็นในรูปแบบเงื่อนไข  FOB หรือ CIF ก็ตาม ภาระจะตกอยู่กับผู้ซื้อ ผู้ซื้อสินค้าจะต้องเป็นผู้ทำการเคลมกับบริษัทประกันเอง

สินค้าเกิดความเสียหายระหว่างทาง

สินค้าเกิดความเสียหายระหว่างทาง

11.ภาษี หัก ณ ที่จ่าย นำเข้า-ส่งออก

คำตอบ : หากบริษัทเรามีการจ่ายเงินจ้าง บริษัทที่เป็นตัวกลางนำเข้า เช่น Shipping เราต้องทำการ หัก ภาษี ณ ที่จ่าย ตามยอดที่ใ้ช้บริการ 3 % เช่น ค่าบริการ 10,000 บาท ( 10,000*3% = 300 บาท ) แล้วนำ 300 บาท มากรอกลงในแบบ ภงด 53 เพื่อนำส่งในเดือนถัดไป 

เพิ่มเติม : กรณีที่ Shipping มีการจ้างงานต่อ โดยอาจใช้บริการ ขนส่ง หรือ มีการจ่ายค่าแรง โดย บริษัทเราเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่าย ต้องใช้ทาง Shipping หัก ณ ที่จ่าย แทนเรา โดยใช้ ชื่อเราบริษัท เราเป็นผู้ มีหน้าที่ หัก ณ ที่จ่าย เมื่อหัก เรียบร้อยแล้ว ให้นำ ใบ หัก ณ ที่จ่าย (ฉบับสำเนา) นำส่งให้ทางบริษัทเราทุกครั้งที่มีการหักแทนเรา

บัญชี การนำเข้า ส่งออก ทางอากาศ เครื่องบิน

ขั้นตอนในการส่งออกและนำเข้าสินค้าทางอากาศ

  1. Shipper สำรองระวางสินค้ากับ Carrier หรือ Carrier Agent กรณีนี้ Shipper จะเป็นผู้ส่งออกเอง ผู้รบประโยชน์
    หรือเป็นบริษัท Freight Forwarder ก็ได้
  2. Shipper หรือ Forearder นำสินค้าและเอกสารส่งมอบเอกสารที่ฝากส่งไปพร้อมสินค้านี้ ได้แก่ Commercial
    Invoice Packing List } Certificate of Origin หรือเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการออกของที่ปลายทางอย่างเร่งด่วน
    อื่นๆ เพราะการขนส่งทางเครื่องบินจากต้นทางไปปลายทางใช้เวลาเร็วมาก เอกสารที่ส่งผ่านระบบธนาคาร หรือจัด
    ส่งทางไปรษณีย์โดยตรงจึงมักเดินทางถึงช้ากว่าเสมอ
  3. Shipper หรือ Forwarder ทำใบขนขาออก (Export Entry) และผ่านพิธีการศุลกากร-รอตรวจปล่อย สำหรับ
    ประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2007 กระบวนการเพื่อให้มีการตรวจปล่อยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เปลี่ยนมาใช้
    ระบบ e-Customs ผ่านการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ด้วยภาษ EBXML การทำใบขน จึงกระทำการ Generate ผ่าน
    ข้อมูลใน e-Commercial Invoice จัดส่งไปยังศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีเอกสารกระดาษอีกต่อไป
  4. Carrier หรือ Agent รับสินค้าเข้าจัดเก็บไว้ในคลังออก AirWaybill ให้แก่ Shipper
  5. Carrier นำสินค้าที่รับไว้มาแยกจุดหมายปลายทาง
  6. จัดทำ บัญชีสินค้าในเครื่องบิน ทุกรายการที่ Load ไปยังปลายทางบันทึกรวมกันไว้ในเอกสารชุดเดียวกันหมด
  7. เมื่อสินค้าถึงปลายทาง Carrier จะตรวจรับสินค้าและเอกสาร ต่อจากนั้นสายการบินจะรับจัดทำใบสั่งปล่อยสินค้า
  8. นำสินค้าเข้าคลังสินค้า รีบทำการแจ้ง Notify Party ถึงการมาถึง พร้อมให้ข้อมูลแก้ผู้นำเข้าหรือตัวแทน
  9. ให้ Notify Party จะต้องรีบแจ้งธนาคารทันที่ เพื่อร้องขอหนังสือ หรือจดหมายขอรับ D/O
  10. Notify Party นำ D/O กลับไปให้ธนาคารสลักหลัง แต่ต้องชำระเงินก่อน หากไม่ชำระเงินเนื่องจากมีวงเงินสินเชื่อ
    ประเภท T/R จะต้องยื่นTRUST RECEIPT หรือ T/R ซึ่งหมายถึงสัญญาขอรับมอบเอกสารแสดงสิทธิ์ออกจาก
    ธนาคารก่อนชำระเงินเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่นี้คือใบสั่งปล่อยสินค้า
  11. Forwarder ชำระค่าใช้จ่าย ปากเอกสารขนส่งระบุว่าค่าระวางจะต้องมีการจ่ายกันที่ปลายทางหรือ freight to
    collect หากมีค่า rent-fee & service charge ก็ต้องจ่ายให้ครบถ้วน
  12. Forwarder จัดทำ import Entry – จ่าย duties} taxes and charges ผ่านพิธีการศุลกากรให้เรียบร้อย
  13. หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ศุลกากร ทำการตรวจปล่อยเรียบร้อยแล้ว imp Forwarder Ot นำสินค้าออกมาจากคลังสินค้า
    ส่งมอบที่ปลายทาง
 
รับทำบัญชี นำเข้าส่งออก
รับทำบัญชี นำเข้าส่งออก

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )