ธุรกิจโลจิสติกส์
ธุรกิจโลจิสติกส์น่าท้าทายมาก เริ่มต้นได้ด้วยการกล่าวถึงความสำคัญของฟอเวิดเดอร์ (forwarder) ในวงการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นตัวกลางที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการและประสานกับการขนส่งสินค้าทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ ความสำเร็จของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์บ้านเมืองได้ขึ้นอยู่กับความเชื่อมโยงและประสานงานที่ดีของบริษัทขนส่งและฟอเวิดเดอร์ ในการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุด A ไปยังจุด B โดยมีความรวดเร็ว ปลอดภัย และทันเวลา
การตีความหมายของคำว่า “ขนส่ง” และ “โลจิสติกส์” เป็นสิ่งสำคัญ โดยการบูรณาการและการปรับปรุงกระบวนการขนส่งเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการจัดการและติดตามการขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
ในแง่ของธุรกิจ ความสำคัญของการคิดเชิงกลยุทธ์และการวางแผนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้บริษัทขนส่งเอกชนและฟอเวิดเดอร์สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำในวงการนี, การเข้าใจแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจะเป็นปัจจัยที่สำคัญ
ประเภทของธุรกิจโลจิสติกส์
-
การขนส่งและโลจิสติกส์สากล การบริการขนส่งสินค้าทางบก, ทางน้ำ, ทางอากาศ และการโลจิสติกส์สากล เช่น การจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ
-
โลจิสติกส์อุตสาหกรรม การจัดการโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรมผู้ผลิต ซึ่งเน้นการจัดส่งวัสดุในกระบวนการผลิตและจัดส่งสินค้าสำเร็จรูป
-
โลจิสติกส์การค้า การจัดการโลจิสติกส์ในการค้าระหว่างประเทศ เช่น การจัดการคลัสเตอร์, คลัสเตอร์บรรทุก, การบริการโลจิสติกส์ในโซนอุตสาหกรรม
-
โลจิสติกส์ทางการค้าออนไลน์ การจัดการโลจิสติกส์ในธุรกิจออนไลน์ เช่น การจัดส่งสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์
แนวโน้มของธุรกิจโลจสติกส์
-
การใช้เทคโนโลยีในโลจิสติกส์ การบริษัทในธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น การใช้ระบบการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ, ระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์, และการใช้โซลูชั่นดิจิทัลในการติดตามข้อมูลและกระบวนการขนส่ง
-
การให้บริการโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่น ลูกค้าต้องการบริการโลจิสติกส์ที่มีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บริษัทจึงต้องพัฒนาการบริการเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแบบทันที
-
ความสำคัญของยักษ์ในโลจิสติกส์ การลดการใช้พลังงาน, การใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, และการลดโลหะกำลังงาน กลายเป็นหัวข้อที่มีความสำคัญในธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบัน
ธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยปัจจุบัน
ในประเทศไทย ธุรกิจโลจิสติกส์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราเห็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาโลจิสติกส์ ทำให้มีการพัฒนาพื้นที่โลจิสติกส์ในอุตสาหกรรมและพื้นที่พิเศษสำหรับคลัสเตอร์ในทุกภูมิภาคของประเทศ เราเห็นการร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำในโลก เพื่อพัฒนาระบบการขนส่งและการโลจิสติกส์ในประเทศ การปรับตัวและการใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ยืดหยุ่นและมีความปลอดภัย ธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยกำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและลูกค้าในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยความรวดเร็วและมีความยืดหยุ่น
ตารางรายรับรายจ่าย ตัวอย่างบัญชี ธุรกิจโลจิสติกส์
การทำรายรับและรายจ่ายเป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการเงินส่วนตัวหรือธุรกิจ การรับรู้ว่ารายได้มากจากไหน และรายจ่ายที่สำคัญมีอะไรบ้าง สามารถช่วยให้คุณมีการควบคุมเงินทองและวางแผนการเงินอย่างมีระบบได้ดีขึ้น
แนวทางการจัดบัญชีรายรับและรายจ่ายของธุรกิจโลจิสติกส์ อาจประกอบด้วย
รายรับ
-
ค่าบริการขนส่งสินค้า รายรับหลักมาจากการให้บริการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า โดยจะคิดอัตราค่าบริการตามระยะทางหรือน้ำหนักของสินค้า
-
ค่าบริการเสริม รายรับจากบริการเสริม เช่น บริการเก็บเงินปลายทาง, บริการตรวจสอบและบรรจุสินค้า, หรือบริการติดตามสถานะการขนส่ง
-
ค่าบริการรถขนส่ง รายรับจากการให้บริการรถขนส่งสินค้าให้กับธุรกิจอื่นๆ
รายจ่าย
-
ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยของสินค้า ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยของสินค้าระหว่างการขนส่ง
-
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถขนส่งเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างประสิทธิภาพและปลอดภัย
-
ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน ค่าจ้างพนักงานที่ทำงานในการขนส่งสินค้า, การตรวจสอบสินค้า, หรือการบรรจุหีบห่อสินค้า
-
ค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังหรือสต็อกสินค้า ค่าเช่าสถานที่ที่ใช้เก็บสินค้ารอการขนส่ง
-
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ค่าเช่าสถานที่ทำงาน, ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการธุรกิจ, ค่าใช้จ่ายในการตลาดและโฆษณา, ค่าใช้จ่ายในการบริหารการเงินและบัญชี
-
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้า เช่น ค่าใช้จ่ายในการบริการลูกค้า, ค่าใช้จ่ายในการบริการสินค้า, ค่าใช้จ่ายในการบริการสินค้า, หรือค่าใช้จ่ายในการบริการสินค้า
การจัดบัญชีให้ครบถ้วนและตรงตามขั้นตอนทางบัญชีเพื่อให้ข้อมูลทางการเงินแม่นยำ และเพื่อความคงทนของธุรกิจ แนะนำให้ใช้ซอฟต์แวร์บัญชีหรือได้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทางการบัญชีในการจัดทำบัญชีรายรับและรายจ่ายของธุรกิจของคุณ
นี่คือตัวอย่างของรูปแบบ comparison table ที่แสดงรายรับและรายจ่ายของธุรกิจโลจิสติกส์
รายการ | รายรับ (บาท) | รายจ่าย (บาท) |
---|---|---|
ยอดขายสินค้า | 500,000 | – |
ค่าขนส่งสินค้า | – | 100,000 |
ค่าเช่าคลังสินค้า | – | 50,000 |
ค่าจ้างพนักงาน | – | 200,000 |
ค่าใช้จ่ายในการตลาด | – | 30,000 |
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร | – | 80,000 |
กำไรสุทธิ | – | 40,000 |
ในตัวอย่างนี้ รายรับของธุรกิจโลจิสติกส์มาจากยอดขายสินค้าที่มียอดรวมเป็น 500,000 บาท ส่วนรายจ่ายประกอบด้วยค่าขนส่งสินค้า 100,000 บาท, ค่าเช่าคลังสินค้า 50,000 บาท, ค่าจ้างพนักงาน 200,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการตลาด 30,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร 80,000 บาท ทำให้กำไรสุทธิของธุรกิจเป็น 40,000 บาท
อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจโลจิสติกส์
อาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์มีหลากหลาย ซึ่งมีตั้งแต่กระบวนการในภายในธุรกิจและการให้บริการต่างๆ จนถึงบุคคลที่มีหน้าที่ในกลุ่มอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการในโลจิสติกส์ ตัวอย่างเช่น
-
ผู้จัดการโลจิสติกส์ คือผู้ที่รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินการทั้งหมดในธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น วางแผนการจัดส่งสินค้า การจัดการคลังสินค้า และการตรวจสอบการขนส่ง
-
พนักงานคลังสินค้า คือผู้ที่รับผิดชอบในการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า และการจัดส่งสินค้าออกไปยังลูกค้า หรือบริษัทอื่น
-
พนักงานทำความสะอาดและบำรุงรักษาพื้นที่ในคลังสินค้า โกดัง หรือบริษัทโลจิสติกส์
-
พนักงานส่งมอบ คือผู้ที่รับผิดชอบในการนำสินค้าไปส่งถึงลูกค้า โดยใช้พาหนะที่เหมาะสม
-
ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการสต็อกและคลังสินค้า คือผู้ที่มีความรู้และทักษะในการจัดการสต็อกและคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน
นอกจากนี้ยังมีอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์อีกมากมาย เช่น ผู้จัดการธุรกิจ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งทุกอาชีพมีบทบาทสำคัญในการให้บริการและสนับสนุนกิจการให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ค่ะ
การบันทึกข้อมูล การจัดเก็บใบเสร็จ และเอกสารทางบัญชี ธุรกิจโลจิสติกส์
สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistics) การบันทึกข้อมูลและการจัดเก็บเอกสารทางบัญชีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการติดตามการจัดส่งสินค้าและการบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพ นี่คือตัวอย่างของขั้นตอนที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจโลจิสติกส์
-
บันทึกข้อมูลการจัดส่ง
- บันทึกข้อมูลการจัดส่ง เช่น รายละเอียดของสินค้า, วันที่จัดส่ง, สถานที่รับสินค้าและสถานที่ส่งสินค้า, ปริมาณ, น้ำหนัก, และวิธีการขนส่ง
-
การเก็บใบเสร็จและเอกสารการเงิน
- เก็บใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่ง เช่น ใบแจ้งหนี้, ใบรับรองการส่งสินค้า, ใบเสร็จรับเงินจากลูกค้า, และเอกสารขนส่ง
- ระบุการชำระเงินที่ได้รับจากลูกค้าและรายละเอียดของค่าบริการขนส่ง
-
การบันทึกรายได้และรายจ่าย
- บันทึกรายได้จากการจัดส่ง รวมถึงการชำระเงินจากลูกค้าและรายละเอียดของรายได้
- บันทึกรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขนส่ง เช่น ค่าน้ำมันรถยนต์, ค่าบริการขนส่ง, ค่าภาษี, ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ดินและสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่ง
-
การจัดทำรายงานการเงิน
- จัดทำรายงานการเงินเพื่อสรุปรายได้และรายจ่ายของการขนส่งสินค้า
- วิเคราะห์ผลการขนส่งเพื่อปรับปรุงแผนการเงินและการดำเนินธุรกิจ
-
การตรวจสอบความถูกต้อง
- ตรวจสอบความถูกต้องของใบเสร็จและเอกสารการเงินก่อนบันทึกข้อมูลและการจัดเก็บ
- ตรวจสอบว่าค่าขนส่งและการชำระเงินตรงตามราคาและข้อมูลทางบัญชี
-
การออกใบเสร็จและใบส่งของ
-
เมื่อการขนส่งเสร็จสิ้น คุณควรออกใบเสร็จให้แก่ลูกค้า ในใบเสร็จควรรวมถึงข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อลูกค้าและข้อมูลติดต่อ
- วันที่ออกใบเสร็จ
- รายละเอียดการขนส่ง (สินค้าที่ขนส่ง, จำนวน, ราคาต่อหน่วย)
- รวมยอดเงินที่ต้องชำระหรือรับ
-
รองรับการออกใบส่งของและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เช่น ใบอนุญาตการขนส่ง, ใบรับรองการส่งของ, ใบกำกับภาษี, และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
-
-
การจัดการทางบัญชี
-
- บันทึกข้อมูลการรับเงินจากลูกค้าและรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งในระบบบัญชีของคุณ
- ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีและการบัญชีของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลและการเงิน
- ประมวลผลข้อมูลบัญชีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นรายงานภาษีและการจัดทำงบการเงินประจำปี
คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ควรรู้
คำศัพท์ | คำอธิบาย | ตัวอย่างพาหนะขนส่ง |
---|---|---|
การขนส่ง (Transportation) | กระบวนการย้ายสินค้าหรือวัตถุดิบจากจุดหนึ่งไปยังจุดอื่น | รถบรรทุก, เรือ, เครื่องบิน |
คลังสินค้า (Warehouse) | สถานที่เก็บสินค้าก่อนจัดส่งหรือนำเสนอให้กับลูกค้า | โกดัง, คลังสินค้า, คลังสินค้าอัตโนมัติ |
การจัดส่ง (Delivery) | กระบวนการนำสินค้าจากคลังสินค้าไปยังลูกค้า | บริการจัดส่ง, รถขนส่งสินค้า |
การควบคุมสต็อก (Inventory Control) | กระบวนการควบคุมปริมาณสินค้าในคลังสินค้า | ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ, ซอฟต์แวร์จัดการสต็อก |
ส่งออก (Export) | การนำสินค้าไปยังประเทศอื่นเพื่อการค้าหรือการใช้งาน | การขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ |
นำเข้า (Import) | การนำสินค้าเข้าประเทศจากประเทศอื่นเพื่อการค้าหรือการใช้งาน | การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ |
จุดส่งมอบ (Delivery Point) | สถานที่ที่สินค้าถูกส่งมอบให้กับลูกค้า | ที่บ้านลูกค้า, สำนักงาน |
การตรวจสอบสินค้า (Quality Inspection) | กระบวนการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า | การทดสอบคุณภาพสินค้า, การตรวจสอบสินค้าในโรงงาน |
ค่าขนส่ง (Freight Cost) | ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าจากจุดต้นทางไปยังจุดปลายทาง | ค่าขนส่งทางบก, ค่าขนส่งทางน้ำ |
พาหนะขนส่ง (Transportation Vehicle) | สิ่งที่ใช้ในการขนส่งสินค้า | รถบรรทุก, เรือ, เครื่องบิน |
ธุรกิจ โลจิสติกส์ ต้อง จดทะเบียนบริษัท หรือไม่
ธุรกิจโลจิสติกส์ต้องจดทะเบียนธุรกิจและรับใบอนุญาตธุรกิจตามกฎหมายของประเทศที่ธุรกิจดำเนินการ การจดทะเบียนและรับใบอนุญาตนี้อาจแตกต่างกันตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศและสภาพอาชีพในท้องถิ่น อาจมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องปฏิบัติก่อนจดทะเบียนธุรกิจ เช่น
-
จดทะเบียนธุรกิจ ต้องทำการจดทะเบียนธุรกิจหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของประเทศที่ต้องการดำเนินธุรกิจ โดยต้องเลือกประเภทธุรกิจที่ต้องการดำเนินการตามกฎหมาย และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
-
รับใบอนุญาตธุรกิจ บางประเทศอาจต้องรับใบอนุญาตเพิ่มเติมหรือใบอนุญาตพิเศษสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น ใบอนุญาตขนส่งสินค้า เพื่อให้การดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้ความเป็นกฎหมายและมีความสอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงานกฎหมายท้องถิ่น
-
การขอใบอนุญาตในการขนส่งสินค้า ธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าอาจต้องขอใบอนุญาตในการขนส่งสินค้า ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของการขนส่ง
-
การจัดการทางภาษี การทำธุรกิจโลจิสติกส์อาจมีความเกี่ยวข้องกับภาษีต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสภาพอาชีพและกฎหมายในแต่ละประเทศ ต้องจัดการเรื่องทางภาษีอย่างถูกต้องเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและประสบความสำเร็จในธุรกิจ
-
การเปิดบัญชีธุรกิจ ในการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อาจต้องมีบัญชีธุรกิจเพื่อติดตามรายรับและรายจ่าย การจัดการบัญชีที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจ
เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ควรตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นในประเทศที่ต้องการดำเนินธุรกิจ และปฏิบัติตามขั้นตอนการจดทะเบียนและรับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนค่ะ
บริษัท ธุรกิจโลจิสติกส์ เสียภาษีอย่างไร
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์สามารถประกอบด้วยหลายประเภท และนับว่าเป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมธุรกิจดังกล่าว
-
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นบุคคลธรรมดาอาจต้องเสียภาษีเงินได้ตามอัตราที่กำหนดในประเทศที่ดำเนินธุรกิจ
-
ภาษีเงินได้นิติบุคคล หากธุรกิจโลจิสติกส์เป็นนิติบุคคล อาจต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศที่เปิดกิจการ
-
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในบางประเทศ ธุรกิจโลจิสติกส์อาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีขายหรือบริการตามอัตราที่กำหนด
-
ภาษีอากรนิติบุคคล ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นนิติบุคคลอาจต้องเสียภาษีอากรนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศที่ดำเนินธุรกิจ
-
อากรขาออกและอากรขาเข้า หากธุรกิจโลจิสติกส์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้า อาจต้องเสียอากรขาออกและอากรขาเข้าตามกฎหมายของประเทศที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ
-
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) อาจมีการใช้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในการจ่ายค่าบริการให้กับบุคคลหรือบริษัทที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยมีการหักภาษีจากรายได้ที่จ่ายและนำส่งให้กับหน่วยงานภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับภาษีหัก ณ ที่จ่ายในกิจการโลจิสติกส์ อาจมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะของการจ่ายเงินและประเภทของรายได้ ได้แก่
-
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในการจ่ายค่าบริการโลจิสติกส์ ภาษีหัก ณ ที่จ่ายอาจเกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าบริการโลจิสติกส์ เช่น การจ่ายค่าบริการขนส่งสินค้าหรือบริการโลจิสติกส์อื่น ๆ และต้องมีการหักภาษีจากรายได้ที่จ่ายและนำส่งให้กับหน่วยงานภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในการจ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ นอกจากค่าบริการโลจิสติกส์โดยตรง ค่าสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์อาจมีการหักภาษีจากรายได้ที่จ่ายและนำส่งให้กับหน่วยงานภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในการจ่ายค่าจ้างที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในกิจการโลจิสติกส์ หากการให้บริการโลจิสติกส์เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในการทำธุรกิจ อาจมีการหักภาษีจากรายได้ที่จ่ายและนำส่งให้กับหน่วยงานภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
ภาษีที่ธุรกิจโลจิสติกส์ ต้องเสียอาจแตกต่างกันตามประเทศและพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อย่างถูกต้องและเป็นอย่างชัดเจนค่ะเพื่อความแน่ใจและเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือทนายความที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเพื่อให้คำแนะนำและคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ของคุณในประเทศไทยอย่างละเอียดและครบถ้วน
รับทำบัญชี โทร.081-931-8341 (คุณจ๋า)
ต้นทุนขาย 10 ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจของคุณ วิธีลด เพื่อเพิ่มกำไร?
ปั๊มน้ำมัน กิจการค้า รายรับ รายจ่าย?
จดทะเบียนเอง จดจัดตั้งทะเบียนพาณิชย์ บุคคล ห้างหุ้นส่วน
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า งบบัญชีหมวดไหน บันทึกปรับปรุงอย่างไร?
รับทําบัญชี #2 DBD สำนักงานบัญชี นราธิวาส ปิดงบ จดบริษัท?
ถือเป็น รายได้จากการขาย หรือบริการ?
แม่ค้าร้านค้า ขายของออนไลน์ รายรับจ่าย รู้ก่อนโดนย้อนหลัง?
แพลตฟอร์ม ร้านค้า ออนไลน์ ยอดนิยม?
บัญชีทุน คืออะไร ในทางบัญชี เคลื่อนย้าย?